บทที่ 254: คำเชิญจากอะซะอิ นะงะมะซะ

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

บทที่ 254: คำเชิญจากอะซะอิ นะงะมะซะ

ความมืดเข้าปกคลุมภายในห้องอย่างกะทันหัน การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของความสว่างภายในห้องทำให้ทุกอย่างตรงหน้าของเขากลายเป็นสีดำไปชั่วขณะ…

หม่าจงฉินยกมือขึ้นกำหมัดอยู่ในท่าป้องกันโดยสัญชาตญาณ เตรียมพร้อมกับที่จะขยับทันทีที่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ ด้วยลมหายใจที่แผ่วเบา เขามองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง พยายามอย่างยิ่งที่จะปรับสายตาของตัวเองให้คุ้นชินกับความมืดของห้องเพื่อฟื้นคืนการมองเห็นของตนอีกครั้ง แม้ว่าโดยธรรมชาติแล้วเขาจะเป็นคนตัวสูง แต่ตอนนี้เขากลับขดตัวอยู่ที่มุม ๆ หนึ่งราวกับเด็กน้อย ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวขณะที่พยายามส่งเสียงให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

มีบางอย่าง…

เรือลำนี้มีอะไรบางอย่างอยู่ !

การตายของอาจารย์หลิวนั้นแปลกประหลาดเกินไป ! นี่จะต้องเป็นฝีมือของวิญญาณร้ายที่อยู่บนเรือแน่ ๆ!

แต่ทันใดนั้น รูม่านตาของเขาก็พลันหดตัวลง

เอี๊ยดดดด… เสียง ๆ หนึ่งดังตัดผ่านความมืดที่เงียบสงัด วินาทีนั้น ร่างทั้งร่างของเขาเริ่มสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ มันแทบจะเหมือนกับว่าเขาเพิ่งถูกฟ้าผ่าไม่มีผิด

เขาเกลียดการที่สมองของตัวเองกำลังทำงานเกินหน้าที่เป็นที่สุด ด้วยมันกำลังจับเสียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ดังขึ้นรอบ ๆ และระบุถึงตัวตนของเจ้าของเสียงด้วยตัวของมันเอง

แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ เขาก็คงไม่รู้เลยว่าเสียงที่ดังขึ้นก่อนหน้านี้นั้นมาจาก… เก้าอี้หมุนของอาจารย์หลิว !

อาจารย์หลิวตายแล้วไป แต่มันมีอะไรบางอย่างหมุนให้เขาหันกลับมาในความมืด

กึก กึก กึก กึก …ฟันของเขาเริ่มกระทบกันไม่หยุด และมันก็ไม่ยอมหยุดลงไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นต้องสงสัยเกี่ยวกับแหล่งที่มาของเสียงที่ดังขึ้นก่อนหน้านี้อีกต่อไป สีหน้าหวาดกลัวของเขาเปลี่ยนเป็นสิ้นหวัง เขายัดกำปั้นของตัวเองเข้าปากและกัดมันอย่างแรงเพียงเพื่อที่จะข่มความหวาดกลัวของตนเอง แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่สามารถห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลลงมาตามแก้มของตัวเองเหมือนกับสายน้ำขนาดเล็กได้

ใครก็ได้… ช่วยที… ผมยังไม่อยากตาย… !

“เขาจะรอดไหม ?” ฉินเย่ซึ่งมองภาพที่เกิดขึ้นจากกระจกเอ่ยถามขึ้น “มันไม่มีอะไรไปมากกว่าชายแก่ที่ตายไปแล้ว”

“น่าเศร้าที่ต้องตอบว่าไม่ วิญญาณตนนั้นใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของบรรยากาศและอุณหภูมิ ตลอดจนการใช้ภาพลวงตาเพื่อดับไฟชีวิตทั้งสามของชายหนุ่มคนนี้ ต่อให้เรารีบตรงไปที่นั่นตอนนี้มันก็ยังคงสายเกินไป เปลวไฟของเขาจวนจะดับลงเต็มที” หมิงชีหยินถอนหายใจออกมา

………

กลับมาที่ห้องสื่อสาร หม่าจงฉินเริ่มได้ยินเสียงแต็บ แต็บดังมาตามพื้น

สมองของเขาที่กำลังทำงานเกินหน้าที่ย้ำเตือนเขาถึงข้อเท็จจริงที่ว่าเมื่อเช้าของวันนี้ ตอนที่เขามาช่วยอาจารย์หลิวแก้ไขข้อบกพร่องของระบบการสื่อสาร อีกฝ่ายสวมรองเท้าแตะคู่หนึ่ง

เขาลุกขึ้น…

อาจารย์หลิวที่ตายไปแล้วเพิ่งลุกขึ้นยืน !

