บทที่ 475 แม่สื่อมาสู่ขอเป็นทางการ + บทที่ 476 กำลังจะคลอด

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 475 แม่สื่อมาสู่ขอเป็นทางการ

หยางจู้และคนอื่นๆ รู้ดีว่าเหลยอันจะมาสู่ขอหยางเล่อเล่อเมื่อนางกลับมา ทุกคนจึงมิได้ประหลาดใจกับคำพูดของเขานัก

หลังจากที่เหลยอันเห็นว่าหยางจู้และคนอื่นๆ เงียบไปครู่ใหญ่ เขาจึงเว้าวอนอย่างอดไม่ได้ “ท่านลุง ข้าจะดูแลเล่อเล่ออย่างดี ได้โปรดเถิด”

นางหยางเอื้อมมือไปสะกิดสามี จนเขาตอบกลับ “เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้าคิดจะมาสู่ขอลูกสาวของข้าเช่นนี้น่ะหรือ”

เหลยอันรู้สึกว้าวุ่นใจ ก่อนจะหัวเราะอย่างเขินๆ “ไม่ใช่ ข้าเพียงมาแจ้งให้พวกท่านทราบล่วงหน้าเท่านั้น”

หยางจู้มองชายหนุ่มอย่างหมดหนทาง “ได้ ถ้าเจ้าอยากแต่งงานกับลูกสาวของข้า เจ้าก็ต้องดูแลนางให้ดี ห้ามทำร้ายเล่อเล่อ หากเจ้าทำให้นางต้องเจ็บช้ำ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร พวกเราก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่”

เหลยอันผงกศีรษะ “แน่นอน ข้าจะไม่ทำให้เล่อเล่อเสียใจเด็ดขาด”

“เช่นนั้นก็ดี แล้วเจ้าจะหาคนมาสู่ขอนางกับเราหรือจะจัดการอย่างไรเล่า” หยางจู้มองไหปที่เหลยอันแล้วเอ่ยถาม

ชายหนุ่มคิดครู่หนึ่ง “ข้าจะจ้างแม่สื่อมาสู่ขอให้เป็นทางการ”

“ดีเลย”

เหลยอันพูดคุยกับหยางจู้อีกครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินกลับไป แต่หลังจากย่างเท้าไปได้เพียงสองสามก้าว เขาก็หมุนตัวกลับมา “ท่านลุง ข้าอยากจะซื้อที่ดินเพื่อสร้างบ้าน เพราะหลังจากแต่งงานไปแล้ว เราคงจะไม่อยู่ที่บ้านของนายท่านของข้า”

เขาต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเล่อเล่อ และไม่ต้องการให้คนอื่นนินทาว่าทั้งสองคนอาศัยใต้ชายคาของคนอื่น

“ถ้าเป็นเรื่องของที่ดิน เจ้าต้องไปถามเมิ่งเหยา เพราะนางเป็นคนเดียวที่ครอบครองที่ดินที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาในหมู่บ้าน” หยางจู้ยิ้มและรู้สึกพึงพอใจกับคำพูดของชายหนุ่มเป็นอย่างมาก

“ตกลง ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปหาพี่สะใภ้”

เหลยอันกลับไปหาหนิงเมิ่งเหยา “พี่สะใภ้พอจะจัดสรรที่ดินข้างๆ ให้ข้าสักหนึ่งเฟินกว่าๆ ได้หรือไม่”

“เจ้าต้องการจะสร้างบ้านหรือ”

“ใช่ แม้ว่าท่านกับนายท่านจะบอกว่าพวกเราสามารถอยู่ที่นี่ได้ แต่ข้าคิดว่าเราควรจะสร้างบ้านเป็นของพวกเราเอง ข้าไม่อยากให้คนอื่นๆ พูดนินทาเล่อเล่อ” อยู่ที่นี่ก็เป็นเรื่องดี แต่ชาวบ้านคนคงจะซุบซิบนินทาเล่อเล่อเป็นแน่

หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะ “ได้ ข้าจะยกที่ดินให้เจ้า จะได้ดูแลเล่อเล่อให้ดี”

“เข้าใจแล้ว ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”

“เจ้าจะไปไหนหรือ”

“ข้าจะเข้าเมืองไปหาแม่สื่อ” เหลยอันพูดพลางรีบวิ่งไปควบม้าอย่างมาดมั่น

หยางเล่อเล่อหน้าแดงด้วยความเขินอาย ไม่ใช่ว่าทุกคนจะจ้างแม่สื่อมาทำพิธีสู่ขอกันเช่นนี้เสมอไป นางจึงรู้สึกได้ว่าเหลยอันให้ความสำคัญกับนางอย่างยิ่ง

