ตอนที่ 497 ยืนยัน ต่อให้ตายก็ไม่ยอมปล่อยมือ / ตอนที่ 498 ป้อนอาหาร คลุมเครือไม่ชัดเจน

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 497 ยืนยัน ต่อให้ตายก็ไม่ยอมปล่อยมือ

 

 

ความรักเท่ากับละครฉากหนึ่ง

 

 

แต่งงานเท่ากับตอบสนองความต้องการ

 

 

เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นคนน่าเชื่อถือหรือไม่ ทำไมถึงแต่งงานด้วยความรักไปได้

 

 

ยังดีที่เขากับหลินจยาอวี่แต่งงานกันแค่ในนาม

 

 

แต่พอคิดถึงตรงนี้…กลับรู้สึกเจ็บปวดยังไงก็ไม่รู้ราวกับถูกก้อนหินหนักทับหน้าอกจนหายใจไม่ออก

 

 

ความปรารถนาของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุด

 

 

เมื่อเข้าใจว่าสิ่งที่ตนเองต้องการคืออะไรก็ไม่มีทางพึงพอใจกับสภาพที่เป็นอยู่

 

 

แต่ไม่มีทางแน่ใจในตัวเองว่าจะเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่งได้หรือไม่ และยิ่งอยากให้ผู้หญิงคนนั้นสามารถรักเขาทั้งหมดหัวใจ แล้วจะแตกต่างอะไรกับพ่อของเขา ก็คงได้ยกให้หลินจยาอวี่กลายเป็นแม่ของเขาอย่างสมบูรณ์

 

 

จู่ๆ ก็หายใจไม่ออก

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินเหลือบมองฟังจือหันที่อยู่ข้างกันแล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง “เหล่าฟัง พวกเรารู้จักกันมานานเท่าไหร่แล้ว”

 

 

ฟังจือหันมองหน้าเขานิ่ง “…”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินจึงถามต่อ “เจ็ดแปดปีแล้วมั้ง นายคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรามันดีไหม”

 

 

ฟังจือหัน “…”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินถอนหายใจเฮือก “นายกำลังทำให้เดือดร้อนใหญ่ บางครั้งฉันก็ไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณนายดี หรือควรจะต่อยสักหมัด รู้สึกทั้งโชคดีแล้วก็รู้สึกโชคร้าย ตอนที่หามเธอส่งโรงพยาบาลเมื่อกี้ฉันกำลังคิดว่าหากลูกเป็นอะไรไปคนแรกที่ฉันต้องคิดบัญชีคือนายแน่ๆ”

 

 

ฟังจือหัน “…” แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขา

 

 

คงจะคาดเดาความคิดของฟังจือหันได้ ลู่เสวี่ยเฉินจึงหัวเราเยาะตัวเอง “หายโกรธแล้ว”

 

 

ฟังจือหันพูดเสียงเยือกเย็น “พูดให้เป็นภาษาคนหน่อย”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินลดสายตาล้อเลียนแล้วเปลี่ยนเป็นจริงจัง จู่ๆ ก็ถามคำถามแปลกๆ ขึ้นมา “เสี่ยวอวี๋กานก็คือคนที่นายตามหามาหลายปีคนนั้นใช่ไหม”

 

 

สีหน้าของฟังจือหันเปลี่ยนไปเล็กน้อยจนแทบไม่ทันสังเกต

 

 

คนอื่นไม่รู้แต่ลู่เสวี่ยเฉินเดาถูกแล้ว

 

 

เขายิ้มขำ “จู่ๆ นายอยากไปไป๋หยางเพราะผู้หญิงที่ไม่เคยเห็นหน้าเพียงคนเดียว ตอนนั้นฉันเดาได้บ้าง แต่นายไม่อยากพูดไม่อยากให้คนอื่นรู้ฉันก็เลยต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ไปด้วย แต่ถึงยังไงฉันก็สงสัยในใจอยู่ดีว่าหลายปีขนาดนั้นทำไมตามหาเธอเจอแล้วถึงได้คบกับเธอเลยล่ะ พวกนายไม่เคยเจอกันตั้งหลายปีหรือนายไม่กังวลเหรอว่าเธอจะไม่ใช่คนที่อยู่ในความทรงของนาย แล้วฉันยิ่งสงสัยนายคบกับเธอ สรุปเป็นเพราะความทรงจำสวยงามในอดีตไม่ว่าเธอจะเป็นอย่างไรก็ยังคบหรือเพราะชอบเธอในตอนนี้กันล่ะ”