รูขุมขนบนร่างของเขาทั้งหมดเปิดออก และเม็ดเหงื่อมากมายก็ไหลออกมาราวกับสายน้ำ แต่อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อยสำหรับความหวาดกลัวและความสิ้นหวังเต็มรูปแบบของเขาเท่านั้น

“เสี่ยวหม่า…” เสียงแหบพร่าที่ดูไม่ต่างจากเสียงกระซิบของภูติผีดังขึ้นในความมืด ในขณะเดียวกัน มือสองข้างที่มีกลิ่นเหม็นของศพก็ยื่นออกมาและลูบไล้ใบหน้าของเขาเบา ๆ

“คุณมาหาผมอย่างนั้นหรือ ? ดีจริง ๆ…”

หม่าจงฉินสัมผัสได้เลยว่าที่มือทั้งสองข้างนั้นมีเลือดติดอยู่เต็มไปหมด

ปั้ง !! ทันใดนั้นเอง ประตูด้านหน้าก็ถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน และแสงจากด้านนอกก็ส่องเข้ามา ผู้หญิงในชุดกิโมโนยืนอยู่หน้าประตู หอบหายใจอย่างรุนแรง

มีคนมา…

ดี… เรารอดแล้ว… เรา… จะไม่ต้องตายที่นี่แล้ว…

“เอือก !! อึก… อุก…”

ผมเผ้าของนิชิโนะยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง และสายตาของเธอก็พลันถูกดึงไปที่ชายหนุ่มที่ดิ้นรนอยู่เบื้องหน้าของเธอด้วยความสงสาร

ดวงตาของหม่าจงฉินเหลือกขึ้นจนเห็นเพียงตาขาว และเขาก็ยัดกำปั้นทั้งกำปั้นเข้าไปในปากของตัวเอง อันที่จริง เขากัดมันแรงมากจนมือของเขามีเลือดไหลออกมาเต็มไปหมด

10 นาที 21 วินาที หม่าจงฉิน เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ !

ถัดจากร่างของเขา อาจารย์หลิวยังคงนอนอยู่ในท่วงท่าแปลกประหลาดดังเดิม ไม่มีเคลื่อนไหวเลยแม้แต่นิดเดียว

“หลับให้สบายนะ” หญิงชราส่ายศีรษะไปมาและก้าวข้ามร่างของหม่าจงฉิน และพยายามมองไปที่แผงควบคุมการสื่อสาร

นิชิโนะกรุ๊ปมีกิจการในเครือโรงแรมหรูมากมาย และนิชิโน มิโอก็ได้รับเลือกให้เป็นผู้สืบทอดธุรกิจในหมู่คู่แข่งมากมาย เธอไม่ได้เป็นเพียงคนแก่ที่โง่เขลาและไม่รู้เรื่องการจัดการอะไรเลย อันที่จริง เธอคือผู้หญิงที่เก่งกาจซึ่งทำมาหมดแล้วทุกอย่าง แม้ว่าจะเป็นงานเล็กงานน้อยอย่างรูมเซอร์วิสก็ตาม

และความรู้ของเธอนั้นก็รวมถึงวิธีการซ่อมวงจรพื้นฐานด้วย

สายไฟถูกถอดออก

เมื่อเห็นเช่นนั้น หญิงชราก็เข้าใจถึงรากของปัญหาได้ทันที เธอต่อสายไฟกลับเข้าไปอีกครั้งและแสงสีเขียวมากมายบนแผงควบคุมตรงหน้าก็สว่างขึ้น จากนั้น เธอสูดหายใจเข้าช้า ๆ และกัดฟันกรอด “ทุกท่าน ดิฉัน นิชิโน มิโอะ กรุณาอยู่ในความสงบและตั้งใจฟังสิ่งที่ฉันกำลังจะพูดให้ดี”

………

กลับมาที่โถงประมูล ไป๋อี้ชานมึนงงเป็นอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น

คุณนิชิโนะ ? เธอไปทำอะไรที่ห้องสื่อสารกัน ? แล้ว… ทำไมจู่ ๆ เธอถึงประกาศสาธารณะแบบนี้ ?

