ตอนที่ 296

เสน่ห์คมดาบ

“บังเอิญ ช่างบังเอิญจริงๆ ฮ่าๆๆ…”

“บังเอิญสุดๆ !”

ทั้งสองหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและมองไปที่ดวงตาของชีอ้าวชวางราวกับว่าพวกเขากำลังมองคนตายคนหนึ่ง ในสายตาของพวกเขา ชีอ้าวชวางถือเป็นคนตายไปแล้ว แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าชีอ้าวชวางจะมาถึงที่นี่ก่อนพวกเขา แถมยังมีท่าทีผ่อนคลายด้วย ทั้งสองคนคิดเพียงว่าชีอ้าวชวางเป็นนักเรียนใหม่ และตอนนี้พวกเขาก็เพียงต้องฆ่าทิ้งโดยไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่น ไม่ได้คิดสักนิดว่าพลังของชีอ้าวชวางจะสูงกว่าพวกเขา

ชีอ้าวชวางยิ้มและมองสองคนที่อยู่ตรงหน้า จิตสังหารของพวกเขาสะท้อนออกมาผ่านแววตาอย่างปิดบังไม่มิด ชัดเจนมากเหลือเกิน

“เจ้าอยากตายอย่างไรดีล่ะ?” เดเซสแสยะยิ้มและค่อยๆ เดินเข้าไปหาชีอ้าวชวาง “อยากถูกกรวยน้ำแข็งตัดเป็นชิ้นๆ หรือถูกเปลวไฟเผาดีล่ะ?”

“วันนี้ช่างโชคดีจริงๆ สวรรค์ให้ทางดีๆ เจ้ากลับไม่ไป กลับจะไปประตูนรก เรากำลังคิดอยู่เลยว่าจะคุยกับเจ้าเมื่อไหร่” เบฮาลหัวเราะ

เมื่อมองคนทั้งสองที่มีจิตสังหารรุนแรงอย่างเห็นได้ชัดนั้น ชีอ้าวชวางก็ถอนหายใจอย่างจนใจ “วันนี้หากข้าไม่ฆ่าพวกเจ้า พวกเจ้าก็จะฆ่าข้าสินะ?”

ทั้งสองตกตะลึงไปชั่วครู่และก็หัวเราะอย่างหนักราวกับว่าพวกเขาได้ยินเรื่องตลกที่สุดในโลก ไอ้คนผมแดงนี่กำลังจะฆ่าพวกเขา? ฆ่าพวกเขาหรือ? ฮ่าๆๆๆ! ล้อเล่นอะไรกัน?!

ชีอ้าวชวางเพียงแค่ยิ้มจางๆ แล้วก็ขยับตัว

เดเซสและเบฮาลตะลึง เพราะจู่ๆ ร่างของชีอ้าวชวางก็หายไปต่อหน้าพวกเขา พอทั้งสองคนรู้สึกตัวอีกครั้ง ชีอ้าวชวางก็โจมตีพวกเขาแล้ว

เกิดเสียงดังโครมคราม

เดเซสลอยขึ้นไปในอากาศแล้วกระเด็นกลับไปตกที่พื้นที่ที่ราวกับนรกนั้น

ซู่ๆๆ…

อ๊าก

เสียงกรีดร้องของเดเซสดังขึ้นและเงียบไปทันที

กรวยน้ำแข็งทิ่มแทงเข้าไปในร่างกายของเดเซสแล้วทะลุลงบนพื้นดินที่ร้อนระอุอย่างรุนแรง เปลวไฟที่ลุกโชนขึ้นจากพื้นก็ทำให้เขาถูกเผาไหม้ในทันที

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในพริบตา เบฮาลไม่ทันเห็นการเคลื่อนไหวของชีอ้าวชวางชัดเจนนัก เดเซสตายจากการถูกกรวยน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนทิ่มแทงเข้าไปในร่างของเขากลางอากาศ ร่างก็ถูกตัดเป็นชิ้นๆ เลือดกระเซ็นไปทั่วท้องฟ้า จากนั้นก็ตกลงสู่พื้นและถูกย่าง วิธีการตายนี้เป็นสิ่งที่เขาได้จัดเตรียมไว้สำหรับชีอ้าวชวางก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้มันกลับเป็นร่างกายเขาเองที่ประสบ

เบฮาลมองภาพนี้อย่างตะลึงจนลืมความกลัว ทำได้แค่มองไปที่ภาพตรงหน้าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ คนที่เคยพูดคุยกับเขาเรื่องเบธฟินนีย์ ตอนนี้ไม่มีแม้แต่ศพแล้ว!

“แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าอยากตายอย่างไร?” ชีอ้าวชวางยิ้มสวยงาม แต่ในสายตาของเบฮาลมันน่ากลัวราวกับยมทูต

เบฮาลกลับมามีสติอีกครั้ง เขาอยากจะหนีไป แต่ขาของเขายังคงสั่นราวกับว่ามันหยั่งรากที่พื้นไปแล้ว เขายับตัวไม่ได้เลย

“ข้า ข้า…อย่าฆ่าข้านะ ข้ารับปากกับเจ้าได้ทุกอย่าง” น้ำเสียงของเบฮาลสั่นสะท้าน สายตาของเขาปกปิดความหวาดกลัวไว้ไม่มิด จากนั้นเขาก็พิจารณาปัญหาที่เขาคิดไม่ถึง เมื่อครู่นี้ผู้ชายผมแดงคนนี้มาถึงที่นี่ก่อนหน้าพวกเขาอีก! แถมเขายังดูผ่อนคลายมากด้วย เขาน่าจะอยู่ที่นี่มานานแล้ว และเขาก็ฟื้นฟูพลังดีแล้ว ทำไมพวกเขาไม่คิดนะว่าชายหนุ่มคนนี้มาอยู่ตรงหน้าพวกเขาได้ต้องมีความแข็งแกร่งไม่ธรรมดาแน่ๆ!

“หืม? รับปากทุกอย่างหรือ?” ชีอ้าวชวางยิ้มอย่างสบายๆ และมองเบฮาลอย่างเฉื่อยชา

เสื้อของเบฮาลเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นและความกลัวในหัวใจของเขาเกือบจะทำให้เขาแทบทรุด เขาตำหนิตัวเองที่กลัวแบบนี้ไม่ได้ เพราะการตายของเดเซสนั้นน่ากลัวมากจริงๆ มันคือเรื่องนองเลือด แม้ว่าพวกเขาจะเคยฆ่าคนด้วยมือ แต่ก็ไม่เคยเห็นเทคนิคที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อน รวดเร็วเหี้ยมโหดและแม่นยำ ทั้งหมดจบลงโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้หายใจ

“ข้า เมื่อกี้ข้ามันแย่ ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะนะ ข้าสัญญา ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่เอาเรื่องที่ข้าเห็นในวันนี้ไปพูดต่อ” เบฮาลลังเลเล็กน้อยแล้วขอความเมตตาด้วยความตื่นตระหนก จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงและร้องไห้อย่างขมขื่นพร้อมกับร้องขอความเมตตา ท่าทีหยิ่งผยองก่อนหน้านี้หายไปไหนแล้วนะ?

“เจ้าบอกมาสิ หากเจ้าสลับตำแหน่งกับข้า เจ้าจะปล่อยข้าไปหรือไม่?” ชีอ้าวชวางยังคงยิ้มอย่างเฉื่อยชาและขมวดคิ้ว “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าแล้ว เจ้าลืมหรือว่าก่อนที่ข้าจะลงมือพูดอะไร?”

เบฮาลตกใจและทันใดนั้นก็จำได้ว่าชีอ้าวชวางพูดอะไรก่อนหน้านี้

วันนี้หากข้าไม่ฆ่าพวกเจ้า พวกเจ้าก็จะฆ่าข้าสินะ?

หน้าผากของเบฮาลมีเหงื่อเย็นเฉียบผุดท่วม

ตอนนั้นพวกเขาจะคิดได้อย่างไรว่าประโยคนี้จะเป็นจริง พวกเขาคิดเพียงว่าชีอ้าวชวางกำลังจะบ้าคลั่ง พวกเขาคิดจะได้อย่างไรว่าชีอ้าวชวางจะฆ่าพวกเขาได้จริงๆ! เวลานี้เบฮาลเสียใจแต่ย้อนเวลากลับไปได้หรือไม่? แน่นอนว่าไม่ได้!

