ตอนที่ 281 คำขอร้องของพิงถิง

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

เพราะพิธีฝังศพของอวี๋ฮวน ครอบครัวตระกูลซั่งกวนจึงพำนักอยู่ที่โยวโจวจนถึงปลายเดือนสิบเอ็ด ก่อนจะกลับลี่โจว ครอบครัวอินหงหลันย่อมรั้งตัวอยู่ที่โยวโจว เขากล่าวว่าอยากจะอยู่เป็นเพื่อนอวี๋ฮวนที่หน้าหลุมศพให้นานเสียหน่อย ทั้งนับว่าชดเชยความเสียใจของหลายปีมานี้ เซียงเสวี่ยกับตงอวี่ก็รั้งตัวอยู่ที่โยวโจวเช่นกัน

หลังจากเยี่ยนมี่เอ๋อร์กลับถึงลี่โจวก็ล้มป่วย นั่นเป็นการป่วยครั้งแรกของนางหลังจากแต่งเข้าตระกูลซั่งกวน ทำให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อถึงกับเรียกหมอเข้ามาตรวจดูอาการอย่างรีบเร่ง ผลที่ออกมากลับทำให้ทุกคนทั้งดีใจทั้งกังวล ที่ดีใจก็เพราะเยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้ตั้งท้องเป็นเวลาเดือนกว่าแล้ว ส่วนที่กังวลเป็นเพราะว่าช่วงก่อนหน้านี้เยี่ยนมี่เอ๋อร์สูญเสียแรงกายแรงใจ ทั้งยังมีความโศกเศร้าเสียใจสุมอก และยังเป็นเพราะระหกระเหินติดต่อกันหลายวันร่างกายจึงอ่อนแอไปบ้าง สถานการณ์ก็ไม่ค่อยดีเท่าใด

หวงฝู่เยวี่ยเอ้อเรียกซั่งกวนเจวี๋ยไปตำหนิอย่างรุนแรง นางคิดว่าที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์เศร้าโศกเสียใจล้วนเป็นความเจ้าชู้เสเพลของซั่งกวนเจวี๋ย…หลังจากพิธีฝังศพของอวี๋ฮวน ซั่งกวนเจวี๋ยก็ไปหาโม่จิ้ง เมื่อกลับมาก็ประกาศว่าโม่จิ้งได้เป็นสาวงามสนิทของเขาแล้ว เขาให้ที่พักเป็นหลักแหล่งแก่นาง ภายหลังก็จะไม่ขาดการติดต่ออีก ทั้งไม่อาจจะถูกคนหลอกลวงได้แล้ว และซั่งกวนเจวี๋ยที่รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองถูกใส่ร้ายก็ทำได้เพียงยอมรับการตำหนิจากหวงฝู่เยวี่ยเอ้อเท่านั้น

พิงถิงพาลูกกลับบ้านมาเยี่ยมเยียนจึงช่วยคลี่คลายสถานการณ์ทางซั่งกวนเจวี๋ยไปโดยปริยาย…พิงถิงออกเรือนไม่ถึงสามเดือนก็มีข่าวดีออกมา หลังจากตั้งท้องในเดือนสี่ เดือนสองปีนี้ก็ให้กำเนิดลูกสาวหนึ่งคน เวลานั้นซั่งกวนฮ่าวและหวงฝู่เยวี่ยเอ้อสองสามีภรรยาไปร่วมงานเลี้ยงฉลองครบเดือนของหลานสาวด้วยตัวเอง ทั้งยังถือโอกาสทำให้คนของตระกูลสวีรู้ว่า ลูกสาวผู้นี้นับว่ามีตำแหน่งที่สำคัญในใจของสามีภรรยาตระกูลซั่งกวน ป้องกันไม่ให้ตระกูลสวีคิดรับอนุภรรยาให้สวีปิ่งฮุยเพราะพิงถิงให้กำเนิดลูกสาว ทั้งไม่รู้ว่าเดิมทีตระกูลสวีก็ไม่ได้มีความคิดเช่นนั้น หรือเพราะได้รับการเตือนเป็นนัยจากสองสามีภรรยาซั่งกวนฮ่าว สวีปิ่งฮุยจึงใช้ชีวิตอยู่ข้างกายภรรยาอย่างสงบเสงี่ยม อย่าพูดถึงอนุภรรยาหรือเมียบ่าวเลย กระทั่งแหล่งกามอารมณ์ก็ไม่ย่างก้าวเข้าไป ด้านพิงถิงจึงเริ่มค่อยๆ ควบคุมดูแลเรื่องในบ้านแล้วเช่นกัน นับว่าใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น