“อะไรน่ะ ?” ชายในชุดคลุมสีขาวขมวดคิ้วและเคาะที่หูฟังของตัวเองขณะที่ยังไหล่อย่างช่วยไม่ได้ ขณะที่ชายชาวจีนวัยกลางคนอีกคนหนึ่งยกถ้วยชาของตนขึ้นจิบพร้อมกับถอนหายใจออกมา “นี่เธอเสียใจที่ตัวเองไม่สามารถประมูลถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีไปได้จนต้องพยายามเรียกร้องความสนใจเลยเหรอ ?”

ทั่วทั้งห้องโถงเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยมากมาย

……………

ย้อมกลับมาที่ห้องน้ำ ฉินเย่จ้องมองโทรศัพท์ของตัวเองด้วยความตกตะลึง

10 นาที 21 วินาที – ไม่ขาดไม่เกินแม้แต่วินาทีเดียว !

“พระ… เจ้า…” คำสองคำปรากฏขึ้นบนผิวหน้าของกระจก และมันก็จมลงราวกับแสดงถึงความสิ้นหวัง

ทันใดนั้นเอง เสียงของนิชิโนะก็ดังขึ้น ฉินเย่สูดหายใจเข้าช้า ๆ เพื่อสงบหัวใจที่เต้นรัวของตัวเองขณะที่ตั้งใจฟังสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะพูด

……………

กลับมาที่ห้องสื่อสาร ขณะที่หญิงชรากำลังจะพูดต่อ ทันใดนั้น… เธอก็ได้ยินเสียงแปลกประหลาดบางอย่าง

ฟึ่บ…

มันคือประตูห้องที่เธอเปิดเอาไว้ก่อนหน้านี้ ด้วยเหตุผลบางประการ มันเพิ่งถูกปิดลงเบา ๆ

หลอดไฟภายในห้องยังคงสว่างจ้า แต่เสียงของมันตอนนี้กลับมีประกายสีแดงออกมา ! และที่ทำให้ทุกอย่างแย่ลงกว่าเดิมก็คือเธอเห็นเงาดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นด้านหลังของตัวเองจากเงาสะท้อนของแผงควบคุม

มันคือเงาของชุดเกราะญี่ปุ่นขนาดใหญ่

นอกจากนี้ เงาชุดเกราะยังถือดาบคาตานะไว้ในมือและง้างมือขึ้นสูงอีกด้วย

“ถ้าคุณกล้าโดนตัวฉันแม้แต่นิดเดียวก็ลองดู !!!” นิชิโนะกัดฟันกรอดและตะโกนออกไปเสียงดัง “ฉันมีพระพรแห่งคุณธรรมมากมายปกป้องฉันอยู่ และสิ่งนี้ก็ทำให้ฉันไม่จำเป็นต้องก้าวเข้าไปในยมโลกด้วยซ้ำหลังจากที่ตายไป ! พระพรแห่งคุณธรรมที่ได้มาจากการบริจาคเงินให้กับโรงเรียนและบ้านพักคนชรามากกว่าหลายพันล้าน !! แล้ววิญญาณร้ายอย่างพวกคุณกล้าดีอย่างไรถึงคิดจะทำร้ายฉัน ?!”

ฟึ่บ ! วินาทีนั้น เธอรู้สึกเย็นวาบขึ้นบริเวณด้านหลังของลำคอ หญิงสูงวัยหลับตาลงทันที และเมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอก็ล้มลงไปนั่งอยู่ที่พื้นอย่างอ่อนแรง

เธอยังมีชีวิต

ทุกอย่างโดยรอบยังคงเหมือนเดิม แต่เงาดำได้หายไปแล้ว

“ทุกท่าน กรุณาฟังที่ฉันกำลังจะพูดให้ดี !” เธอสูดหายใจเข้าช้าและจัดระเบียบความคิดของตัวเอง “ตอนนี้มีกัปปะกว่าร้อยตนกำลังล้อมรอบเรือสำราญของเราอยู่ ! ผู้คุ้มกันของฉัน กัปปะ และผู้ที่มีหน้าที่ดูแลห้องควบคุมเสียชีวิตหมดแล้ว ! นอกจากนี้ กัปปะพวกนั้นยังดูเหมือนกับกำลังลากเรือของเราไปที่ไหนก็ไม่รู้ด้วย !”

