บทที่ 23 บุ่มบ่ามบุกมาข่มขู่ถึงบ้าน (5) โดย Ink Stone_Romance
เพราะว่าหลัวฮองเฮาไม่ถูกกับคนแซ่ฟาง และถึงแม้ในราชสำนักฉู่อี้อันกับหลัวเหว่ยจะไม่มีอะไรผิดใจกัน แต่สมาชิกฝ่ายหญิงของทั้งสองตระกูลกลับไม่คบหากัน
ท่านหญิงสวินหยางมาเยือนถึงจวนอย่างกะทันหัน คนรับใช้ทั้งจวนตระกูลหลัวจึงต่างประหลาดใจกันไม่น้อย แต่ก็ยังคอยปรนนิบัติรับใช้อย่างพิถีพิถัน
ฮูหยินรองหลัวรู้สึกเหมือนตนเองกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมาได้แล้ว รอยยิ้มบนหน้าจึงเยือกเย็นมากขึ้น แต่เพิ่งจะเข้าไปในเรือนที่สองก็เจอสาวใช้วิ่งมาหาอย่างตื่นตระหนก
“ฮูหยินรอง ทำไมท่านถึง…” สาวใช้พูดไปได้เพียงครึ่งเดียวก็สังเกตเห็นฉู่สวินหยางยืนอยู่ข้างๆ จึงหยุดพูดไปทันที
ฮูหยินรองหลัวสีหน้าแปลกไปและตำหนิเสียงเย็นชาว่า “ตะโกนโหวกเหวกทำไม? ไร้มารยาทอย่างนี้ หากล่วงเกินท่านหญิงเข้าเจ้าได้แย่แน่!”
“เจ้าค่ะ ข้าผิดไปแล้ว!” สาวใช้รีบก้มหน้ากล่าวขอโทษ แต่นางกลับไม่รู้จักฉู่สวินหยาง
ฮูหยินรองหลัวเปลี่ยนเป็นสีหน้าเปื้อนยิ้มแล้วมองฉู่สวินหยางอีกครั้ง พูดว่า “ท่านหญิง ข้าต้องกลับไปจัดการธุระที่เรือนสักหน่อย คงไม่ได้ไปหาอวี่ก่วนเป็นเพื่อนท่านแล้ว แม่นมหง เจ้านำทางท่านหญิงไปเถอะ!”
“ฮูหยินรองตามสบายเถอะ!” ฉู่สวินหยางพยักหน้าแล้วยิ้มเล็กน้อย
“เชิญเจ้าค่ะ ท่านหญิง!” แม่นมหงก้าวเข้ามาหาอย่างนอบน้อมและนำฉู่สวินหยางเดินต่อไปในเรือนที่สาม
สาวใช้ตรงนั้นยังยื่นศีรษะมองตามหลังฉู่สวินหยางไปอย่างอยากรู้อยากเห็น แล้วพึมพำว่า “ฮูหยินรอง คุณหนูบ้านไหนหรือเจ้าคะ? ข้าเหมือนไม่เคยเจอมาก่อนเลยเจ้าค่ะ”
“จะถามมากขนาดนั้นไปทำไม?” ฮูหยินรองหลัวเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ และจ้องนางอย่างเย็นชา “ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่าถ้าไม่มีธุระไม่ต้องมาหา?”
“คือนายหญิงของพวกเรา นาง…” สาวใช้พูดจาอ้ำๆ อึ้งๆ
“เอาล่ะ เอาล่ะ ไปเถอะ!” ฮูหยินรองหลัวเอ่ยแทรกนางอย่างรำคาญ แล้วเดินไปอีกฝั่งหนึ่งของสวนดอกไม้
จวนของตระกูลหลัวมีอาณาบริเวณกว้างขวาง เรือนสี่ประสานที่เชื่อมต่อกันถึงห้าเรือน ทำให้พื้นที่ทั้งจวนแบ่งออกเป็นห้าส่วน ถือว่าเป็นจวนที่ใหญ่โตอันดับต้นๆ ในเมืองหลวงเลยก็ว่าได้
พอเดินผ่านห้องยามตรงเรือนที่สอง แม่นมหงก็ให้เตรียมเกี้ยวแทนการเดิน และคอยติดตามอยู่เป็นเพื่อนตลอดทางจนกระทั่งส่งฉู่สวินหยางถึงเรือนที่สี่ที่หลัวอวี่ก่วนพักอาศัยอยู่
“ที่นี่เป็นที่พักของคุณหนูหลัวอวี่ก่วนของพวกเราเจ้าค่ะ” แม่นมหงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พลางจะเดินนำฉู่สวินหยางเข้าไป
“ข้าเข้าไปเองก็ได้ แม่นมกลับไปคอยรับใช้ฮูหยินรองเถอะ” ฉู่สวินหยางยิ้มทีหนึ่ง พูดว่า “จำไว้ว่าอีกครึ่งชั่วยามให้คนมารับข้าก็พอ!”
