ตอนที่ 85 พี่ลิง!

บนดาดฟ้า โจวเจ๋อที่ยืนติดริมขอบค่อยๆ หมุนตัวอย่างช้าๆ บาทหลวงอ้าปากค้างเผยสีหน้าตื่นตกใจออกมาผู้หญิงหัวขาดยังคงยืนอยู่ตรงนั้น บนดาดฟ้ามีลมแรงมาก แต่กระโปรงของนางไม่สะบัดพลิ้วเลยสักนิด

“ไม่น่าจะเป็นแบบนี้ ในฐานะยมทูต กายเนื้อของชาติที่แล้วไม่มีแล้วแน่นอน และส่วนใหญ่ต้องอาศัยร่างของคนอื่นถึงจะใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์ได้ จะะกลายเป็นผีดิบไปได้อย่างไร”

บาทหลวงพูดพึมพำกับตัวเอง ในหัวของเขาเต็มไปด้วยความเครื่องหมายคำถาม

ในฐานะคนดูอย่างเขา จึงถนัดในการตรวจสอบและพิจารณา ซึ่งเป็นคุณสมบัติยอดเยี่ยมที่คนดูจำเป็นต้องมี

หลังจากที่โจวเจ๋อหันมา บาทหลวงเดิมทีที่อ้าปากค้างได้เปลี่ยนเป็นโค้งขึ้นอย่างช้าๆ กลายเป็นรอยยิ้มแทนแล้วพูดอย่างฉับพลันทันที “สุดยอดมาก!”

แขนทั้งสองข้างของโจวเจ๋อเริ่มมีสีน้ำตาลเข้มที่ไม่เหมือนกัน ผิวหนังที่โผล่มาจากลำตัวด้านหน้าของเขา ถึงแม้จะเป็นความมันเงาของผิวสีแทนเหมือนกัน แต่สีอ่อนมากและไม่สม่ำเสมอ

ขณะเดียวกันมีผิวหนังบางส่วนเริ่มมีรอยย่นและแตก ปรากฏออกมา เลือดสดไหลออกมาอย่างช้าๆ เผยให้เห็นภาพที่น่ากลัวมาก

“จิตวิญญาณที่ได้รับการถ่ายทอดส่วนเล็กๆ จากผีดิบ ตอนนี้หลังจากประสาทได้รับการกระตุ้นอย่างแรง ทำให้ความเป็นผีดิบที่แฝงอยู่ในจิตวิญญาณปรากฏออกมา แต่ร่างกายเป็นร่างกายของมนุษย์ธรรมดา ไม่สามารถถ่ายทอดและแบกรับภาระที่เป็นแบบนี้ได้อย่างสิ้นเชิง เป็นผลทำให้เกิดสถานการณ์ที่ขัดกันอยู่ในตอนนี้ นี่คือผีดิบและไม่ใช่ผีดิบ”

บาทหลวงพูดพึมพำกับตัวเอง พร้อมกับเผยให้เห็นแววตาตื่นเต้นดีใจ สองมือที่อยู่ใต้แขนเสื้อของเขากางออกเล็กน้อย จากนั้นมีดผ่าตัดสองเล่มก็ปรากฏอยู่กลางฝ่ามือของเขา

“ควรตัดส่วนไหน แล้วค่อยเอากลับไปศึกษาวิจัยถึงจะดี หรือไม่ก็ยกไปทั้งตัวเลย” บาทหลวงแลบลิ้นเลียริมฝีปากแสดงความหนักใจอย่างเห็นได้ชัด

อีกฝ่ายเป็นถึงยมทูต เจ้าแม่ชิงอี สามารถไม่สนใจฐานะยมทูตของอีกฝ่ายได้ แต่เขาทำไม่ได้ ถ้าหากปล่อยให้เจ้าแม่ชิงอีฆ่าเขา เช่นนั้นตัวเองเอาศพของเขาไป ก็ไม่มีมูลค่าในการศึกษาค้นคว้าแล้ว

“กลุ้มใจจริงๆ โว้ย”

บาทหลวงเกาศีรษะของตัวเอง แสดงให้เห็นท่าทางที่สับสน แต่มีดผ่าตัดสองเล่มที่ถืออยู่ในมือของเขา ส่องแสงระยิบระยับภายใต้แสงอาทิตย์ ชั่วเวลานั้นทำให้สายตาของผู้หญิงหัวขาดกับโจวเจ๋อเล็งไปที่เขาทันที

