บทที่ 479 ช่วงเวลาแห่งความสุข + บทที่ 480 ประคบประหงม

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 479 ช่วงเวลาแห่งความสุข

“เป็นผู้ชาย” เฉียวเทียนช่างเอ่ยอย่างแผ่วเบา “เดี๋ยวข้าจะไปดูว่าลูกตื่นหรือยัง หากเขาตื่นอยู่ ข้าจะอุ้มมาให้พวกเจ้าดู”

มู่เสวี่ยคิดถึงหนิงเมิ่งเหยา จึงเดินเข้าไปหานางในห้อง โดยทิ้งสามีของตนไว้ด้านนอกคนเดียว

“เหยาเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือไม่” มู่เสวี่ยสังเกตเห็นว่าหญิงสาวดูปกติดี จึงรู้สึกผ่อนคลายลง

“ข้าสบายดี แค่ต้องดูแลร่างกายเท่านั้น ส่วนลูกเทียนช่างก็ช่วยดูแลอยู่” เมื่อนึกถึงสามีหนิงเมิ่งเหยาก็หัวเราะ

เฉียวเทียนช่างในตอนนี้ ดูไม่เหมือนแม่ทัพที่พร้อมจะรบกับใคร เขาเป็นสามีที่ทำงานบ้านได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อใดที่ลูกร้องไห้ เขาก็จะกระวนกระวายใจอย่างยิ่ง

โชคดีที่ลูกคนนี้เป็นเด็กที่เชื่อฟัง เขาจะร้องเฉพาะตอนที่หิวหรือขับถ่ายเท่านั้น ส่วนเวลาอื่นๆ เขาจะทำตัวเป็นเด็กดีและเลี้ยงง่าย

“คาดไม่ถึงเลย” มู่เสวี่ยตกตะลึง และอดหัวเราะไม่ได้

หนิงเมิ่งเหยาเองก็หัวเราะเช่นกัน ใครจะรู้เล่าว่าชายกำยำอย่างเฉียวเทียนช่างจะสามารถดูแลเด็กน้อยได้ดีขนาดนี้

เซียวฉีเทียนยืนมองตะกร้าที่เฉียวเทียนช่างถืออยู่ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างอิจฉา “ลูกชายของเจ้าช่างน่ารักน่าชังนัก ข้าอิจฉาจริงๆ ”

“อิจฉาเลย ข้าไม่ถือสาหรอก” ชายหนุ่มพูด

สีหน้าของเซียวฉีเทียนเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ เมื่อเห็นว่าชายตรงหน้าดูพึงพอใจกับชีวิตของตน และตอนนี้เขายังมีลูกชายอีกด้วย

ในขณะนั้น เด็กน้อยกำลังลืมตาขึ้นและมองดูรอบข้างอย่างตื่นเต้น ว่าแต่เขามองอะไรอยู่กันแน่

“เขามองข้าอยู่หรือ” เซียวฉีเทียนถามอย่างอดไม่ได้ เมื่อเห็นว่าทารกน้อยจ้องมาที่ตนเอง

“เจ้าคิดไปเอง เหยาเหยาเคยบอกว่าเด็กในวัยนี้ยังมองอะไรไม่เห็นหรอก” และนั่นก็ทำให้เฉียวเทียนช่างรู้สึกกดดัน ‘ทำไมเจ้าถึงยังมองไม่เห็นสักที’

เซียวฉีเทียนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ‘อ้อ ถ้าอย่างนั้นเขาก็ยังมองไม่เห็น…’

ในระยะเวลาเพียงหนึ่งวัน ข่าวเรื่องหนิงเมิ่งเหยาให้กำเนิดบุตรชายก็กระจายไปทั่วหมู่บ้าน และทุกบ้านต่างตระเตรียมของขวัญสำหรับลูกของนาง

หลังจากที่นางคลอดได้สามวัน เหล่าหญิงสาวในหมู่บ้านเกือบทุกคนต่างมากันที่บ้านของนาง ขณะที่ท่านยายฉินเตรียมทำพิธีสรงสาม[1] ผู้คนต่างโยนเหรียญเงินและเหรียญทองลงในอ่างอาบน้ำจำนวนมาก มู่เสวี่ยมอบทองคำให้ โดยที่ทองคำชิ้นนี้เป็นตัวแทนของเหมยรั่วหลินและคนอื่นๆ ที่ไม่สามารถมาร่วมพิธีได้