แม้แม่นมหงยังไม่ค่อยวางใจนัก ทว่าแอบสังเกตนางแล้วไม่เห็นพิรุธอะไรแม้แต่น้อย จึงยอมพยักหน้ารับคำในที่สุด
ฉู่สวินหยางก้าวเข้าไปในเรือน
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายพอดี แต่ในเรือนนี้กลับเงียบสงบ เหมือนคนรับใช้ถูกไล่ออกไปหมด
ฉู่สวินหยางเดินตรงเข้าไปตลอดทางจนมาถึงทางเข้าโถงบุปผา[1] ก็ได้ยินเสียงข้างในเหมือนหลัวอวี่ก่วนเพิ่งตื่นจากนอนกลางวัน นางหาวอย่างขี้เกียจแล้วเรียกว่า “เซียงเฉ่า ตักน้ำมาให้ข้า!”
ฉู่สวินหยางยิ้มมุมปากแล้วก้าวเข้าไป
เพราะว่าอยู่ในเรือนของตนเอง หลัวอวี่ก่วนจึงนอนบนเตียงที่วางอยู่ตรงมุมหนึ่งในโถงบุปผา เวลานั้นนางนั่งอยู่อย่างงุนงงและงัวเงีย ได้ยินเสียงเปิดประตูจึงเงยหน้าขึ้น พอเห็นว่าจู่ๆ ฉู่สวินหยางกับบ่าวรับใช้ก็ปรากฏตัวอยู่ตรงประตู นางจึงเบิกตาโตทันที ตาสว่างในทันใด
“ทำไมเป็นเจ้า?”
“เหมือนข้าจะมาได้ถูกเวลาพอดี แม่นางหลัวอวี่ก่วนตื่นแล้วหรือ?” ฉู่สวินหยางเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ นางยกชายกระโปรงเดินเข้ามาอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วเลือกนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่แสงแดดส่องถึงใกล้ประตู
หลัวอวี่ก่วนหน้าดำคร่ำเครียดในชั่วพริบตา นางสวมรองเท้าแล้วลงมาจากเตียง พลางเอ่ยอย่างโมโหว่า “ที่ข้าถามเจ้าล่ะ ที่นี่บ้านข้า แล้วเจ้าเข้ามาได้อย่างไร?”
นางเอ่ยพลางถลาออกไปตะโกนเสียงดังข้างนอกว่า “เข้ามาหน่อย? เซียงเฉ่า? เจ้าไปตายอยู่ที่ไหน?”
“แม่เจ้าขอร้องให้ข้ามา เกรงว่าต่อให้เจ้าอยากส่งแขกก็คงทำไม่ได้” ฉู่สวินหยางเพียงแค่อมยิ้มมุมปากและมองนางอย่างเยือกเย็น แต่พูดไปได้เพียงครึ่งเดียวก็เปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นในทันใด และสีหน้านางก็ลุ่มลึกขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัวเช่นกันว่า “และเจ้าก็น่าจะรู้ว่าหากข้าไม่มีธุระข้าคงไม่มา แล้วถ้าเจ้าจะเรียกคนรับใช้เข้ามาอีกหลายคน ข้าก็ไม่ถือสา…หากเจ้าไม่กลัวคนนอกได้ยินเรื่องที่พวกเรากำลังจะคุยกันเช่นกัน”
ถึงแม้หลัวอวี่ก่วนจะมั่นใจว่านางจับผิดอะไรไม่ได้ แต่ได้ยินแล้วก็ยังรู้สึกลังเลไปชั่วครู่และเอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“ข้าคิดจะทำอะไร เจ้าต้องรู้ดีอยู่แก่ใจอยู่แล้ว” ฉู่สวินหยางแค่มองนางแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน “แม่นางหลัวอวี่ก่วน เจ้าทั้งได้อยู่ในที่อุ่น ฐานะร่ำรวย ใช้ชีวิตสุขสบาย และเป็นอิสระ แต่แม่นางฮั่วยังถูกขังอยู่ในคุกของศาลาว่าการพระนคร!”