หลังจากพูดคุยขบขันกับหวงฝู่เยวี่ยเอ้อแล้ว พิงถิงก็ทิ้งลูกสาวไว้กับหวงฝู่เยวี่ยเอ้ออย่างวางใจ ตัวเองเข้ามาเยี่ยมเยียนเยี่ยนมี่เอ๋อร์เพียงลำพัง หลังจากที่พิงถิงออกเรือน พี่สะใภ้น้องสามีคู่นี้ก็ไม่ได้พบหน้ากันเลย แม้จะเขียนจดหมายหากันอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับการพูดคุยแบบเห็นหน้า

“พี่สะใภ้ผอมลงไปมาก” ยามที่พิงถิงเห็นเยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็ขมวดคิ้ว นางรู้สึกว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ตรงหน้าและยามที่นางเพิ่งจะออกเรือนนั้นแทบแตกต่างเป็นอย่างมาก ทั้งเกิดความไม่พอใจต่อซั่งกวนเจวี๋ยอย่างเลือนรางเช่นกัน

“ข้าคิดว่ายังดีไม่น้อย” เยี่ยนมี่เอ๋อร์กลับไม่รู้สึกเช่นนั้น ในยามนี้นางเพียงผอมลงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ซูบเซียวมาก แต่หลังจากรู้ว่าตัวเองตั้งท้องอีกครั้งก็พยายามทำให้ตัวเองมีความสุข แม้ว่าผลลัพธ์จะไม่เห็นชัดเจนนัก แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อนมากแล้ว

“เหตุผลเป็นดั่งที่ท่านแม่กล่าวหรือไม่?” พิงถิงขมวดคิ้ว “พี่สะใภ้ หากพี่ใหญ่ชอบหญิงสาวที่แปลกประหลาดผู้นั้นจริงๆ ยังคงจำเป็นที่ต้องกำจัดนาง…ยอมให้นางแต่งเข้าตระกูลมาอยู่ในการควบคุมของท่าน ดีกว่าปล่อยให้พี่ใหญ่เลี้ยงดูนางไว้นอกตระกูล”

“ไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่ของเจ้า เป็นเหตุผลของข้าเพียงคนเดียว” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ส่ายศีรษะ เผยยิ้มบาง “เจ้าอย่าได้ฟังท่านแม่พูดแล้วก็เอาไปคิดว่าเป็นเรื่องจริง”

“บางครั้งท่านก็ไม่เด็ดขาด” พิงถิงขมวดคิ้ว “เหมือนดั่งตอนแรก ท่านไม่ควรตกน้ำเพียงคนเดียว แต่ควรดึงอวี้เมิ่งเหยาไปด้วย…”

จู่ๆ พิงถิงก็หยุดคำพูดของตนเอง เผยสีหน้าร้อนตัวเล็กน้อยมองเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ความลับที่เก็บไว้ในใจมาหลายปีเปิดเผยออกมา รู้สึกโล่งใจอยู่บ้าง ทั้งหวาดกลัวเช่นกัน

“ปีนั้นผู้ที่แอบฟังข้าและอวี้เมิ่งเหยาพูดคุยกันอยู่หลังพุ่มไม้คือเจ้าอย่างนั้นหรือ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์คาดไม่ถึงเป็นอย่างมาก นางคิดว่าเป็นหวงเซียวเซียงไม่ก็คนข้างกายของอนุภรรยาอู๋มาโดยตลอด คาดไม่ถึงว่าจะเป็นพิงถิง ดูท่าเวลานั้นพิงถิงก็ได้ปกป้องนางไปแล้วครั้งหนึ่ง