ในที่สุด ท่านยายฉินก็ได้รับสิ่งของจำนวนมาก แม้ว่าสิ่งต่างๆ เหล่านั้นจะไม่ได้มีความหมายสำหรับนางก็ตาม

บางคนเห็นว่าครึ่งหนึ่งของอ่างใบนี้เต็มไปด้วยสิ่งของมากมาย และมีเหรียญทองอยู่ในนั้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้มาเยี่ยมต่างรับรู้ได้ว่าลูกชายของหนิงเมิ่งเหยานั้นเป็นที่รักใคร่ของทุกคนอย่างยิ่ง

หลังจากพิธีสรงสามผ่านพ้นไปได้ครึ่งเดือน หนานกงเยี่ยนก็มาถึงพร้อมกับข้ารับใช้นามว่าหนานกงมู่ พวกเขาดูรีบร้อนอย่างยิ่ง

“ท่านพ่อตามาแล้ว”

“อืม เด็กอยู่ไหนหรือ รีบพามาให้ข้าชื่นชมเร็วเข้า” หนานกงเยี่ยนไม่สนใจคนอื่นๆ และรีบพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น

เฉียวเทียนช่างมองอาการว้าวุ่นใจของอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้ “ท่านพ่อตา เด็กน้อยกำลังหลับอยู่ ท่านไปล้างตัวก่อนเถิด เดี๋ยวอีกไม่นาน เขาก็จะตื่นแล้ว”

“ใช่แล้วขอรับ ท่านผู้สำเร็จราชการ นายน้อยเล็กยังเด็กนัก ตอนนี้เป็นเวลานอนหลับของเขา ท่านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วค่อยมาดูหลานเถิดขอรับ”

หนานกงเยี่ยนคิดได้ว่าเสื้อผ้าของตนนั้นสกปรกจริงๆ นอกจากนี้ เนื้อตัวของเขายังเปื้อนฝุ่นมอมแมมอีกด้วย มันคงไม่ดีนักหากเด็กทารกสัมผัสกับฝุ่นละอองเหล่านี้

ดังนั้น เขาจึงเดินตามข้ารับใช้เข้าไปในห้องเพื่อทำความสะอาดร่างกายตนเอง

หลังจากหนานกงเยี่ยนมาถึง ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนั้นเอง เหมยรั่วหลินและอวี้เฟิงก็เดินทางมาถึง และทั้งคู่ก็มีสภาพสกปรกและมอมแมมเช่นเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขารีบมุ่งหน้ามาที่นี่

“ไปพักผ่อนก่อนเถอะ แล้วค่อยออกมาหาเด็กน้อย” ก่อนที่ทั้งสองคนจะเอ่ยคำใดออกมา เฉียวเทียนช่างก็รีบพูดแทรกขึ้น

พวกเขามองหน้ากันก่อนเดินเข้าห้องไปล้างตัว ขณะนั้นเอง หนานกงเยี่ยนก็กำลังอุ้มเด็กทารกไม่วางมือด้วยความเอ็นดู

เด็กน้อยคนนี้ช่างน่ารักน่าชังอย่างยิ่ง ดวงตาของเขาเหมือนกับของเหยาเอ๋อร์ไม่มีผิด เขาหลงรักหลานชายคนนี้หัวปักหัวปำ

เฉียวเทียนช่างแอบมองพ่อตาของตนอย่างเงียบๆ “ท่านพ่อตา ถึงเวลาให้นมลูกแล้ว”

“ได้เลย” หนานกงเยี่ยนส่งหลานชายกลับคืนสู่อ้อมแขนของชายหนุ่ม

จากนั้น เฉียวเทียนช่างจึงเดินไปหาหนิงเมิ่งเหยาพร้อมกับลูก พลางพึมพำด้วยความไม่พอใจ “ท่านพ่อตาจะมาพรากลูกของข้าไป”