หนิงเมิ่งเหยาหัวเราะอย่างอดไม่ได้ หลังจากเห็นว่าเด็กสาวข้างๆ หน้าแดงระเรื่อ “ตอนนี้เจ้าสบายใจแล้วหรือไม่ แล้วเจ้าอยากได้บ้านแบบใดหรือ”

“เหยาเหยา ข้ากำลังคิดว่าหลังจากแต่งงานไป ข้าคงจะไม่กลับไปที่ร้านรับซื้องานผ้าปักอีกแล้ว แต่จะเอางานปักผ้ากลับมาทำ เจ้าจะว่าอะไรหรือไม่” หลังจากพวกเขาแต่งงาน เหลยอันไม่มีพ่อแม่หรือผู้อาวุโสที่บ้าน หากนางยังไปที่ร้านรับซื้องานผ้าปัก เหลยอันก็จะต้องอยู่ที่บ้านตามลำพัง ไม่มีผู้ใดช่วยหุงหาอาหารให้เขา

“ข้าเองก็อยากจะปรึกษาเรื่องนี้กับเจ้าอยู่พอดี เจ้าสามารถนำงานปักกลับมาทำได้ และหากมีคำสั่งซื้อจากลูกค้า ข้าก็จะให้คนที่นั่นส่งงานมาให้เจ้าเอง” หากที่บ้านของเหลยอันมีผู้อาวุโส หนิงเมิ่งเหยาก็อยากจะให้หยางเล่อเล่ออยู่ต่ออีกสักพัก แต่เหลยอันต้องอยู่ที่บ้านเพียงคนเดียว ดังนั้น มันจึงเป็นไปไม่ได้

“เหยาเหยา ขอบคุณมากนะ” หยางเล่อเล่อกล่าวขอบคุณ พร้อมกับรู้สึกอบอุ่นใจ

“ขอบคุณข้าทำไมกัน ก็เราเป็นเพื่อนรักกันนี่” หนิงเมิ่งเหยาไม่ชอบให้อีกฝ่ายพูดจาเช่นนี้

หยางเล่อเล่อผงกศีรษะ และไม่เอ่ยวาจาเช่นนั้นอีก ทำให้หนิงเมิ่งเหยารู้สึกดีขึ้น

สามวันต่อมา แม่สื่อมาที่บ้านของหยางจู้

“พี่ชาย ลูกสาวของท่านยังงดงามนัก เหลยอันได้มอบหมายให้ข้ามาทำหน้าที่เป็นแม่สื่อเพื่อสู่ขอนางในนามของเขา” แม่สื่อพูดขึ้นพลางหัวเราะเล็กน้อย

“ดีมาก เข้ามาด้านในก่อนเถิด” หญิงผู้นี้แตกต่างจากแม่สื่อธรรมดาๆ ในหมู่บ้าน นางเป็นแม่สื่อที่คนทั่วไปไม่อาจจ้างวานได้

หลังจากแม่สื่อเข้ามาด้านใน นางก็หยิบเกิงเถี่ย[1]ที่เหลยอันเตรียมเอาไว้ออกมา ขณะเดียวกัน หยางจู้เองก็หยิบของหยางเล่อเล่อขึ้นมา ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนเกิงเถี่ยกัน จากนั้นแม่สื่อจึงพูดขึ้นว่า “ข้าจะให้คนช่วยคำนวณฤกษ์ยามงามดีสำหรับวันมอบของขวัญสินสอด”

“ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็รบกวนด้วย” เขาเอ่ยพลางยื่นถุงสีแดงบางๆ ให้กับแม่สื่อ เห็นได้ชัดว่ามีตั๋วเงินอยู่ด้านใน

หลังจากแม่สื่อจากไป นางหยางก็ยิ้มกว้างอย่างปลื้มใจ “ทีนี้เรามาดูกันว่าพวกชาวบ้านขี้นินทายังจะกล้าพูดใส่ร้ายเล่อเล่อของพวกเราอีกหรือไม่” นี่เป็นครั้งแรกของหมู่บ้านไป๋ซานที่มีแม่สื่อมาสู่ขออย่างเป็นทางการเช่นนนี้

หยางจู้มองภรรยาอย่างอดไม่ได้ “เจ้าควรจะเตรียมสินเดิมและของขวัญสำหรับลูกสาวของพวกเรามิใช่หรือ”