“ที่จริงข้าก็ฟังไม่ชัดเจนนักว่าพวกท่านคุยอะไรกัน แต่ว่า…” พิงถิงพินิจท่าทีของเยี่ยนมี่เอ๋อร์อย่างละเอียด “แต่เวลานั้นข้ารู้ว่าทุกคนล้วนพุ่งเป้าสงสัยไปที่หวงเซียวเซียง และข้าก็ไม่ได้รู้สึกดีต่อพวกนางเท่าใด ทั้งไม่คิดจะแก้ต่างอะไรให้พวกนาง ดังนั้นจึงเก็บเงียบมาโดยตลอด”

“เช่นนั้นเจ้ารู้อะไรมาบ้าง?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เผยยิ้มบาง ดูเหมือนว่าพิงถิงใช้ชีวิตได้ดีกว่าที่คาดคิดไว้มาก ดังนั้นจึงได้ทิ้งความระแวดระวังเมื่อก่อนไป หากเป็นเมื่อก่อนนางย่อมไม่อาจเปิดเผยเรื่องนี้ออกมา

“ข้ารู้ว่าพี่สะใภ้ย่อมมีวรยุทธ์ที่ไม่เลว!” พิงถิงไม่เห็นความไม่พอใจใดๆ ในแววตาและใบหน้าของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ รู้สึกวางใจอยู่บ้าง “ถูกสกัดจุดจนแข็งทื่อไปทั้งร่างคงเป็นฝีมือของพี่สะใภ้เอง สามารถสกัดจุดตัวเองในชั่วพริบตา เหลือร่องรอยฟกช้ำ ทั้งสามารถประคองสติ ไม่ให้ตัวเองได้รับการบาดเจ็บอะไรที่เหนือความคาดหมาย แสดงให้เห็นแล้วว่าพี่สะใภ้ย่อมมีวรยุทธ์ ทั้งฝีมือไม่ธรรมดา ภายหลังข้าได้ตั้งใจจับตาดูการกระทำของพวกหวงเซียวเซียง และทราบว่าหลังจากสือหย่าฉีได้รับบาดเจ็บและตกใจก็รีบเร่งออกไปจากตระกูลซั่งกวนทันที จึงยิ่งมั่นใจการคาดเดาของตัวเอง”

“ยังมีอีกหรือไม่?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้สึกว่าตัวเองยังคงประเมินพิงถิงต่ำไป เพียงแต่ความฉลาดเฉลียวเช่นนี้ของพิงถิงไม่นับเป็นเรื่องเลวร้ายแต่อย่างใด

“อีกอย่างก็คือข้ารู้ว่าหากพี่สะใภ้ไม่จำเป็นจริงๆ ย่อมไม่อาจลงมือทำร้ายคน ไม่อย่างนั้นแม้ทั่วป๋าฉินซินจะมีสิบชีวิตก็ไม่อาจรอดชีวิตมาทำชั่วจนถึงตอนนี้ได้หรอก!” พิงถิงมองเยี่ยนมี่เอ๋อร์อย่างประจบประแจง

“เรื่องนี้อย่าได้ให้คนอื่นรู้เด็ดขาด มิเช่นนั้นจะเอาเข็มมาเย็บปากเจ้าแน่ๆ” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ข่มขู่อย่างไม่จริงจังนัก พิงถิงหัวเราะทั้งพยักหน้าทันที

“ทั่วป๋าฉินซินเป็นอะไรอีกแล้ว? นางทำชั่วอย่างไรหรือ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว ทั่วป๋าฉินซินคล้ายว่าได้เป็นคนห่างไกลไปแล้ว นางไม่ได้ยินเรื่องของทั่วป๋าฉินซินมานานมาก ในตระกูลซั่งกวน พวกนางล้วนเป็นคนที่ถูกจงใจลืมเลือน หรือการกระทำทั้งหมดของนางจะถูกผู้อื่นล่วงรู้แล้ว?