“อ้อ!” บาทหลวงทำสีหน้าตกตะลึง จากนั้นรีบโยนมีดผ่าตัดสองเล่มในมือทิ้งไปบนพื้นทันที แล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว โน้มตัวลงเล็กน้อย แล้วพูดด้วยความจริงใจว่า “ไม่รบกวนพวกคุณแล้ว พวกคุณเชิญตามสบาย”

ในฐานะผู้ชมกลับเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสงคราม สุดท้ายก็ตายอย่างไม่เข้าใจ นี่คือข้อความของการเป็นคนดู

สายตาของโจวเจ๋อมองไปที่ตัวผู้หญิงหัวขาดอีกครั้ง พูดตามจริง โจวเจ๋อก่อนหน้านั้นเป็นนักฆ่าเงาอย่างสิ้นเชิงเวลานี้ร่างกายด้านหน้ามีเลือดไหลออกมาไม่หยุด กับมีผิวหนังที่แตกอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงสภาพร่างกายที่แย่ที่สุดของโจวเจ๋อในเวลานี้

หากจะพูดว่าตอนนี้โจวเจ๋อเป็นผีดิบ สู้พูดว่าเป็นนายซอมบี้ระดับเอ เป็นตัวประกอบในภาพยนตร์ซอมบี้ของตะวันตกจะดีกว่า

และความแตกต่างเพียงสิ่งเดียวคือ นัยน์ตาของโจวเจ๋อปล่อยประกายแสงสีเขียวออกมา ตรงจุดนี้ทำให้เขาดูมีระดับมากกว่าพวกตัวประกอบทั่วไปที่ถูกขวานทุบหัวตายในภาพยนตร์ซอมบี้ตะวันตก

อืม จากตัวประกอบยกระดับเป็นตัวประกอบเอฟเฟ็กต์พิเศษเพิ่มเงินอีกห้าเหมา[1]

“ย้าก!” โจวเจ๋ออ้าปากแล้วคำรามออกมา ไม่ใช่เสียงที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินและไม่มีความกล้าหาญเหมือนน้ำไหลที่ซัดสาด แต่เหมือนเสียงโหยหวนที่แฝงไปด้วยความเสียหายมากกว่า

ผู้หญิงหัวขาดคงยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับตัว

พอโจวเจ๋อขยับตัว การเคลื่อนไหวร่างกายของเขาเหมือนเวลาที่วิ่งเหมือนนักกีฬาวิ่งร้อยเมตร ขนาดของร่างกายขยายใหญ่ขึ้นมา จากนั้นกระโจนเข้าหาผู้หญิงหัวขาดทันที

ไม่มีเสียงการโจมตีและไม่มีดอกไม้ไฟที่สวยงาม แต่เหมือนผู้ชายที่ดื่มเหล้าแล้วเมาหนักกำลังผลักผู้หญิงที่อ่อนแอคนหนึ่ง

ไม่มีคำพูดที่สวยหรูอย่างสิ้นเชิง

“ปั่กๆๆ…” โจวเจ๋อผลักผู้หญิงหัวขาดล้มแล้วนั่งทับบนตัวเธอ จากนั้นชูหมัดขึ้นแล้วทุบลงไป

“ปั่ก!”

“ปั่ก!”

“ปั่ก!”

โจวเจ๋อชกลงไปหมัดแล้วหมัดเล่า กำปั้นชกอยู่บนพื้นปูนของดาดฟ้าและโดยรอบล้วนเต็มไปด้วยคราบเลือด ไม่ใช่เลือดของเจ้าแม่ชิงอี แต่เป็นของเขา

“เพราะในสภาวะเช่นนี้สัญชาตญาณที่เหลือไม่มีเวลาให้คิดอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่โดนอิทธิพลจากพลังของเจ้าแม่ชิงอีใช่ไหม และเป็นเพราะกลิ่นอายของผีดิบที่อยู่บนร่างกาย ดังนั้นจึงสามารถสัมผัสร่างจริงของวิญญาณได้มากพอแทนที่จะดำเนินการโจมตีด้วยตัวเอง”

บาทหลวงอ้าปากค้างขานรับ “อ้อ” หนึ่งที

“คนแบบนี้เป็นยมทูตได้ยังไง ระบบการตรวจสอบของนรก อยู่ในขั้นที่ย่ำแย่แล้วใช่ไหม”

ภายใต้การชกแต่ละครั้ง ดูเหมือนทุกครั้งที่โจวเจ๋อกำลังชกพื้นปูน แต่ในความเป็นจริง ร่างกายของเจ้าแม่ชิงอีกำลังบิดเบี้ยวอย่างช้า เหมือนทะเลสาบแห่งหนึ่ง เกิดระลอกคลื่นอย่างต่อเนื่อง