 

 

ฟังจือหันนิ่งเงียบไม่ตอบลู่เสวี่ยเฉิน

 

 

“นี่คือความรักของนายเหรอ” ลู่เสวี่ยเฉินเอ่ยถามด้วยความสับสน “พูดตามตรงฉันคิดว่านายไม่เหมาะกับสิ่งนี้มาโดยตลอด”

 

 

ฟังจือหันลุกขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ฉันไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับของพวกนี้”

 

 

“เสี่ยวอวี๋กานรู้หรือเปล่า”

 

 

“เธอต้องรู้ว่าบนโลกใบนี้มีแค่ฉันที่ยืนยันกับเธอได้ว่าไม่มีทางปล่อยมือจนวันตาย”

 

 

ไม่มีทางปล่อยมือจนวันตาย? ประโยคนี้ทำให้ลู่เสวี่ยเฉินมีสีหน้าว่างเปล่า เขาเงยหน้ามองฟังจือหันครู่หนึ่งจู่ๆ เหมือนจะเข้าใจแล้วแต่ก็ยังมีบ้างที่ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่

 

 

ประตูห้องผู้ป่วยถูกเปิดดึงออก อวี๋กานกานออกมาแล้ว

 

 

เธอมองแล้วพูดกับลู่เสวี่ยเฉิน “ลู่เสวี่ยเฉินทีหลังก็ระวังหน่อย ให้กินจุเหมือนคนปกติไม่ได้ อย่าว่าแต่เธอเป็นคนท้องเลยต่อให้พวกนายแต่งงานกันแค่ในนาม นายก็ควรดูแลให้ดีหน่อย”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินถูกอวี๋กานกานอบรมไม่มีเถียงสักคำ

 

 

ตอนแรกอวี๋กานกานกะว่าจะพูดสักสองประโยคแต่เมื่อเห็นลู่เสวี่ยเฉินสวมชุดนอนใส่รองเท้าแตะก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ “ต่อไปหากมีเรื่องให้โทรหาฉันก่อน หามส่งโรงพยาบาลกลางดึกแบบนี้มันไม่ดีต่อคนท้อง”

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 498 ป้อนอาหาร คลุมเครือไม่ชัดเจน

 

 

ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่ของลู่เสวี่ยเฉินทราบข่าวหลินจยาอวี่เข้าโรงพยาบาลมาจากไหน

 

 

ใจเธอร้อนดั่งไฟสุมอกรีบมาหาที่โรงพยาบาล เมื่อเห็นว่าลูกในท้องของหลินจยาอวี่ไม่เป็นอะไรแล้วจึงรีบยกมือขึ้นสวดมนต์ท่องอามิตตาพุทธให้พระคุ้มครองไม่หยุด

 

 

“แม่คะ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง”

 

 

หลินจยาอวี่กล่าวขอโทษ

 

 

คุณผู้หญิงเฉินกอบกุมมือของหลินจยาอวี่เอาไว้ “แม่ว่าลูกกับเสวี่ยเฉินย้ายมาอยู่ที่บ้านเถอะ จะได้มีคนดูแลลูก ไม่งั้นลูกว่าถ้าช่วงกลางวันเสวี่ยเฉินไปทำงานแล้วอยู่บ้านคนเดียวจะให้แม่สบายใจได้ยังไง”

 

 

หลินจยาอวี่เอาแต่นิ่งเงียบแน่นอนว่าเธอไม่อยากไปอยู่บ้านตระกูลลู่ บ้านนั้นคนเยอะเรื่องก็เยอะตาม

 

 

แม่ของลู่เสวี่ยเฉินย้ำหนักแน่น “แม่รู้ว่าพวกลูกมีโลกส่วนตัวสูง แต่ตอนนี้สถานการณ์พิเศษไม่ใช่เหรอ รอคลอดลูกแล้วพวกเธออยากออกไปอยู่ข้างนอกพ่อแม่ก็จะไม่ห้ามสักคำ”

 

 

“แม่สบายใจได้ ผมจะดูแลจยาอวี่เป็นอย่างดีไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก” ลู่เสวี่ยเฉินเองก็ไม่อยากกลับไปอยู่ที่บ้าน “ถ้าแม่อยากเห็นหน้าหลานก็ไปนอนค้างที่นั่นกี่วันก็ได้”

 

 

แม่ของลู่เสวี่ยเฉินรู้ดีว่าเขาไม่อยากเจอหน้าพ่อ

 

 

เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น “เอาแบบนี้ แม่จะให้แม่หวงไปดูแลหลินจยาอวี่”