หลัวอวี่ก่วนรู้สึกว้าวุ่นใจ นัยน์ตาของนางฉายแววกระวนกระวาย แต่ก็ฝืนทำตัวสงบนิ่งเยือกเย็นได้ในทันใด นางเชิดหน้าขึ้นว่า “แล้วเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย? ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร?”
“เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?” ฉู่สวินหยางย้อนถาม ขี้เกียจจะอธิบายให้นางฟังอีกเหมือนกัน จึงยกมือขึ้นมาทันที
ชิงเถิงส่งห่อยาที่ถืออยู่ในมือมาตลอดให้แก่ผู้เป็นนาย ฉู่สวินหยางพลิกไปพลิกมา แล้วก็สะบัดมือทิ้งห่อยาลงบนเตียงที่หลัวอวี่ก่วนนอนเมื่อครู่ พลางสั่งเสียงเฉียบขาดว่า “พูดตรงๆ แล้วกัน เรื่องของหลัวส่วงให้จบกันแค่นี้ แล้วเจ้าไปจัดการให้เรื่องนี้สงบซะ!”
หลัวอวี่ก่วนเบิกตากว้างมองนางอย่างไม่อยากเชื่อ อึกอักอยู่นานด้วยไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร
“แล้วเจ้าก็ไม่ต้องคิดหาเหตุผลให้เหนื่อยเปล่า เพราะข้าก็ไม่ได้อยากรู้ว่าพวกเจ้าวางแผนอะไรบ้าง ข้าแค่ต้องการให้เรื่องนี้จบเพียงเท่านี้!” ฉู่สวินหยางเอ่ย พลางเลิกหางคิ้วสูงชำเลืองมองห่อยาที่ทิ้งอยู่บนเตียง “เจ้าแค่เอาห่อนี้ไปซ่อนในห้องที่หลัวส่วงเคยอยู่ก็พอ เรื่องอื่นเจ้าไม่ต้องยุ่ง ง่ายมากใช่หรือไม่?”
นางพูดทิ้งท้ายแค่สองประโยคก็ปัดกระโปรงแล้วลุกขึ้นจะไปเหมือนไม่อยากอยู่ต่อแล้ว
หลัวอวี่ก่วนยังงงไม่หาย อย่างไรนางก็ไม่เชื่อว่าฉู่สวินหยางจะรู้ว่าพวกนางวางแผนนี้อย่างไร แต่เจ้าเด็กบ้านี่กลับบุ่มบ่ามบุกมาข่มขู่นางถึงบ้านงั้นหรือ?
น่าประหลาดเสียจริง!
“ฮั่วชิงเอ๋อร์ฆ่าพี่ห้าของข้า เวลานี้คนที่อยากให้นางชดใช้ด้วยชีวิตคือท่านลุงของข้า เกรงว่าท่านหญิงสวินหยางมาหาผิดคนแล้ว แล้วเจ้าเอาอะไรมาคิดว่าคนเช่นข้าจะต้องเชื่อฟังคำสั่งเจ้า ช่วยให้นางผู้หญิงสารเลวนั่นพ้นผิดด้วย?” หลัวอวี่ก่วนเอ่ยอย่างโมโหเดือดดาล
“เจ้าจะปฏิเสธข้าก็ได้ แต่หากข้าให้คนอื่นมาคุยกับเจ้า อย่างไรเจ้าก็ต้องตอบตกลงอยู่ดี ดังนั้นจำเป็นต้องทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้นด้วยหรือ?” ฉู่สวินหยางเบ้ปากและมองนางอย่างมีเลศนัย
รอยยิ้มนั้นงดงามจับตา ทว่าหลัวอวี่ก่วนเห็นแล้วกลับรู้สึกหนาวสะท้านอย่างบอกไม่ถูกจนต้องระวังตัวเต็มที่
“เจ้าก็น่าจะรู้เช่นกันว่าข้าสนิทกับซื่อจื่อจวนอ๋องฉางซุ่น ต้อง…ให้ข้าเชิญเขามาคุยกับเจ้าหรือ?” ฉู่สวินหยางเอ่ยช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำ
หลัวอวี่ก่วนเซไปในทันใด นางหน้าซีดเผือดและถอยหลังไปก้าวหนึ่งทันที
————————————
[1] โถงบุปผา คือ ห้องรับแขกนอกเหนือจากห้องโถงใหญ่ มักตั้งอยู่ในสองเรือนที่ขนาบข้างเรือนหลักหรือกลางสวนดอกไม้