“แม่นมหนิงไม่อยู่แล้ว!” พิงถิงยากที่จะปกปิดความเสียใจอยู่บ้าง แม้แม่นมหนิงจะไม่ได้ดีกับนางเหมือนอวี่ไข่ขนาดนั้น แต่ในยามที่สามารถคุ้มครองนาง เอาใจใส่นางก็ยังคงปกป้องนางอยู่ เมื่อทราบข่าวการตายของนางกล่าวว่าไม่เสียใจก็คงเป็นเรื่องโกหกแล้ว

“เรื่องเกิดขึ้นเมื่อใด?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว นางรู้ว่าจวนของอวี่ไข่ไม่แน่ว่าจะอยู่ในสายตาของตระกูลซั่งกวนตลอดเวลา แต่หากจวนอวี่ไข่มีการเคลื่อนไหวใหญ่โตอันใด ซั่งกวนฮ่าวย่อมจะกระจ่างใจดี บางทีอาจเป็นเพราะแม่นมหนิงไม่อยู่ในสายตาของพวกซั่งกวนฮ่าวจริงๆ แล้วกระมัง?

“กลางเดือนสิบ” พิงถิงถอนหายใจ “สองวันก่อนข้าก็เพิ่งได้ฟังมาจากอนุภรรยาหนิง นางกล่าวว่าแม่นมหนิงถูกทั่วป๋าฉินซินบีบให้ตาย”

“บีบให้ตาย?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว ทั่วป๋าฉินซินมอบจุดอ่อนของตนให้ศัตรูอย่างง่ายดายขนาดนี้เชียว?

“แม่นมหนิงถูกชิงหยา คนข้างกายของทั่วป๋าฉินซินผู้นั้นผลักตกน้ำจนจับไข้ ทั่วป๋าฉินซินกลับไม่เชิญหมอมารักษาให้แม่นมหนิง อนุภรรยาเชิญหมอมาก็ไม่ให้เข้าประตู ถึงกระทั่งขว้างขวดยาทิ้งหลายต่อหลายครั้ง…จากป่วยเล็กๆ น้อยๆ อาการก็ร้ายแรงขึ้น นางอายุมากแล้ว ย่อมทนต่อไปไม่ไหว จึงจากไปเช่นนั้น” พิงถิงกล่าวอย่างขมขื่น “แม่นมหนิงจากไปแล้ว ทั่วป๋าฉินซินก็ไม่ปิดบังนิสัยของนางอีกต่อไป ไล่อนุภรรยาหนิงออกจากเรือนเดิมให้ไปอยู่เรือนของบ่าวใช้ตรงๆ เสื้อผ้าอาภรณ์อาหารการกินล้วนยึดตามพวกบ่าวใช้ ทั้งยังต้องทำงาน สองวันก่อนยามที่ข้าเห็นนาง นางนั้นผ่ายผอมจนไม่เหมือนผู้เหมือนคน เมื่อเห็นข้าก็ร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง…”

“อวี่ไข่ก็ไม่สนใจอย่างนั้นหรือ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์สมน้ำหน้าอยู่ในใจ พวกนางมีจุบจบดั่งเช่นวันนี้ล้วนเป็นเพราะรนหาที่เอง หากพวกนางไม่ได้ทำเรื่องที่ไร้เยื่อใยกับทั่วป๋าซู่เยวี่ย ซั่งกวนฮ่าวย่อมไม่ไล่อวี่ไข่ออกจากตระกูลซั่งกวน ไม่อาจมีเรื่องสืบเนื่องมาในภายหลัง ทั้งคงไม่อาจมีจุดจบเช่นนี้