“ข้า ข้าตาไม่มีแววเอง เจ้าปล่อยข้าไปได้หรือไม่” เบฮาลเริ่มกลัวมากขึ้น เขาขอความเมตตาจนตัวสั่นไปหมด

“ข้าบอกแล้ว หากเปลี่ยนตำแหน่งกัน เจ้าจะปล่อยข้าไปหรือไม่?” ชีอ้าวชวางยิ้มอย่างประชดประชัน

สีหน้าของเบฮาลซีดไร้สีเลือด

ชีอ้าวชวางถอนหายใจ คนมักจะเป็นเช่นนี้เสมอ ตัวเองทำไม่ได้แต่ร้องขอให้คนอื่นทำ

“เจ้าปีศาจ ข้าจะสู้กับเจ้า!” ในที่สุดเบฮาลก็เข้าใจว่าไม่ว่าเขาจะร้องขอความเมตตาอย่างไรเขาก็ไม่มีวันรอดพ้นจากหายนะนี้ เขาต้องต่อสู้ครั้งสุดท้าย

แต่ชั่วพริบตาถัดมา ชีอ้าวชวางก็ปรากฏตัวต่อหน้าต่อตาของเบฮาล นางเหยียดนิ้วออกและสะบัดที่หน้าผากของเบฮาลเบาๆ ในสายตาที่ตกตะลึงและหวาดกลัวของเบฮาล เขาเห็นเพียงกรวยน้ำแข็งบนท้องฟ้าเต็มไปหมด และจากนั้นดวงตาเขาก็มืดมิดลงไม่เห็นอะไรอีกต่อไป

ชีอ้าวชวางชำเลืองมองร่างที่ถูกเผาไหม้ในพื้นที่น่ากลัวนั้นอย่างดูถูก ชายทั้งสองมาถึงระดับนี้ได้ด้วยสมบัติบนร่างกายของพวกเขา แต่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของพวกเขานั้นยังห่างไกล การทดสอบของสถาบันดวงดาวไม่ได้จำกัดสิ่งเหล่านี้ ในสายตาของผู้อาวุโสในสถาบัน สมบัติที่นักเรียนนำมานั้น หากรู้วิธีใช้สมบัติก็เป็นจุดแข็งเช่นกัน แม้กระทั่งโชคก็ถือว่าเป็นความแข็งแกร่ง

ร่างของเบฮาลและเดเซสค่อยๆ ระเหิดหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงวัตถุมันวาวสองชิ้นบนพื้นร้อนๆ นั้น หัวใจของชีอ้าวชวางสั่นไหว นั่นเป็นสมบัติที่ทั้งสองคนพึ่งพามันใช่หรือไม่?

ชีอ้าวชวางหยิบสองสิ่งนั้นขึ้นมา อันหนึ่งเป็นมุกกลมและเย็น ส่วนอีกอันคือจี้หยกที่มีความแวววาวสวยงาม เสื้อผ้าและร่างกายของชายทั้งสองระเหิดไปหมดแล้ว เหลือเพียงสมบัติทั้งสองนี้และแหวนมิติสองวง ชีอ้าวชวางเก็บแหวนมิติไป แม้ว่าพื้นที่แหวนจะไม่ได้มาก แต่ก็ใช้เก็บของได้ และยังดูได้ด้วยว่ามีอะไรที่มีค่าอยู่หรือไม่

หลังจากโยนสิ่งเหล่านี้เข้าไปในแหวนมิติชั่วคราว ชีอ้าวชวางก็ยังคงเดินไปข้างหน้าต่อ

ชั้นแปดจะเป็นอย่างไรกันนะ? มันจะเป็นหนองน้ำจริงอย่างที่พาริน่าบอกหรือไม่?

