บทที่ 23.3 บุ่มบ่ามบุกมาข่มขู่ถึงบ้าน (3)

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

บทที่ 23 บุ่มบ่ามบุกมาข่มขู่ถึงบ้าน (3) โดย Ink Stone_Romance

“พี่สะใภ้…” ฮูหยินรองหลัวตาโตและอดที่จะเอ่ยเสียงแหลมไม่ได้

หลัวเหว่ยพาลโกรธจนตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลฮั่วแล้วอย่างชัดเจน แต่ฮูหยินใหญ่กลับโกหกต่อหน้าพระพักตร์หลัวฮองเฮางั้นหรือ?

แต่ฮูหยินใหญ่หลัวกลับพูดแทรกโดยไม่รอให้นางเอ่ยจบ “ท่านกั๋วกงคิดว่าเขากับแม่ทัพฮั่วเป็นขุนนางที่รับใช้ราชสำนักเดียวกัน และต่างก็กินเงินเดือนของราชสำนัก แม้เขาจะปวดใจเรื่องส่วงเอ๋อร์ แต่พวกเราเป็นถึงพระญาติ ดังนั้นจะไม่ทำให้ฝ่าบาทกับฮองเฮาลำบากใจเด็ดขาด จึงได้มอบหมายเรื่องนี้ให้ขุนนางไปตรวจสอบและจะต้องทำให้ความจริงปรากฏให้ได้เพคะ”

แต่ไหนแต่ไรมาหลัวฮองเฮาไม่เคยสนใจครอบครัวของพวกเขา แล้วก็ไม่สนใจว่าล่วงเกินนางไปมากแค่ไหน

รายละเอียดแต่ละจุดของเรื่องหลัวส่วงดูแปลกประหลาดอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีใครรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น

หลัวฮองเฮาเจอคำปฏิเสธอย่างละมุ่นละม่อมของนางไปก็รู้สึกอึดอัดใจและยิ่งหน้าเสีย

“ฮองเฮาเสวยชาสักหน่อยเถิดเพคะ!” แม่นมเหลียงรีบถวายชาให้แล้วช่วยลูบหน้าอกให้หายใจได้สะดวก

ฮูหยินใหญ่หลัวพูดต่อหน้าแล้วว่าไม่อยากให้หลัวฮองเฮาลำบากใจ หากหลัวฮองเฮายืนกรานไม่ยอมรามือ ก็ไม่ใช่ว่าคนของตระกูลนางบังคับให้เข้าไปแทรกแซงเรื่องนี้ แต่เป็นตัวนางเองที่ใจแคบและเจ้าคิดเจ้าแค้น

ฮูหยินรองหลัวอ้าปากจะพูดก็เงียบไปในทันใด และไม่กล้ายุแยงตามใจชอบอีก

ฉู่สวินหยางฟังอยู่ข้างๆ เสียนาน ตอนนี้เห็นสถานการณ์ต่างฝ่ายต่างยืนกรานไม่ยอมถอยถึงได้ค่อยๆ เดินเข้าไปรับงานต่อจากแม่นมเหลียงช่วยหลัวฮองเฮาลูบหน้าอก พลางยิ้มว่า “สองสามวันมานี้ พระวรกายของเสด็จย่าดีขึ้นบ้างรึยังเพคะ? เมื่อหลายวันก่อนหยวนซานนำรังนกสีทองที่ดีที่สุดกลับมาจากเมืองฉู่ด้วย หม่อมฉันจึงนำมาถวายเสด็จย่า เวลานี้ให้ห้องเครื่องตุ๋นให้อยู่ อีกครู่เสด็จย่าลองชิมนะเพคะ?”

ถึงแม้หลัวฮองเฮาจะไม่ค่อยชอบนาง ทว่ามีบันไดมาตั้งอยู่ตรงหน้าตอนที่กำลังขี่หลังเสือแล้วลงยากเช่นตอนนี้ก็ต้องลงไปตามสถานการณ์

“อืม!” หลัวฮองเฮาตอบอย่างเฉยชาด้วยสีหน้าผ่อนคลายลง แล้วเหลือบมองพวกฮูหยินใหญ่หลัวทั้งสามคนทีเดียวอย่างไม่พอใจ “ลูกบ้านไหนล้วนเป็นแก้วตาดวงใจทั้งนั้น ในเมื่อมอบหมายให้ศาลาว่าการไปสอบสวนแล้ว พวกเจ้าทั้งสองตระกูลก็รอฟังข่าวคราวแล้วกัน ยังมาทะเลาะอะไรกันต่อหน้าข้าอีก?”