“ในวันหน้าลูกจะเล่นกับเจ้าบ่อยขึ้นเอง” หญิงสาวรู้สึกขบขันเล็กน้อย เขากำลังแย่งชิงเด็กน้อยกับท่านตา ‘โถ ช่างน่าขันยิ่งนัก’

บทที่ 480 ประคบประหงม

แม้ว่าหนิงเมิ่งเหยาจะปลอบ แต่ชายหนุ่มก็ยังรู้สึกอึดอัดอยู่ในใจ เขารู้สึกว่าคนเหล่านี้มาที่นี่เพื่อแย่งชิงลูกชายไปจากเขา เขาจึงเศร้าใจ

แต่ทว่าเฉียวเทียนช่างก็มิได้แสดงท่าทีไม่พอใจต่อหนานกงเยี่ยน เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นพ่อตา แล้วชายหนุ่มจะพูดอะไรได้เล่า

หนิงเมิ่งเหยามองปฏิกิริยาของสามี ก่อนจะหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ ไม่ว่าจะมองในมุมไหน มันก็ช่างตลกเหลือเกิน “อย่าทำแบบนี้เลย เดี๋ยวผู้คนจะคิดว่าท่านพ่อของข้ากลั่นแกล้งเจ้า”

“ข้ายังเอาอกเอาใจลูกชายของเราไม่พอ” ชายหนุ่มพึมพำอย่างไม่พอใจ

หญิงสาวกุมขมับและมองลูกชายในอ้อมแขน จากนั้นจึงหยิกแก้มของเขาอย่างอดไม่ได้ “เจ้าลิงน้อย ดูพ่อเจ้าสิ เขาต้องเศร้าเสียใจเพราะเจ้า”

เด็กน้อยรู้สึกอึดอัดจากการโดนหยิกแก้ม ก่อนจะเบะปาก ราวกับว่าถูกเข้าใจผิด และนั่นทำให้ผู้เป็นพ่อรู้สึกปวดใจอย่างยิ่ง

หนิงเมิ่งเหยามองท่าทีอันเคร่งเครียดของเฉียวเทียนช่าง ทำไมนางถึงรู้สึกราวกับว่าบุคลิกของเขานั้นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงขนาดนี้

“เทียนช่าง เจ้าคงจะไม่ตามใจลูกชายของพวกเรามากจนเขาไม่เคารพกฎของบ้านเมืองหรอกใช่ไหม” หนิงเมิ่งเหยามองชายหนุ่มอย่างจับผิด เมื่อเห็นท่าทีของเขาในตอนนี้แล้ว ก็เป็นไปได้สูงว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น

เฉียวเทียนช่างส่ายศีรษะอย่างเคร่งขรึม “ไม่แน่นอน เจ้าไม่ต้องกังวล” เขารู้อยู่แก่ใจว่าตนเองรักลูกชายคนนี้ แต่ก็ต้องอบรมเลี้ยงดูเขาให้เหมาะสม หากเขาก่อเรื่องให้วงศ์ตระกูลต้องเดือดร้อนก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดี

“เช่นนั้นก็ดี” หญิงสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะเกรงว่าสามีของตนจะให้ท้ายลูกจนเสียนิสัย เมื่อเป็นเช่นนั้น หากนางอยากจะร้องไห้ก็คงไม่มีที่ให้ร้องไห้แล้ว

เฉียวเทียนช่างยื่นมือไปลูบหน้าผากของภรรยา “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้อะไรเลยหรือ”

หนิงเมิ่งเหยาส่ายหน้า “จริงๆ แล้วข้าก็ยังระแวงเจ้าอยู่ดี รู้หรือไม่ว่าทำไม”

“ทำไมหรือ”

“ตอนนี้ เจ้าเป็นเหมือนทาสของลูกชายเราเลย ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะยอมลำบากเพื่อเขาขนาดนี้”

ชายหนุ่มมองภรรยา เขารู้ดีว่าตนเองตามใจลูกชายคนนี้มากไปหน่อย “เขายังเด็กนัก จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าจะเป็นห่วงเขามากเป็นพิเศษ แต่เมื่อเขาโตขึ้น ข้าก็จะไม่ทำตัวเช่นนี้อีกแล้ว” เฉียวเทียนช่างพูดกับหนิงเมิ่งเหยา พลางส่ายหน้าเบาๆ