“เขา? นอกจากใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าไปวันๆ แล้วยังจะรู้อะไรอีก?” พิงถิงพบหน้าอวี่ไข่มาครั้งหนึ่ง แทบจำพี่ชายที่เคยกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา คิดไปว่าตัวเองมีความสามารถแต่ถูกมองไม่เห็นความสำคัญคนนั้นไม่ได้ แทบจะไม่แตกต่างจากชายเร่รอนที่ซื้อสุราเตร็ดเตร่อยู่ข้างทางแม้แต่น้อย…ไม่สิ ชายเร่รอนข้างทางยังสามารถลุกขึ้นยืนเดินไปมาด้วยตัวเอง แต่เขากระทั่งจะยืนก็ยังทำไม่ได้ กล่าวอย่างเรียบเย็น “ข้าว่าเขาคงอยู่ได้ไม่นานแล้ว ทุกวันนอกจากดื่มสุราก็ทำเรื่องเสเพลกับพวกอนุภรรยา ไม่ช้าก็เร็วย่อมตายเพราะไหสุราหรือผู้หญิงเหล่านั้นเป็นแน่ อนุภรรยากล่าวว่านางไม่ได้เห็นอวี่ไข่ในสภาพที่มีสติมาครึ่งปีแล้ว ยามที่แม่นมหนิงตาย อวี่ไข่กลับมีสติอยู่ แต่เขากลับถามอนุภรรยาว่าเหตุใดนางไม่ตายไปกับแม่นมเสีย ยังพูดอีกว่าเขามีวันนี้ล้วนเป็นเพราะความผิดของแม่นมและอนุภรรยา…”

อวี่ไข่ถูกทั่วป๋าฉินซินล้างสมองแล้วอย่างนั้นหรือ? บางทีเขาอาจจะรู้ความจริงแต่กลับไม่มีความกล้าที่จะเผชิญหน้า ดังนั้นจึงทำได้เพียงหมดอาลัยตายอยาก? เยี่ยนมี่เอ๋อร์คิดอย่างไม่จริงจังนัก จากนั้นก็กล่าว “พิงถิงอยากจะพูดอะไรเพื่ออนุภรรยาหนิงหรือไม่? หรืออยากให้ข้าพูดเรื่องราวต่อหน้าท่านพ่อและท่านแม่ เพื่อรับนางกลับมา?”

“รับกลับมาแล้วอย่างไร? ฮูหยินใหญ่ย่อมทำให้นางใช้ชีวิตอย่างอเนจอนาถเสียยิ่งกว่าตอนนี้!” พิงถิงสั่นศีรษะ แม้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยจะเริ่มถือศีลกินเจ พลิกกลับตาลปัตรเป็นคนมีเมตตาแล้ว แต่พิงถิงย่อมไม่กล้าเชื่อว่านางจะใจกว้างได้อยู่ดี กล่าวอย่างขมขื่น “ข้าอยากขอให้ท่านพ่อส่งอนุภรรยาไปวัดประจำตระกูล แม้ที่นั่นจะลำบากไปบ้าง แต่ก็ดีกว่าการถูกทรมานอย่างทุกวันนี้อยู่มากโข อนุภรรยาก็ยินดีที่จะยอมรับวิธีนี้เช่นกัน”

ก็หมายความว่าที่จริงอนุภรรยาหนิงไม่เต็มใจไปวัดประจำตระกูล แต่เป็นความคิดของพิงถิงสินะ! เยี่ยนมี่เอ๋อร์เข้าใจเงื่อนงำภายในทันที ทั้งรู้ว่าพิงถิงต้องทราบเรื่องอะไรมาจากในจวนอวี่ไข่เป็นแน่ แต่เหตุใดนางจึงคิดจะทำเช่นนี้?

“ข้าเห็นลูกของอวี่ไข่แล้ว ลูกที่ทั่วป๋าฉินซินให้กำเนิดผู้นั้น” พิงถิงรู้ว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์อยากจะถามอะไร กล่าวอย่างเรียบนิ่ง “บางทีทั่วป๋าฉินซินอาจจะเกลียดคนทั้งหมดเข้ากระดูกดำ แต่นางกลับนับว่าดีต่อลูกไม่น้อย ข้ามองเห็นภาพนางหยอกล้อเด็กคนนั้นอยู่ไกลๆ นางล้วนฝากทุกสิ่งของตัวเองไว้ที่เด็กคนนั้น ข้าก็เป็นแม่คนเช่นกัน รู้ว่าลูกสำคัญกับแม่เพียงใด และแม่ก็เป็นหนึ่งเดียวสำหรับลูกเช่นกัน ข้าไม่อาจปล่อยให้อวี่ไข่ที่ไร้ทางเยียวยาและมารดาที่จวบจนยามนี้ก็ยังวางแผนคิดจะใช้ประโยชน์จากข้ามาทำลายชีวิตของเด็กน้อยที่ใสซื่อบริสุทธิ์ได้หรอก”