 

 

แม่หวงเป็นคนเฒ่าคนแก่ของตระกูลลู่ เธอเองก็เลี้ยงลู่เสวี่ยเฉินมาจนโต

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินขยับปากยังอยากบอกปัดแต่คราวนี้แม่ของเขาคงไม่ยอมถอยแน่ๆ “ไม่อยากให้แม่หวงไปดูแลพวกเธอ ถ้าอย่างนั้นพวกเธอก็กลับไปอยู่บ้านจนกว่าจะคลอดลูก”

 

 

ถ้าให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งพวกเขาคงเลือกอย่างแรกแน่นอน

 

 

หลินจยาอวี่รอดูอาการที่โรงพยาบาลหนึ่งคืนแล้วไม่มีปัญหาอะไรตอนบ่ายจึงออกโรงพยาบาลได้ ระหว่างทางกลับลู่เสวี่ยเฉินขับขี่อย่างระมัดระวังเป็นพิเศษทำเหมือนกับว่าหลินจยาอวี่สมบัติล้ำค่าหายากที่ตั้งโชว์ในตู้

 

 

กลัวว่าหากประมาทเพียงนิดเดียวอาจตกแตกได้

 

 

แม่หวงเองก็กลับมาพร้อมกันกับพวกเขา

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินพาหลินจยาอวี่เข้าไปพักในห้องนอน ก่อนที่แม่หวงจะขึ้นไปทำความสะอาดข้างบนเขาได้เอาเสื้อผ้าของตัวเองมาไว้ห้องนอนใหญ่ที่หลินจยาอวี่อยู่แล้ว

 

 

แน่นอนว่าเมื่อมีแม่หวงเข้ามาอยู่ด้วยพวกเขาแยกห้องนอนกันไม่ได้อีก

 

 

นอกจากนี้หมอยังย้ำหลายครั้งอีกว่าให้เราสองคนระมัดระวังอาหารการกินต้องอยู่ในขอบเขตอีกทั้งยังต้องเสริมแคลเซียมกับธาตุเหล็กด้วย

 

 

ช่วงเวลานอนตอนกลางคืนต้องระวังเป็นพิเศษเพราะคุณแม่ตั้งครรภ์อาจเกิดอาการตะคริวกินขาได้ ในฐานะสามีต้องดูแลเอาใจใส่ในช่วงนี้เป็นอย่างมาก

 

 

ฉะนั้นแม้แม่หวงจะไม่มาอยู่ด้วยลู่เสวี่ยเฉินก็ไม่มีทางปล่อยหลินจยาอวี่อยู่ห้องลำพังอีกเด็ดขาด

 

 

ประตูห้องถูกคนเคาะเป็นแม่หวงที่ถือถาดใส่โจ๊กรังนกร้อนๆ เข้ามานั่งเอง

 

 

“คุณชายน้อยค่ะ คุณผู้หญิงน้อยไม่ค่อนทานอาหารเย็น แม่เลยทำโจ๊กรังนกมาบำรุงให้คุณผู้หญิงน้อยค่ะ”

 

 

“ขอบคุณครับแม่หวง”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินรับถาดนำเข้าไปในห้องวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงแล้วหยิบชามโจ๊กขึ้นมา

 

 

หลินจยาอวี่รีบยกมือขึ้นเพื่อจะรับชามต่อจากมือลู่เสวี่ยเฉินแต่กลับถูกลู่เสวี่ยเฉินเบี่ยงหลบ “คุณนั่งเถอะ”

 

 

หลินจยาอวี่นั่งพิงหัวเตียงมองเขาอย่างไม่เข้าใจ เพียงแต่เห็นว่าลู่เสวี่ยเฉินหยิบช้อนคนรังนกไปมาเบาๆ จากนั้นจึงตักขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปากของเธอ “มา อ้าปาก”

 

 

หลินจยาอวี่มองเขาด้วยความตกใจรู้สึกสับสนในใจเป็นอย่างมาก

 

 

แต่ทว่าดวงตาเรียวดุจหงส์มีเสน่ห์เย้ายวนของเขาตอนนี้ดวงตาใสดำขลับราวกับท้องฟ้าครามที่เพิ่งชำระล้างสะอาดใสแวววับมองเธอแวบหนึ่งด้วยความบริสุทธิ์และจริงใจ

 

 

“ทำไมไม่กินล่ะ ร้อนเหรอ”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วยกช้อนขึ้นมาเป่าที่ริมฝีปากเบาๆ