สิ่งที่พาริน่าพูดก่อนหน้านี้ถูกต้อง นั่นคือชั้นแปดมีหนองน้ำ แต่มันไม่ได้มีแค่หนองน้ำ เป็นอย่างที่พาริน่าบอกว่าจะต้องเหยียบหินข้ามไปจึงจะผ่าน แต่ทุกเส้นทางไม่เหมือนกัน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือต้องหาเส้นทางที่ถูกต้องให้พบถึงจะข้ามหนองน้ำไปได้ แต่หากเริ่มครั้งต่อไปก็จะไม่ใช่เส้นทางเดิมแล้ว ทุกครั้งที่ผ่านจะต้องพยายามอย่างหนัก แถมยังมีอุปสรรคที่พาริน่าไม่ได้บอกเพราะไม่รู้ซุกซ่อนอยู่

สิ่งปฏิกูลในบึงสีดำยังคงไหลออกมาและเป็นฟองแตกออกและกระเซ็นไปทั่ว ชีอ้าวชวางยืนอยู่บนฝั่ง หยิบท่อนไม้ขึ้นมาและโยนลงไปในสิ่งปฏิกูลนั้น แต่ทันทีที่มันสัมผัสสิ่งปฏิกูลนั้น ไม้ก็กลายเป็นความว่างเปล่าในทันที

ไม่จริงน่า? ขนาดนี้เชียวหรือ? ชีอ้าวชวางคิดอยู่ครู่หนึ่งเพื่อหาขาหมูสดในแหวนมิติ นางจิ้มมันลงไปในสิ่งปฏิกูลนั้น และเสียงของความร้อนก็ดังขึ้น จากนั้นเนื้อหมูและกระดูกก็สึกกร่อนไปทันที สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือขาหมูที่อยู่บนมือแม้ไม่ได้สัมผัสกับสิ่งปฏิกูลนั้น แต่มันก็สึกกร่อนอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน

ชีอ้าวชวางตกใจกลัวและโยนขาหมูในมือไปที่ก้อนหินที่ใกล้ที่สุดทันที แต่หินก็จมลงทันที จากนั้นเสียงดังฉ่าที่น่ากลัวก็ดังขึ้นอีกครั้ง ขาหมูและก้อนหินก็จมลงและสึกกร่อนไปหมด หลงเหลือเพียงฟองอากาศสีดำขนาดเล็กเท่านั้น

ชีอ้าวชวางกระตุกมุมปาก ถ้าตกลงไปไม่มีทางรอดแน่นอน

กูๆ…กูๆ…

ทันใดนั้นเสียงแปลกๆ ก็ดังขึ้น ชีอ้าวชวางเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ เพราะนางเห็นสิ่งมีชีวิตในหนองน้ำขนาดใหญ่แห่งนี้!

หนองน้ำแห่งนี้ไม่มีที่สิ้นสุดและทอดยาวไปไกลมาก โขดหินเบาบางลอยอยู่บนสิ่งปฏิกูลและขยับเคลื่อนไหว ทำให้ยากที่จะแยกแยะว่าอันไหนจริงและอันไหนหลอก มันมีแสงสีดำลอยอยู่ในอากาศ และเมื่อมองแวบแรกก็รู้ว่าคงไม่ดีที่จะหายใจเข้าไปในร่างกาย ภายใต้สภาวะที่เลวร้ายเช่นนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตอยู่ในสิ่งปฏิกูลที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงขนากนี้ ชีอ้าวชวางจะไม่แปลกใจได้อย่างไร

สัตว์ตัวใหญ่โตนี้ตัวนี้มีหัวโตและดวงตาขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลือง ปากกำลังอ้าหาว มันดูแปลกประหลาด

สิ่งมีชีวิตนั้นกระโดดออกมาจากสิ่งปฏิกูลเหมือนปลาที่กระโดดขึ้นจากน้ำ ทำเอาสิ่งปฏิกูลสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนกระเด็นไปที่โขดหินโดยรอบ ทำให้เกิดเสียงที่มีฤทธิ์กัดกร่อนอย่างน่ากลัวขึ้น

ช่วงเวลาที่สัตว์ตัวนั้นกระโดดออกมา ชีอ้าวชวางก็มองเห็นว่ามันมีลักษณะอย่างไร หัวมีขนาดเท่าลูกบาสสองลูก แต่ตัวเล็กจนน่าสงสาร มันกระโดดพลางกรีดร้องเสียงแปลกแปร่ง

ชีอ้าวชวางมองไปที่สัตว์ที่ค่อยๆ กระโจนเข้าหา นางคิดสักพักก็หยิบขาหมูออกมาและโยนไปที่สัตว์ตัวนั้น