จากนั้นผิวน้ำจึงไม่สงบอีกต่อไป

“ดูท่าแล้ว เจ้าแม่ชิงอีแพ้แน่ๆ ถึงแม้นางจะไม่ถูกจัดอยู่ในลำดับของผี แต่นางไม่มีพลังโจมตีทางกายภาพนอกเหนือจากการโจมจีทางจิตวิญญาณ ตอนนี้จึงเป็นฝ่ายถูกกระทำโดนเขาต่อย”

ขณะที่พูด บาทหลวงจึงมองไปยังสถานที่ก่อสร้างที่อยู่ไกลๆ อีกครั้ง

“แต่ไม่ว่ายังไงก็ใกล้แล้ว ตายกับคนคนนั้นกับตายด้วยน้ำมือของคนที่อยู่ตรงหน้า จริงๆ แล้วจุดจบก็เหมือนกัน”

ทว่าจุดจบที่น่าสะใจเมื่อครู่ นัยน์ตาของบาทหลวงเปลี่ยนเป็นขุ่นมัวอย่างฉับพลัน

เจ้าแม่ชิงอีที่ถูกโจวเจ๋อกดทับ จู่ๆ ก็พลิกมือซ้ายไปทางบาทหลวง

“พลาดไปแล้ว ผมสามารถหยิบกล้องส่องทางส่องดูได้ แล้วทำตัวเผือกอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว ทำไมต้องอยู่ใกล้ขนาดนี้ ครั้งนี้ ต้องถูกควบคุมกลายเป็นลูกมือเสียแล้ว ซวยจริงๆ เลย…”

บาทหลวงก้มหน้าแล้วเงยขึ้นในทันใด เปล่งแสงสีเขียวออกมาจากนัยน์ตา แต่หลังจากนั้น เขาก้มลงไปเก็บมีดผ่าตัดที่ตัวเองเพิ่งทิ้งลงบนพื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วพุ่งใส่โจวเจ๋อโดยตรง

“ฟึ่บๆ!” มีดผ่าตัดทั้งสองเล่มแทงเข้าไปที่หลังของโจวเจ๋อ

“อ๊ะ!” โจวเจ๋อเงยหน้าขึ้น คำรามออกมาโดยไม่มีเสียง

จากนั้นบาทหลวงที่ถือมีดผ่าตัดอยู่ในมือ เขาอยากกรีดแผลลงมาข้างล่าง แต่คมมีดกลับติดอยู่ที่กระดูกของโจวเจ๋อไม่สามารถขยับได้

“พลั่ก!” เสียงกระแทกดังขึ้น เมื่อโจวเจ๋อหมุนตัวกะทันหัน แล้วเหวี่ยงแขนออกไป

ใช่แล้ว โจวเจ๋อชกต่อยไม่เป็นและไม่เคยเรียนศิลปะการต่อสู้มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่เคยเรียนมวยสานต่า[2]หรือมวยไทย และด้วยเหตุนี้ตอนที่เขากำลังบ้าคลั่ง จึงได้แต่โจมตีไปตามสัญชาตญาณ

มียุงกัด ฉันก็ต้องตบยุงให้ตาย

แขนของโจวเจ๋อตบไปที่ใบหน้าของบาทหลวงโดยตรง บาทหลวงแทบจะหน้าเบี้ยว ถูกตบตัวลอยออกไป แล้วตกอยู่ตรงขอบตึกดาดฟ้าพอดิบพอดี ถ้าหากพลาดอีกนิดเดียว ตัวเองคงจะตกลงไป

ใบหน้าข้างซ้ายของเขาบวมเยอะมาก เขาอ้าปากแล้วบ้วนฟันหักสองสามซี่ออกมาและตามไรฟันเปื้อนไปด้วยเลือดสดๆ

“บ้าจริง!” บาทหลวงพลิกสองมืออีกครั้ง แล้วกระดาษยันต์สองใบก็ปรากฏออกมา นี่คืออักษรรูนปราบผีของปรมาจารย์หยินหยาง

ตอนที่เขาพุ่งเข้าหาโจวเจ๋ออีกครั้ง เขาหลบหมัดของโจวเจ๋อได้ จากนั้นเขานำกระดาษยันต์ทั้งสองใบแปะตรงหน้าอกของโจวเจ๋อทันที

ชั่วเวลาเดียวอักษรรูนเหมือนถูกไฟเผา หน้าอกของโจวเจ๋อมีรอยไหม้ปรากฏขึ้นมาสองรอย แล้วกลิ่นเนื้อหอมๆ ก็ลอยตลบอบอวลไปทั่ว