บทที่ 476 กำลังจะคลอด

เมื่อเหล่าชาวบ้านที่มักจะพูดจาเหน็บแนมและเหยียดหยามหยางเล่อเล่ออยู่เสมอ เห็นว่ามีแม่สื่อมาสู่ขอนางอย่างเป็นทางการ พวกเขาจึงหุบปากของตน และรู้สึกอิจฉาริษยาอยู่ในใจ

ชาวบ้านบางคนตาร้อนผ่าว เมื่อเห็นว่าเหลยอันและแม่สื่อนำของขวัญหมั้นหมายมาให้เป็นจำนวนมาก

ของขวัญของพวกเขาต่างเป็นสมบัติชั้นดี ผู้คนต่างไม่เคยเห็นม้วนผ้าเนื้อดีขนาดนี้มาก่อน แม้แต่ขนมหวานยังมาจากร้านในเมืองที่ดีที่สุดอีกด้วย ส่วนสุรานั้นได้มาจากโรงกลั่นของหนิงเมิ่งเหยา ว่ากันว่ามันมีราคาที่สูงมาก

นอกจากนี้ ยังมีเครื่องประดับทองคำและเครื่องเงินในรูปแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอีกมากมาย

เมื่อเห็นสิ่งของเหล่านี้ ใครๆ ต่างก็อิจฉาตาร้อนกันทั้งนั้น นอกจากนี้ เหลยอันยังนำเงินจำนวนสองร้อยตำลึงเงินมาเป็นสินสอดอีกด้วย

ของขวัญการหมั้นนั้นเป็นสินสอดในงานหมั้นเช่นกัน ตอนนี้ เหลยอันได้มอบทรัพย์สมบัติเป็นของขวัญให้หญิงสาวเป็นจำนวนมาก แล้วในวันแต่งงาน เขาจะมอบของขวัญให้เท่าไหร่กันเล่า

“ตอนนี้เจ้ามอบสิ่งของให้ตั้งมากมาย แล้วพวกเราจะให้ของขวัญวันหมั้นอย่างไรเล่า” บางคนเริ่มบ่นเล็กน้อย

เหลยอันเอ่ยตอบอย่างเรียบเฉย “พวกเจ้าจะให้ของขวัญอย่างไรก็เป็นเรื่องของพวกเจ้า” อย่าคิดว่าเขาจะไม่รู้ว่าคนพวกนี้นินทาว่าร้ายหยางเล่อเล่อ

วันนี้ หยางอี้และคนอื่นๆ อยู่ที่บ้าน พวกเขาต่างมองสินสอดทองหมั้นจำนวนมาก “เข้ามาด้านในเร็วเข้า”

ผู้คนด้านหลังนำสิ่งของต่างๆ เข้ามาด้านใน และหลังจากที่หยางจู้บอกว่าจะเลี้ยงเครื่องดื่มทุกคนในวันพรุ่งนี้พวกเขาจึงแยกย้ายกลับไป ผู้คนต่างรู้สึกอิจฉา และคิดว่าหยางเล่อเล่อช่างเป็นหญิงสาวที่โชคดีนักที่พบเจอชายหนุ่มผู้นี้

วันรุ่งขึ้น ตระกูลของหยางจู้เป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงฉลอง ชาวบ้านทุกคนต่างมาร่วมงาน รวมถึงหนิงเมิ่งเหยาและสามีของนาง หญิงสาวมอบเครื่องประดับศีรษะเป็นของขวัญให้กับหยางเล่อเล่อ

เมื่อผู้คนที่มาร่วมงานเลี้ยงฉลองเห็นจานอาหารต่างๆ บนโต๊ะ ต่างก็รู้สึกอิจฉาจนไม่อาจหาคำใดมาบรรยายได้

หยางเล่อเล่อและเหลยอันกำหนดวันแต่งงานของทั้งคู่ไว้ในช่วงสองเดือนข้างหน้า หญิงสาวจะอยู่ที่บ้านเพื่อเย็บชุดแต่งงานของตนเอง โดยนางหยางจะช่วยตระเตรียมสินเดิม นางรู้ว่าคนอื่นๆ ต่างรอดูพวกเขาเสียหน้า แต่คนเหล่านั้นไม่รู้อะไรเสียแล้ว ตระกูลของพวกเขานั้นร่ำรวยเพียงใด ในทุกเดือน หยางเล่อเล่อจะนำเงินกลับมาที่บ้านไม่น้อยกว่าร้อยตำลึงเงินเลยสักครั้ง