“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะดำเนินงานประมูลต่ออีกต่อไป ! ทุกท่าน พวกเราต้องร่วมมือกัน ไม่เช่นนั้นเราทั้งหมดอาจจะต้องทนทุกข์กับผลที่อาจจะตามมาจากความผิดพลาดของเราในครั้งนี้ !”

………

กลับมาที่ห้องโถงประมูล

คำประกาศของนิชิโนะยังคงดำเนินต่อไปโดยมีชุดเกราะขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง ขณะที่เธอพูด บรรดาล่ามของแขกผู้เข้าร่วมทั้งหมดก็อธิบายเนื้อหาประกาศของเธออย่างรวดเร็ว และยิ่งพวกเขาแปลมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งถูกครอบงำด้วยความหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น ภายในไม่กี่วินาที คนส่วนใหญ่ต่างทรุดตัวนั่งลงด้วยเหงื่อที่เย็นเฉียบ ในขณะที่นายจ้างของพวกเขาลุกยืนขึ้นด้วยความตกใจ

ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ

มันเป็นความเงียบที่อึดอัดและบีบคั้นเป็นอย่างมาก

ทั่วทั้งโถงมีเพียงเสียงของลมหายใจที่ติดขัดและเสียงครวญครางอย่างตกตะลึง ไป๋อี้ชานเองก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก และเขาก็มองไปรอบ ๆ “นะ นี่มัน… นี่มัน… เป็นไปได้ยังไง…”

“แอนดรูว์ !!!” ชายผิวขาวผมสีบลอนด์และดวงตาสีฟ้าหันไปหาชายสูงวัยที่อยู่ด้านหลังของตน และเสื้อคลุมของชายคนนั้นก็ฉีกออก เผยให้เห็นชุดนักบวชที่อยู่ด้านในทันที

พรึ่บ ! ทันทีที่นักบวชผู้นั้นเปิดเผยตัวตนออกมา พลังปราณที่แข็งแกร่งไม่ต่างกันอีกระลอกหนึ่งก็ปะทุมาจากอีกฝั่งหนึ่งของโถง จากนั้นก็ตามมาด้วยระลอกที่สอง… สาม… และภายในไม่กี่วินาที ผู้ฝึกตนกว่า 30 คนก็เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเองขึ้นภายในห้องโถง และพวกเขาทั้งหมดต่างก็อยู่ขั้นนักล่าวิญญาณ !

“เร็วเข้า !” ชายในชุดคลุมสีขาวเอ่ยสั่งชายชราร่างผอมที่ยืนอยู่ข้างตน “ไปตรวจดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั่น !”

พวกเขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก และเหล่าผู้ฝึกตนเองก็ไม่ปกปิดตัวตนของพวกเขาอีกต่อไป เพราะอย่างไรแล้ว ด้วยสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมแล้ว พวกเขาจะไม่รับรู้ถึงสถานการณ์เหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่แพร่ระบาดไปทั่วจีนได้อย่างไร ?

ภายในชั่วพริบตา ประตูทางเข้าหลังของโถงประมูลก็เปิดออกด้วยตัวของมันเอง และผู้ฝึกตนขั้นนักล่าวิญญาณกว่า 30 คนก็พุ่งตัวออกไปราวกับสายฟ้า

มันไม่มีการลังเลใด ๆ ทั้งสิ้น ! ภายใต้การป้องกันของเหล่าผู้คุ้มกันที่แข็งแกร่งของพวกเขา คนทั้งหมดรีบมุ่งหน้าไปที่ชั้นบนสุดของเรือสำราญอย่างรวดเร็ว

ฉินเย่เองก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก

เช่นนั้นก็แสดงว่าเมื่อครู่นี้… เขาไม่ได้รู้สึกไปเอง ? ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงรู้สึกว่าเรือกำลังเคลื่อนที่…

หมิงชีหยินยังคงตกตะลึง และก็เอ่ยออกมาอย่างร้อนรน “เรือ… กำลังเคลื่อนที่หรือ ? มันกำลังจะพาเราไปที่ใดกัน ?”

“จะเป็นที่ใดไปได้เล่า ?” สีหน้าของฉินเย่ซีดเผือด เขากำหมัดแน่น “มันมีเพียงที่เดียวที่เราสามารถมุ่งหน้าไปได้ในตอนนี้… ช่องแคบสึชิมะ ! นั่นคือสถานที่ซึ่งอะซะอิ นะงะมะซะกำลังรอเราอยู่ !”