วันนี้นางเป็นคนเรียกตัวคนทั้งสองตระกูลเข้าวังมาเองแท้ๆ ตอนนี้กลับปัดความผิดพ้นตัวเสียเรียบร้อย

“ฮอง…” ฮูหยินรองหลัวเผลอเอ่ยปาก แต่รู้สึกได้ถึงความผิดปรกติจึงรีบปิดปาก

“เพคะ พวกหม่อมฉันเสียมารยาทแล้ว!” ทั้งสามคนต่างกล้ำกลืนฝืนทนคารวะอย่างนอบน้อม

“เช่นนั้นก็แยกย้ายเถอะ ทะเลาะกันจนข้าปวดศีรษะไปหมด” หลัวฮองเฮาโบกมือด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย

“หม่อมฉันทูลลา!” ทั้งสามน้อมคารวะแล้วถอยออกไป

จนกระทั่งทั้งสามคนออกไป หลัวฮองเฮาถึงเงยหน้ามองฉู่สวินหยางแล้วขมวดคิ้วว่า “ขอบคุณในความกตัญญูของเจ้า แต่เวลานี้ข้าเหนื่อยแล้ว…”

“เพคะ เช่นนั้นเสด็จย่าทรงพักผ่อนก่อน สวินหยางทูลลา” ฉู่สวินหยางแย้มยิ้มเล็กน้อยและทูลลาโดยไม่ลังเลสักนิด

หลัวฮองเฮามองแผ่นหลังของนาง และนิ่งเงียบเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่นาน

“ฮองเฮา?” แม่นมเหลียงลองเรียกนาง “ฮองเฮาทรงสงสัยเจตนาที่ท่านหญิงสวินหยางมาหรือเพคะ?”

“ไหวพริบของนางนั้นจะหลุดรอดสายตาข้าไปได้หรือ?” หลัวฮองเฮาเอ่ยเสียงเย็นยะเยือก นางนั่งตัวตรงแล้วดื่มชาอีก “เหมือนนางจะค่อนข้างสนิทกับเด็กสาวตระกูลฮั่วใช่หรือไม่? คงรับปากเรื่องคนอื่นไว้ถึงได้อยากจะมาช่วยกู้หน้า”

ตระกูลฮั่วช่างน่ารังเกียจจริงๆ คิดว่าลากฉู่สวินหยางที่ไม่ได้มีความสำคัญมาจะช่วยอะไรได้?

“เช่นนั้นฮองเฮาทรงเห็นว่าเรื่องนี้…” แม่นมเหลียงสีหน้าเป็นกังวล “พวกท่านกั๋วกงทั้งสองคนไม่ยอมร่วมมือ หากให้ฮองเฮาออกหน้าเกรงว่าจะไม่เหมาะสมนัก”

“นับวันหลัวเหว่ยยิ่งแข็งข้อขึ้นจริงๆ เพื่อตำแหน่งบรรดาศักดิ์ของตนเองแล้วไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น” หลัวฮองเฮายิ้มหยัน “ไม่สนใจว่าน้องชายตนเองจะเป็นหรือตายก็ยังแล้วไป เวลานี้แม้แต่ลูกชายตายก็ยังไม่สนใจหรือ? ไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะไม่กลัวถูกคนนินทาลับหลังและเลวทรามต่ำช้าโหดเหี้ยมเช่นนี้”

“เช่นนั้นเรื่องนี้…” แม่นมเหลียงเอ่ยอย่างลังเล

“เขาบอกว่าจะให้ศาลาว่าการพระนครไปตรวจสอบไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นเจ้าก็ถ่ายทอดพระราชเสาวนีย์ลับของข้าไปให้พวกเขาตั้งใจตรวจสอบให้แน่ชัด!”

หลังจากกู้ฉางเฟิงตาย ฮ่องเต้ก็เพิ่งจะเลื่อนตำแหน่งให้ขุนนางของกรมอาญาคนหนึ่งมาแทนที่เขาเมื่อไม่นานนี้เอง อีกฝ่ายเพิ่งเข้ามาใหม่ คิดดูแล้วก็พอจะรู้ว่าหากมีหลัวฮองเฮาคอยกดดันอยู่เบื้องหลัง ทิศทางของรูปคดีทั้งหมดจะเป็นอย่างไร

“เพคะ!” แม่นมเหลียงขานรับอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นนางสีหน้าอ่อนล้าก็ประคองนางเข้าไปพักในตำหนักก่อน

————————————

ฮูหยินใหญ่หลัวและคนอื่นๆ ออกมาจากวังโซ่วคังแล้วก็ต่างคนต่างเดิน นางกับฮูหยินรองหลัวเดินอยู่ข้างหน้า ส่วนฮูหยินฮั่วนั้นมีเรื่องหนักใจเดินตามอยู่ข้างหลัง

สีหน้าของฮูหยินรองหลัวย่ำแย่ นางอยู่ด้านหลังห่างไปสองก้าว สายตานั้นแทบจะทิ่มแทงแผ่นหลังของฮูหยินใหญ่หลัวให้เป็นรูพรุนได้