ส่วนเหลยอันนั้นก็วุ่นวายอยู่กับการสร้างบ้านของตนเอง เมื่อหนิงเมิ่งเหยาเห็นว่าทั้งสองฝ่ายต่างยุ่ง นางก็มิได้ถือสาอะไร และปล่อยให้พวกเขาจัดการธุระกัน หญิงสาวเพียงแค่ดูแลลูกในครรภ์ของตนเองเท่านั้น

ตอนนี้อายุครรภ์ของนางแปดเดือนแล้ว และในทุกๆ วัน เด็กน้อยก็จะคอยป่วนอยู่เสมอ โดยเฉพาะช่วงกลางคืน บางครั้งเขาคอยก่อกวนตลอดทั้งคืนจนนางนอนไม่หลับ และทุกครั้ง เฉียวเทียนช่างก็จะเอนตัวบนหน้าท้องของภรรยา ก่อนจะพูดคุยกับลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน และราวกับว่าเด็กในครรภ์จะเชื่อฟังผู้เป็นพ่อ จึงยอมหยุดก่อกวนไปชั่วขณะ แต่ก็เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น

พฤติกรรมการนอนหลับของหนิงเมิ่งเหยาจึงเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ตอนนี้นางจะนอนหลับในช่วงเวลากลางวัน ส่วนกลางคืนนั้นนางแทบจะไม่ได้นอนเลย

เมื่อนางตั้งครรภ์ได้เก้าเดือน เฉียวเทียนช่างก็ต้องการหาหมอตำแย แต่ท่านยายฉินบอกว่านางรู้วิธีทำคลอด เขาจึงไม่ต้องหาคนอื่นอีก นอกจากนี้ชิงซวงที่อยู่ข้างๆ ก็บอกว่านางรู้วิธีทำคลอดเช่นกัน ชายหนุ่มจึงวางใจมากขึ้น

ในวันนี้ เฉียวเทียนช่างกำลังประคองหนิงเมิ่งเหยาไปเดินเล่นในสวนอย่างระมัดระวัง ตอนแรกนั้นนางก็ปกติดี ต่อมาท่าทีของหญิงสาวก็เปลี่ยนไป สีหน้าของนางบิดเบี้ยวอย่างยิ่ง “เทียนช่าง ข้าเจ็บท้อง”

ทันใดนั้น เฉียวเทียนช่างก็ตื่นตระหนกอย่างมาก “เจ้ากำลังจะคลอดหรือ”

หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะอย่างแผ่วเบา “ใช่”

“จะให้ข้าอุ้มเจ้ากลับไปหรือไม่”

“ไม่ต้อง แค่ช่วยพยุงข้ากลับไปก็พอ” หญิงสาวห้ามสามี และยืนกรานว่าจะเดินไปเอง ทั้งนี้เพื่อช่วยให้คลอดบุตรง่ายขึ้นนั่นเอง

เฉียวเทียนช่างกังวลใจอย่างยิ่ง แต่เมื่อเห็นภรรยามุ่งมั่นเช่นนั้น เขาจึงทำได้แค่ช่วยพยุงนางกลับไปช้าๆ

“ท่านยาย เหยาเหยากำลังจะคลอดแล้ว ต้องเตรียมอะไรบ้าง” เฉียวเทียนช่างรีบเอ่ยถามขณะมองท่านยายฉิน

ท่านยายฉินชะงักก่อนจะรีบออกคำสั่ง “ไปต้มน้ำในครัวและเตรียมอาหาร ส่วนนายน้อยช่วยพยุงคุณหนูเข้ามาด้านในเจ้าค่ะ” ท่านยายฉินสั่งงานอย่างเป็นระบบ

หลังจากที่ชายหนุ่มพาภรรยาเข้ามาในห้อง เขาก็รีบเดินออกมา พร้อมกับบอกว่าตนเองจะไปเตรียมอาหารให้ภรรยา

หญิงสาวพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดในครั้งนี้ ในอดีตนางเคยได้ยินหญิงสาวทั้งหลายกล่าวว่าตอนที่คลอดบุตรนั้นมันช่างทรมาน แต่นางไม่เคยเชื่อเลย และคิดว่าคนเหล่านั้นพูดจาเกินจริง แต่ทว่าตอนนี้ หญิงสาวเชื่อแล้วว่าความเจ็บปวดนั้นทำให้นางแทบคลั่งจริงๆ

“ท่านยาย ข้าเจ็บปวดเหลือเกิน” หนิงเมิ่งเหยาไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป นางพูดขึ้นด้วยเสียงสะอื้น

[1] ใบที่บันทึกวันเดือนปีเกิดของคู่หมั้น