หญิงสาวผงกศีรษะ “ถ้าเจ้าคิดเช่นนั้น ข้าก็สบายใจ”

ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่ในห้องเป็นเวลานาน จนคนด้านนอกเริ่มไม่ชอบใจ

หนานกงเยี่ยนรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ และไม่อาจทนรอให้ลูกเขยพาหลานชายออกมาได้อีก เขาจึงรีบเข้าไปหาลูกสาวในห้องพักผ่อน ก่อนจะเคาะประตู “เหยาเอ๋อร์ เด็กน้อยกำลังหลับอยู่หรือ”

เฉียวเทียนช่างมองหน้าลูกชายอันเป็นที่รักที่กำลังหลับสนิท จากนั้นจึงเดินไปเปิดประตู ก่อนจะบอกว่า “ท่านพ่อตา ตอนนี้เด็กหลับอยู่”

หนานกงเยี่ยนผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็รู้ดีว่าหลานชายต้องพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อจะได้เติบโตอย่างแข็งแรง “ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะไปพักผ่อนด้วยเช่นกัน”

“ขอรับ”

เฉียวเทียนช่างรอจนหนานกงเยี่ยนไปพักผ่อน จากนั้นจึงปิดประตูลงและเดินกลับมาที่ห้อง เขานั่งบนเตียงและพูดคุยกับหนิงเมิ่งเหยาต่ออย่างอ่อนโยน

“เจ้าอยากจะนอนพักสักครู่หรือไม่” แม้ว่าชายหนุ่มจะช่วยดูแลลูกในเวลากลางคืนอยู่เสมอ แต่ทว่าช่วงนี้ หนิงเมิ่งเหยาก็ไม่ค่อยได้นอนสักเท่าไหร่ เพราะเวลาที่ลูกน้อยขยับตัวตื่น หญิงสาวก็ตื่นด้วย ทำให้นางนอนหลับไม่สนิทเท่าที่ควร

หนิงเมิ่งเหยาครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ข้าขอนอนพักสักครู่หนึ่ง เจ้าช่วยดูแลเขาที”

“อย่าห่วงเลย ข้าอยู่นี่แล้ว นอนหลับอย่างสบายใจเถอะ” เฉียวเทียนช่างลูบไหล่ภรรยาเพื่อกล่อมให้นางนอนหลับง่ายขึ้น

ชายหนุ่มรออยู่บนเตียง จนกระทั่งหนิงเมิ่งเหยาหลับไป จากนั้นเขาก็เกิดความคิดที่จะทำเตียงเล็กๆ ให้ลูกชายนอนในเวลากลางคืน ตอนที่เขาขยับตัว หนิงเมิ่งเหยาก็จะได้ไม่ต้องตื่นขึ้นมาด้วย

เมื่อคิดเช่นนั้น ชายหนุ่มจึงออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ และขอให้ชิงเสวี่ยช่วยดูแลลูกในบ้านสักพัก รวมถึงดูให้แน่ใจว่าเขาห่มผ้าอยู่ตลอดเวลาด้วย

หลังจากแนะนำเสร็จ เขาก็ไปที่โรงงานและทำเตียงเด็กจนเสร็จ จึงเดินกลับบ้าน

เมื่อหนิงเมิ่งเหยาตื่นขึ้นมา ก็พบว่ามีเตียงเด็กพร้อมกับของเล่นชิ้นเล็กๆ อยู่ในห้อง หญิงสาวรู้สึกงุนงง

“เทียนช่าง นี่คือ…”

“อ้อ ข้าเห็นว่าเมื่อคืนเจ้านอนไม่ค่อยหลับ ข้าจึงทำเตียงขนาดเล็กนี้ขึ้นมาเพื่อให้ลูกได้นอนบนเตียงของเขาเองในตอนกลางคืน เจ้าจะได้หลับสนิท”

[1] พิธีสรงสามหรือ ‘สี่ซาน’ (洗三) เป็นพิธีที่สำคัญที่สุดเมื่อเด็กเกิดมาครบ 3 วัน โดยพิธีนี้จะรวมเหล่าญาติมิตรมาร่วมในวันอาบน้ำชำระกายของทารก