อู๋ไต้ซือที่รอคอยจังหวะดี ๆ แบบนี้อยู่ก็ตะโกน “ไม่ต้องกังวล มันหนีไม่พ้นหรอก !”

พูดจบ อู๋ไต้ซือก็กระโดดขึ้นไปบนอากาศ มือของเขาปรากฏดาบสั้นสีดำที่ไม่รู้จัก ลงมาบนหัวของจระเข้เกล็ดทองอย่างมั่นคง เขาดาบเสียบเข้าไปบนหัวของจระเข้เกล็ดทอง

สวบ !

ความคมของดาบสั้นสีดำยากจะหาอะไรมาเปรียบ ดาบตัดเข้าเนื้อง่ายดายราวกับตัดเต้าหู้ ตั้งแต่หัวลงไปถึงท้อง จนเกือบจะขาดเป็นสองท่อน

โฮก…

เสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดดังมาจากปากของจระเข้สีทอง

ตุ้บ !

ร่างอันมหึมาของจระเข้เกล็ดทองตกลงห่างจากบึงเพียงแค่หนึ่งเมตร

อู๋ไต้ซือยืนอยู่บนหัวของจระเข้เกล็ดทอง หัวเราะยินดีอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายของเขาถูกย้อมไปด้วยเลือดของจระเข้เกล็ดทอง ดูราวกับเทพเจ้าแห่งสงครามที่ยืนอยู่บนกองซากศพ

เว่ยจื่อหยุนอุทานอย่างตื่นเต้น “ท่านอู๋ไต้ซือ ผู้ยิ่งใหญ่ สังหารสัตว์ประหลาดได้ด้วยมือเดียว แข็งแกร่งราวกับเทพลงมาจุติ !”

นักบู๊คนอื่น ๆ แม้รู้สึกไม่เห็นด้วยนัก ที่อู๋ไต้ซือเป็นคนสังหารจระเข้เกล็ดทอง เพราะถ้าไม่ใช่พวกเขาลดทอนกำลังของจระเข้เกล็ดทองมาก่อนหน้า การโจมตีเพียงครั้งเดียวของอู๋ไต้ซือก็คงสังหารมันไม่ได้

แม้จะไม่ยอมรับ แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คู่มือของอู๋ไต้ซืออยู่ดี ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงภาวนาให้อู๋ไต้ซือยอมแบ่งยาวิเศษให้กับทุกคนตามที่สัญญาเท่านั้น

สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่อู๋ไต้ซือในดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและอิจฉา เพียงเท่านี้อู๋ไต้ซือก็ได้ยาวิเศษมาครอบครองแล้ว

อู๋ไต้ซือเหลือบมองทุกคนอย่างพึงพอใจ ดูเหมือนเขาจะรู้ความคิดของทุกคน เขายิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า “ไม่ต้องรีบไป ยาวิเศษนั้นยังไม่สุกเต็มที่ ถึงได้มาตอนนี้ก็เสียของเปล่า ๆ”

ไม่ไกลนัก เฉินโม่รู้สึกประหลาดใจ “ฉันประเมินหมอนี่ต่ำไป เขาถึงเห็นออกว่าใบผลสีชาดผลนั้นยังไม่สุกเต็มที่ แต่วิญญาณสัตว์ผู้พิทักษ์ไม่อ่อนแอเกินไปหรือ พลังแค่นี้จะจัดการกับกองกำลังตำรวจลงได้อย่างไร ?”

เว่ยจื่อหยุนวิ่งไปเข้าไปถามด้วยความสงสัย “ไต้ซือ เราจะสามารถเก็บยาวิเศษได้เมื่อไรกัน ?”

อู๋ไต้ซือยิ้มพร้อมกล่าวว่า “รอจนกว่าพรุนแดงจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด นั่นคือเวลาสุกจริง ๆ การเก็บในเวลานั้นจึงจะเหมาะสมที่สุด !”

“ฮิ ฮิ ยังไงซะ ปีศาจก็ถูกกำจัดลงแล้ว พวกเราแค่รออยู่ที่นี่ก็ได้น่ะสิ” เว่ยจื่อหยุนหัวเราะด้วยความพึงพอใจ

อู๋ไต้ซือมองไปยังกลุ่มของเฉินโม่ ดวงตาฉายแววแห่งรอยยิ้ม “ให้รอเฉย ๆ มันน่าเบื่อ เรายังมีเรื่องอื่นต้องทำอีก”

เว่ยจื่อหยุนเข้าใจได้ในทันที จ้องมองไปยังมู่หรงยานเอ๋อร์และเฉินโม่ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย

เหล่านักบู๊นั้นรู้ดีว่า หากอู๋ไต้ซือยังอยู่ที่นี่ยาวิเศษคงไม่มีทางเป็นของพวกเขา จนกระทั่งมีบางคนถึงกับยอมแพ้

” อู๋ไต้ซือ สัตว์ประหลาดได้ถูกกำจัดลงไปแล้ว ฉันหวังว่าท่านจะจำคำสัญญาที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ได้ ว่าหากกลั่นยาวิเศษเป็นยาเม็ดสำเร็จแล้ว จะแบ่งมันให้กับพวกฉัน แน่นอนว่าต้องขอขอบคุณท่านเป็นอย่างยิ่ง ”

นักบู๊ที่เหลือถอนหายใจเสียงดัง หมดหวังที่จะได้ยาวิเศษมา เตรียมตัวออกไปจากที่นี่

อู๋ไต้ซือหัวเราะอย่างชั่วร้าย “ไม่ต้องห่วง พวกนายอุตส่าห์ช่วยฉันกำจัดจระเข้เกล็ดทอง หากยฉันไม่ให้อะไรพวกนายสักหน่อย จะไม่ดูแย่ไปหน่อยหรือ ?”

ทุกคนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง มองไปยังอู๋ไต้ซือและคิดในใจว่า “นี่เขาจิตใจดีขนาดนี้ได้อย่างไร ?”

เฉินโม่หรี่ตาลง ดวงตาฉายแววจิตสังหาร

อู๋ไต้ซือชี้ไปที่เฉินโม่และพูดเสียงดัง “พวกนายจำเรื่องเครื่องรางในงานประมูลที่ถูกซื้อไปก่อนได้หรือไม่ ?”

ทันใดนั้นทุกคนก็เข้าใจบางอย่าง พวกเขาทั้งหมดมองไปที่เฉินโม่ ปรากฏแววตาแห่งความโลภ

อู๋ไต้ซือกล่าว “ถูกต้อง หมอนั่นเป็นคนชิงซื้อเครื่องรางไปก่อน”

เว่ยจื่อหยุนออกมาเป็นพยาน “ฉันเห็นกับตาว่าหมอนั่นเดินอยู่หลังเวทีกับเถ้าแก่ในงานประมูล !”