ทว่าโจวเจ๋อกลับอ้าสองแขนออกแล้วอุ้มบาทหลวงขึ้นมา จากนั้นก็จับทุ่มไปที่กำแพงของดาดฟ้าอย่างแรง

“ปั่ก!” กำแพงแตกไปเกือบครึ่ง บาทหลวงพ่นเลือดสดออกมาคำโต

ผู้ชายสองคนอยู่บนดาดฟ้า ชกต่อยกันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อผู้หญิงคนเดียว

“อืม ตรงนั้นเห็นไหม ต้องรีบปรับหน่อย อาศัยจังหวะตอนที่คนแก่พวกนั้นยังไม่มารีบปรับดินซะ เร็วเข้า!”

หัวหน้าคนงานก่อสร้างสั่งให้รถตักดินเคลื่อนไปข้างหน้า

ด้านหน้าเป็นวัดร้างเก่าแห่งหนึ่ง รูปกราบไหว้บูชาภายในวัดก็ไม่ใช่เจ้าแม่กวนอิม และไม่ใช่รูปปั้นลัทธิเต๋าแต่ในความเป็นจริง วัดแห่งนี้ไม่มีแม้แต่ป้ายด้วยซ้ำ

“ครืน!” กำแพงวัดถูกดันจนล้ม แม้แต่รูปปั้นก็ล้มลงเหมือนกัน หัวขาดไปไหนก็ไม่รู้

เครื่องตักดินและเครื่องดันดินทำงานพร้อมกัน ในที่สุดก็ปรับพื้นดินวัดนี้จนเรียบ

“เฮ้ย นี่คือวัดอะไร”

คนขับรถตักดินลงมาจากตัวรถ พูดตามจริงเวลาที่รื้อถอนแบบนี้ ที่เขากลัวที่สุดคือต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ รื้อวัดของคนอื่น และมีความเป็นไปได้ที่จะเสียหายต่อการสร้างกุศล นำความซวยมาสู่ตัวเอง

ทุกสายงานอาชีพ จริงๆ แล้วมีความเชื่อเรื่องพวกนี้ไม่มากก็น้อย

“เป็นวัดเล็กๆ ตอนผมเป็นเด็กก็มีคนมากราบไหว้ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ตอนแรกปู่ของผมยังเคยพาผมมาไหว้เลย เรียกว่าอะไรนะ เจ้าแม่ชิงอี คล้ายกับเจ้าแม่กวนอิม ช่วยเรื่องประทานบุตร”

“แล้วคุณยังสั่งให้พวกเราปรับดินอีกเหรอ”

“ไม่ปรับดินแล้วจะทำงานยังไง คุณรู้ไหม เพราะว่าวัดซอมซ่อแห่งนี้ เดิมทีคนแก่สองสามคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ทะเลาะกับพวกเรานานมาก ตอนนี้ใครยังจะไหว้เจ้าแม่ชิงอีบ้าๆ นี่อีก เดี๋ยวนี้โรงพยาบาลช่วยรักษาการมีบุตรยากมีอยู่ถมไป มีลูกยากก็ไปหาหมอก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ อีกอย่างนะ ตอนเด็กๆ ฉันคิดว่าเจ้าแม่ชงอี เป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่มาก ตอนหลังพอโตแล้วพบว่า ในประวัติศาสตร์ไม่มีคนชื่อนี้เลยด้วยซ้ำ สิ่งที่สืบทอดมาจากไสยศาสตร์เป็นความเชื่องมงาย พวกเราถือว่าเป็นคนทำลายความเชื่องมงายพวกนี้ก็แล้วกัน”

หัวหน้าคนงานถ่มน้ำลายออกมา แล้วตะโกนว่า “สั่งทางนั้นให้เร็วๆ หน่อย พระอาทิตย์จะตกดินแล้ว ต้องรื้อที่ดินโซนนี้ให้ผมทั้งหมด!”

บนดาดฟ้า ร่างกายของเจ้าแม่ชิงอี เดิมทีถูกโจวเจ๋อผลักล้มลงแล้วค่อยๆ แหลกละเอียด บาทหลวงพูดถูกแล้ว เธอไม่ใช่ผี และจากการแหลกสลายไปของเจ้าแม่ชิงอี

สายตาของบาทหลวงจึงเผยความสดใสออกมาอย่างชัดเจนอีกครั้ง เขาลุกขึ้นมา เอามือปิดหน้าอกของตัวเอง และสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่ากระดูกของเขาหักไปเท่าไร ตอนที่เขาเห็นโจวเจ๋อพุ่งมาหาตัวเองอีกครั้ง เขาตกใจรีบเปิดประตูดาดฟ้าแล้ววิ่งลงไปข้างล่าง โดยไม่เหลียวหลังกลับมาแม้แต่น้อย