“อีกฝ่ายลงมือแล้ว !”

ทันใดนั้นเองเด็กหนุ่มก็ได้ยินเสียงกึกเบา ๆ ที่เขาเคยได้ยินก่อนหน้านี้ เขารีบวิ่งออกจากห้องน้ำและกลับไปที่ด้านหลังของเวทีและคว้าถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีเอาไว้ จากนั้นจึงหันไปหาทาดายูกิและอิวาซากะแล้วเอ่ยกับทั้งคู่ด้วยเสียงจริงจัง “เทพแห่งความตายของพวกคุณเริ่มลงมือแล้ว”

“ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเราอยู่ห่างจากช่องแคบสึชิมะไม่ไกลนัก ! ถึงขนาดใช้กัปปะในการลากเรือไปที่นั่น เป็นวิธีที่ชาญฉลาดจริง ๆ …คุณคาโม่ ผมจำเป็นต้องปลดปล่อยดวงวิญญาณของราชาปีศาจแห่งสวรรค์ชั้นที่ 6 เดี๋ยวนี้ ! คุณจะต้องช่วยคุ้มกันให้ผมไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คุณอิวาซากิ อย่าอยู่ห่างจากเราหากคุณยังไม่อยากตาย”

ชายสูงวัยลอบกลืนน้ำลายอย่างวิตกกังวลและพยักหน้าอย่างรุนแรง

มิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่นจะไม่มีวันลืมบุญคุณอันยิ่งใหญ่ที่คุณได้ทำเพื่อเราในวันนี้

และเราจะตอบแทนคุณในอนาคตอย่างแน่นอน !

แต่นั่น… ก็เป็นในกรณีที่เรายังมีอนาคตให้พูดถึงน่ะนะ

“ไปเร็ว !” ฉินเย่คว้าแขนของอิวาซากิด้วยมือข้างหนึ่งและทาดายูกิด้วยมืออีกข้างหนึ่งขณะที่พวกเขารีบออกไปจากด้านหลังเวทีและไปถึงที่โถงประมูลอย่างรวดเร็ว จากนั้นเด็กหนุ่มก็สูดหายใจเข้าช้า ๆ และตะโกนด้วยเสียงที่ดังก้อง “พระทั้งสอง ! ช่วยคุ้มกันผมด้วย ไม่เช่นนั้นเราทั้งหมดต้องตายอยู่บนเรือลำนี้แน่ ! พวกคุณคิดว่าอิซานามิจะไว้ชีวิตพระจากภูเขาโคยะอย่างนั้นหรือ ?!”

ทันทีที่เอ่ยจบ เขาก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รอฟังคำตอบ

ส่วนแหล่งพลังปราณที่ทรงพลังทั้งสองก็พลันปะทุออกมาและตามเขามาติด ๆ โดยไม่เอ่ยอะไรออกมาสักคำ

นี่คือสถานการณ์ฉุกเฉิน ต่อให้เป็นคนโง่ก็สามารถบอกได้ว่าพวกเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตขนาดใหญ่ที่สามารถกำหนดเส้นตายชีวิตของพวกเขาได้ อิซานามิและกองกำลังของนางกำลังรอพวกเขาอยู่ที่ช่องแคบสึชิมะ และตอนนี้ พวกเขาก็กำลังมุ่งหน้าไปยังทะเลแห่งความตายด้วยความเร็วสูงสุด !

กองกำลังกัปปะเองก็ดูเหมือนจะตระหนักได้แล้วว่าผู้คนบนเรือสามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกมันแล้ว เพราะตอนที่ฉินเย่และคนอื่น ๆ ไปถึงที่ชั้นดาดฟ้าของเรือ เขาก็สามารถบอกได้ทันทีว่ากัปปะพวกนั้นไม่คิดจะปกปิดตัวตนของพวกมันอีกต่อไป หากพูดกันตามความจริง กองกำลังกัปปะกว่าร้อยตัวที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยค่ายกลนั้นมีประสิทธิภาพมากจนสามารถสร้างคลื่นขนาดใหญ่ที่สูงมากกว่าสิบเมตรขณะที่พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุด

อันที่จริง พวกเขาเองก็เริ่มจะมองเห็นเกาะที่ลอยอยู่ตรงปลายเส้นขอบฟ้าได้ราง ๆ แล้วเช่นกัน และตอนนี้ เกาะตรงหน้าก็เต็มไปด้วยลูกไฟนรกสีเขียวที่ลอยไปมาอย่างน่ากลัวราวกับกำแพงมรณะไม่มีผิด !