“เรื่องนี้ทางที่ดีควรเป็นเจ้าที่เอ่ยต่อท่านพ่อ ส่วนข้าก็จะพยายามช่วยให้เรื่องนี้สำเร็จ!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เห็นด้วยกับพิงถิง อนุภรรยาหนิงและอวี่ไข่มีวันนี้ได้ก็เพราะหาเรื่องใส่ตัว ไม่มีความจำเป็นต้องออกหน้าเพื่อพวกเขาอีก หากออกหน้าให้พวกเขาแล้วจะอย่างไรต่อเล่า? ปัญหาที่ตามมาเป็นพรวนย่อมติดหนึบกับตัวเอง จะสลัดอย่างไรก็ย่อมไม่พ้น ยิ่งไปกว่านั้นภายในนี้ยังมีเด็กไร้เดียงสาคนหนึ่ง อีกทั้ง…นางยิ้มขมขื่นในใจ บางทีซั่งกวนฮ่าวอาจจะรู้เรื่องพวกนี้แล้ว ทั้งคำนึงถึงเด็กจึงไม่มีการเคลื่อนไหวอันใดกระมัง!

“เช่นนั้นข้าคงต้องกล่าวขอบคุณพี่สะใภ้ล่วงหน้า!” พิงถิงถอนหายใจอย่างโล่งอก ขอเพียงแค่เยี่ยนมี่เอ๋อร์พูดเช่นนี้ นางก็วางใจแล้ว ส่วนอนุภรรยาหนิง ส่งไปวัดประจำตระกูลตรงๆ ก็เพียงพอแล้ว ไม่อาจให้นางมีโอกาสติดต่อกับผู้ใดในตระกูลซั่งกวนอีก

“จริงสิ พี่สะใภ้ พี่ใหญ่เลี้ยงภรรยานอกสมรสไว้ด้านนอกจริงๆ หรือ?” พิงถิงยังคงนึกถึงเหตุผลที่ทำให้ตัวเองต้องเข้ามาอย่างรีบร้อนได้

“ย่อมม่ใช่เช่นนั้น” เยี่ยนมี่เอ๋อร์แก้ต่างให้ซั่งกวนเจวี๋ยอย่างจริงใจ “นั่นก็เป็นเพียงข้ออ้างที่ใช้ขัดขวางใครบางคนที่คิดจะส่งคนเข้ามาในตระกูลซั่งกวนเท่านั้น พิงถิงอย่าเชื่อคำพวกนั้นเลย เจ้าลองคิดดู ข้าไม่ใช่ผู้หญิงบอบบางที่ไม่มีแรงเชือดคอไก่เสียหน่อย จะปล่อยให้พี่ใหญ่ของเจ้าทำเรื่องเหลวไหลอย่างง่ายดายได้อย่างไร?”

“หากมีอะไร อย่าได้เก็บไว้ในใจ ทั้งอย่าให้ตัวเองได้รับความไม่เป็นธรรมเชียว!” พิงถิงมักรู้สึกไม่วางใจ ท่าทีของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อนั้นเหมือนมีเรื่องอะไร แต่ว่า…นางยังคงยอมแพ้ที่จะก้าวก่าย บางเรื่องเดิมทีก็เป็นเรื่องที่สามีภรรยาสามารถจัดการแก้ไขได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อมีคนอื่นเพิ่มขึ้นมาด้วย ไม่ว่าจะปรารถนาดีหรือมีจุดประสงค์ร้าย ล้วนสามารถทำให้เรื่องราวเปลี่ยนเป็นซับซ้อนได้ทั้งนั้น อย่างไรนางอย่าได้ใช้เหตุผลเป็นห่วงมาก้าวก่ายเรื่องของคนอื่นจะดีกว่า…

———————————-