ส่วนโจวเจ๋อที่พุ่งตัววิ่งไปได้ครึ่งทาง จู่ๆ ร่างกายของเขาก็เริ่มช้าลง จากนั้นทั้งตัวเดินโซเซจะล้มมิล้มแหล่ แสงสีเขียวจากนัยน์ตาค่อยๆ กระจายหายไป และแสงมันเงาสีน้ำตาลเข้มเหมือนสำริดบนตัวของเขาได้จางลงอย่างช้าๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาเหลือเพียง บาดแผลน่ากลัวถี่ยิบ

ร่างกายของโจวเจ๋อโอนเอนไปมาพักหนึ่ง สุดท้ายเขายังเดินไปที่ขอบตึกของดาดฟ้า และไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้ พอเท้าพลาด จึงตกลงไปทันที

ด้านหลังของห้างสรรพสินค้นเป็นเขตกำจัดขยะ ถุงขยะหลายห่อถูกกองอยู่ตรงนั้นเป็นกองเท่าภูเขา และบริเวณใกล้ๆ ก็มีสุนัขและแมวจรจัดคอยหาอาหารอยู่ที่นี่

“ปั่ก!”

“เหมียวๆๆ!”

“โฮ่งๆๆ!”

ตอนที่โจวเจ๋อตกลงมา สุนัขและแมวต่างกระโดดหนีด้วยความตกใจ

โจวเจ๋อเกือบจะหมดสติไปแล้ว เหลือเพียงเล็บของเขาที่ยังงออยู่

สุนัขจรจัดที่ใจกล้าสองตัวเดินเข้ามา ใช้จมูกดมรอบตัวของโจวเจ๋อไม่หยุด

“เจี๊ยกๆๆ!”

และในเวลานี้ ลิงขนทองตัวหนึ่งถือค้อนของเล่นพลาสติกอยู่ในมือกระโดดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันโบกค้อนของเล่นพลาสติกเพื่อไล่สุนัขสองตัวนั้น

จากนั้นมันก็มองไปที่ผู้ชายที่แทบจะหมดลมหายใจเหมือนคนใกล้ตาย

ตอนที่มันเห็นหน้าตาของผู้ชาย เจ้าลิงจึงเกาศีรษะ และไม่รู้ว่าทำไม ตอนที่มันเห็นใบหน้านี้แล้วรู้สึกทรมานมากมันจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ ที่ผ่านมาก็อาศัยอยู่ที่นี่ตลอด และสุนัขกับแมวจรจัดพวกนี้ก็ถูกตัวเองปราบจนเชื่องแล้ว การใช้ชีวิตเป็นพี่ใหญ่อยู่ในกองขยะถือว่าไม่เลว

แต่ใบหน้านี้ ทำให้เจ้าลิงไม่พอใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้มันจะไม่รู้ว่าความรู้สึกไม่ชอบใจมีต้นเหตุมาจากที่ไหน แต่รู้สึกไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก!

“ปึกๆๆ!”

เจ้าลิงใช้ค้อนของเล่นพลาสติกทุบไปที่ศีรษะของโจวเจ๋อสองสามที เพราะว่าเจ้าทำให้ข้าอารมณ์เสียๆ ทำไมเจ้าถึงทำให้ข้าอารมณ์เสียขนาดนี้!

เมื่อทุบติดต่อกันไปสองสามครั้ง ศีรษะของโจวเจ๋อจึงล้มเอนลง แล้วหมดสติไปอย่างสิ้นเชิง

“เจี๊ยก!”

เจ้าลิงตกใจรีบโยนค้อนของเล่นพลาสติกในมือทิ้งทันที แล้วใช้สองมือปิดปากของตัวเอง มันกังวลว่าเมื่อครู่ตัวเองจะทุบไอ้หมอนี่ตายไปแล้วจริงๆ

…………………………………………………………………………

[1] เหมา สกุลเงินของจีน 10 เหมาเท่ากับ 1 หยวน

[2] มวยสานต่า เป็นรูปแบบศิลปะการป้องกันตัวและกีฬามวยใช้เท้าอย่างหนึ่งของจีน ซ่านโฉ่วเป็นศิลปะการป้องกันตัวที่พัฒนาโดยทหารซึ่งมีพื้นฐานการศึกษาและปฏิบัติจากกังฟูและเทคนิคการต่อสู้ป้องกันตัวสมัยใหม่