นี่มันไม่ต่างอะไรกับนรกบนดินเลยสักนิด !!

และมันก็ไม่ได้มีเพียงลูกไฟนรกเท่านั้น

มันยังมีเรืออะตะเกะบุเนะ[1] อีกจำนวนมากทอดสมออยู่ด้านหน้าเกาะอย่างเป็นระเบียบ โดยเรือแต่ละลำถูกแขวนด้วยโคมไฟขนาดใหญ่ที่สว่างไสวด้วยไฟนรกสีเขียวหยก พวกมันตอนนี้ดูไม่ต่างอะไรกับเส้นทางสู่ความตายที่เตรียมต้อนรับพวกเขาเข้าสู่อ้อมกอดของยมโลกเลยสักนิด

ฟึ่บ… ไม่มีการปกปิดกระแสพลังหยินอีกต่อไป หากพูดกันตามความจริง สิ่งแรกที่ฉินเย่สัมผัสได้ก็คือปริมาณพลังหยินที่หนาแน่นจากจุดที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไป ทั่วทั้งผืนน้ำถูกปกคลุมไปด้วยหมอกพลังหยินที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มันดูเหมือนกับสิ่งที่คุณคิดว่าจะได้เห็นในยมโลกไม่มีผิด

ฉินเย่รีบวิ่งไปที่ด้านหน้าของเรือและมองไกลออกไป เขามองเห็นเรือลำใหญ่หลายลำ ว่างเปล่าและไร้ซึ่งผู้คน ทว่ากลับยังสามารถแล่นไปได้ราวกับกำลังลาดตระเวนอยู่ภายในหมอกนั้น กัปปะกว่าร้อยตัวยังคงสร้างคลื่นขนาดใหญ่เพื่อขับเคลื่อนเรือสำราญไปสู่ใจกลางของกลุ่มหมอกพลังหยินนั้นอย่างต่อเนื่อง และวินาทีนั้นเอง เรือรบอะตะเกะบุเนะตรงหน้าก็เริ่มขยับ

พวกมันกำลังมุ่งหน้าเข้ามาหาเรือของพวกเขาด้วยความเร็วเต็มที่ !

มันไม่ต่างอะไรกับเทศกาลโทโรนากาชิที่เปลี่ยนแหล่งแสงสว่างเป็นลูกไฟนรกสีเขียวหยกเลยสักนิด [2]

ทันใดนั้น ณ ใจกลางของกลุ่มหมอกกำ ธงขนาดใหญ่ถูกชูขึ้นราวกับธงแห่งสงคราม

มันแสดงให้เห็นสัญลักษณ์ดอกไม้สามดอกที่มารวมกันในลักษณ์ของกระดองเต่า [3]

“บัดซบ…” ฉินเย่สบถออกมาเสียงเบา หัวใจของเขากำลังมีเลือดไหลซึมออกมา

อะซะอิ นะงะมะซะ !

ชายผู้ซึ่งมีความเป็นไปได้น้อยที่สุดที่จะให้อภัยโอดะโนบูนางะสำหรับการกระทำที่ผ่านมาของเขา อันที่จริง ความเกลียดชังที่อีกฝ่ายมีต่อโนบูนางะนั้นมีมากจนแค่ความเกลียดชังเพียงอย่างเดียวก็สามารถเปลี่ยนให้เขาเป็นวิญญาณอาฆาตที่มีความแค้นสุมอยู่ภายในใจได้อย่างง่ายดาย และช่องแคบสึชิมะก็จะต้องถูกย้อมด้วยเลือดและความกระหายในการแก้แค้นอย่างไม่ต้องสงสัย !

[1] เรือรบของญี่ปุ่นในช่วยศตวรรษที่ 16 และ 17 ซึ่งถูกเสริมด้วยแผ่นเหล็ก ปืนใหญ่ และธนูไฟ

[2] เทศกาลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากซึ่งถูกจัดขึ้นในญี่ปุ่นเพื่อระลึกถึงผู้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว

[3] สัญลักษณ์ของตระกูลอะซะอิ