จนกระทั่งออกมาจากวัง ในที่สุดนางก็ทนไม่ไหวจนระเบิดอารมณ์ออกมา เดินแซงไปขวางหน้าฮูหยินใหญ่หลัวและเอ่ยอย่างโมโหเดือดดาลว่า “ท่านพี่ ท่านหมายความว่าอย่างไร? เพราะว่าส่วงเอ๋อร์ไม่ใช่ลูกที่ออกมาจากท้องท่าน ท่านจึงสามารถมองเขาถูกทำร้ายได้อย่างไม่แยแสงั้นหรือ? โกหกกระทั่งต่อหน้าพระพักตร์ฮองเฮา อย่าได้อวดดีนักเลย”

“เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?” ฮูหยินใหญ่หลัวมองนางอย่างเย็นชาด้วยสีหน้าไม่ดีนักเช่นกัน

“เมื่อวานเขาพูดอย่างชัดเจนแล้วว่าจะถวายฎีกาขอความเป็นธรรมให้ส่วงเอ๋อร์ แต่เมื่อครู่อยู่ต่อหน้าฮองเฮาแล้วทำไมท่านไม่พูด? ทำตัวหน้าไหว้หลังหลอกแบบนี้ เกรงว่าอีกเดี๋ยวอยู่ต่อหน้าเขา ท่านก็คงจะตอบลำบากใช่หรือไม่?” สายตาของฮูหยินรองหลัวยั่วยุ สีหน้าคล้ายกับกำลังรอดูฉากสำคัญ

ทว่าฮูหยินใหญ่หลัวกลับไม่สะทกสะท้าน นางยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ท่านกั๋วกงแค่พูดไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น พอกลับไปคิดดูแล้วก็แล้วกันไป เรื่องทั้งหมดนั้นก็ให้ศาลาว่าการพระนครเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดเถอะ หากก่อความวุ่นวายไปถึงเบื้องหน้าพระพักตร์ด้วยเรื่องแบบนี้ จะกลายเป็นตระกูลหลัวของเราเย่อหยิ่งและไม่รู้กาลเทศะแทน ท่านกั๋วกงจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าอะไรควรไม่ควร”

“ท่าน…” ฮูหยินรองหลัวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทีแรกอยากจะทะเลาะกับนาง แต่คิดได้ว่าที่นี่คือประตูวังจึงกดเสียง ลงต่ำในทันใดว่า “คนอื่นไม่รู้ก็คิดว่าข้าไม่รู้ด้วยหรือ? ว่าที่จริงแล้วพวกท่านสองแม่ลูกสมคบคิดกัน เมื่อวานท่านคงไม่ได้เป็นคนคิดให้ลูกสาวคนโตวางยาในอาหารของเขาใช่หรือไม่? คนนอกต่างบอกว่าท่านเป็นคนมีคุณธรรมและมีความ สามารถมาก แต่ลึกๆ แล้วท่านกลับทารุณลูกชายของอนุแบบนี้ เด็กถูกทำร้ายจนตาย แต่ท่านก็หาข้ออ้างบอกปัดไม่ยอมขอความยุติธรรมให้เขาเช่นนี้หรือ? อ๋อ…ข้ารู้แล้ว ท่านไม่ชอบที่เห็นเขารักส่วงเอ๋อร์มากกว่า และกลัวว่าเขาจะวางท่าใหญ่โตคุกคามฐานะของลูกชายท่านใช่หรือไม่?”

ฮูหยินรองหลัวพูดอย่างได้ใจ พลางเลิกคิ้วขึ้นสูงมองตรงไปที่ฮูหยินใหญ่หลัว

ฮูหยินใหญ่หลัวสีหน้าเคร่งขรึม แล้วยกมือตบนางไปหนึ่งฉาดทันที

เสียงนั้นค่อนข้างดังทีเดียว ฮูหยินรองหลัวถูกตบจนอึ้งไป นางปิดใบหน้าแดงก่ำไว้และนิ่งไปนาน องครักษ์ที่เฝ้าประตูวังอยู่ไกลๆ ไม่ได้ยินบทสนทนาที่ทางนี้พูดคุยกัน แต่กลับยืดคอมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น

“เจ้า…คนแซ่เฉิน เจ้าเป็นบ้าอะไร? เจ้ากล้าตบข้าหรือ?” ในที่สุดฮูหยินรองหลัวก็ทนไม่ไหวจนกรีดร้องเสียงแหลม และจะพุ่งเข้าไปตบนางทันที

แม่นมหงที่ติดตามมารีบขวางนางไว้

ฮูหยินใหญ่หลัวมองนางด้วยสายตาเย็นเยียบว่า “ฝ่ามือนี้จะบอกเจ้าว่าควรควบคุมปากของตนเองอย่างไร เรื่องของครอบครัวเราไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาสอดปาก ข้ากับท่านกั๋วกงเป็นสามีภรรยา พวกเราปิดประตูคุยอะไรกันก็ต้องบอกเจ้าทุกเรื่องงั้นหรือ?”

นางพูดจบแล้วก็ขึ้นรถม้าไป

————————————-