ภาคที่ 2 บทที่ 272 ญาติ

มู่หนานจือ

เด็กสองคนที่มากลิ้งบนเตียงนั้นคนหนึ่งอายุสองขวบ อีกคนอายุสามขวบ และต่างสวมกางเกงเปิดเป้า มองออกว่า หลี่ฉางชิงจงใจอยากให้เด็กสองคนนี้ฉี่รดที่นอนบนเตียงใหม่

เสียดายที่เด็กสองคนเฉลียวฉลาดและเชื่อฟังมาก พวกเขาขึ้นเตียงใหม่และกลิ้งสองทีก็เริ่มเก็บพุทราแดงกับลำไยที่อยู่บนเตียงใหม่กินแล้ว

ถึงแม้เจียงเซี่ยนจะไม่เคยดูแลเด็ก แต่เคยมีคดีหนึ่งที่ฟ้องมาถึงตรงหน้านางตลอด ก็คือเพราะยายป้อนบัวลอยให้หลานกินและติดคอตาย บิดาของเด็กจึงต้องการหย่ากับภรรยา

นางรีบคว้ามือน้อยๆ ของเด็กเอาไว้ และเอ่ยกับหลี่เชียนว่า “เร็ว อย่าให้พวกเขากินพุทราแดงกับลำไยเข้าไป จะติดคอได้”

หลี่เชียนช่วยจับมือของเด็กทั้งสองทันที

เด็กทั้งสองยังคิดว่าผู้ใหญ่กำลังเล่นกับพวกเขา จึงหัวเราะอย่างมีความสุขและคลานมั่วซั่วไปทั่วเตียง

ทั้งสองคนไปอุ้มเด็กอย่างลุกลี้ลุกลน

ท่าทางที่ลำบากนั้น ทำให้พวกฮูหยินหลี่หัวเราะออกมา

แม่นมของเด็กสองคนรีบเข้าไปรับเด็ก นางย่อตัวคารวะ และเอ่ยคำพูดที่เป็นสิริมงคลมากมาย ถึงจะพาเด็กออกไป

หลี่เชียนเห็นเสื้อผ้าของเจียงเซี่ยนยุ่งเหยิงเล็กน้อย จึงส่งสัญญาณให้ชีกูช่วยจัดเสื้อกับกระโปรงให้นาง ส่วนตนเองกระซิบกับเจียงเซี่ยนสองสามคำ ก็ลุกขึ้นไปดื่มเหล้าที่เรือนด้านนอกแล้ว

เจียงเซี่ยนโล่งอก

และยังคงรอหลี่เชียนกลับมาอย่างจริงจังเช่นเดิม

เสียงหัวเราะอย่างแผ่วเบาของสรีดังมาทางลูกกรงหน้าต่าง

ทุกคนต่างประหลาดใจมาก

ฮูหยินหลี่เอ่ยว่า “ข้าจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น?”

เจียงเซี่ยนพยักหน้า แต่ในใจกลับเดาว่า หรือว่าสมาชิกในครอบครัวที่เป็นสตรีของตระกูลหลี่อยากมาดูนาง?

นางเดาไม่ผิด

แม้ตระกูลหลี่จะไม่ให้ญาติกับเพื่อนหยอกล้อในห้องหอ แต่อย่างไรก็ห้ามไม่ให้สมาชิกในครอบครัวที่เป็นสตรีของตระกูลหลี่มาดูเจ้าสาวไม่ได้กระมัง?

ทว่าพวกนางก็กลัวว่าหลี่ฉางชิงรู้แล้วจะตำหนิ แต่ละคนจึงหลบอยู่นอกห้องหอของเจียงเซี่ยนและผลักกันไปผลักกันมา หวังว่าใครจะบุกเข้าไปก่อนได้ แล้วก็ทำให้พวกนางได้เห็นท่านหญิงเจียหนานที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้วย

ฮูหยินหลี่ขมวดคิ้วตลอด

มิน่าเล่าฮูหยินเหอถึงเหมือนของที่ตั้งแสดงชิ้นหนึ่ง ในเมื่อหยุดแม้แต่พวกหญิงสาวธรรมดาที่อาศัยสามีของตนเองกินข้าวในช่วงเวลาสำคัญไม่ได้ด้วยซ้ำ ก็ควรเปลี่ยนคนควบคุมอาหารการกินของเรือนด้านในนี้ตั้งนานแล้ว แต่เห็นท่าทางของท่านหญิงก็ไม่เหมือนคนที่คุมงานเช่นกัน…เรือนหลังตระกูลหลี่ช่างน่าเป็นห่วงจริงๆ

ทว่าเจียงเซี่ยนกลับคิดถึงชาติก่อนตอนที่นางอยู่ในวัง

เพราะนางเป็นท่านหญิง และเป็นท่านหญิงที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใกล้ชิดกับฮ่องเต้ที่สุดในราชวงศ์ปัจจุบัน ไม่เพียงแต่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้องค์ก่อนและไทฮองไทเฮา แม้แต่เฉาไทเฮากับจ้าวอี้ก็สุภาพกับนางมากเช่นกัน คนในวังมีใครไม่อยากเข้าใกล้นางให้ได้บ้าง และเพราะนางเป็นเพียงผู้อาศัย จึงเฝ้ามองเรื่องในวังอยู่ข้างๆ อย่างเฉยชามาโดยตลอด ทั้งไม่ก่อเรื่องและไม่ก้าวก่ายเรื่อง นานวันเข้าทุกคนต่างก็คิดว่านางเป็นรูปปั้นพระโพธิสัตว์ ทั้งมอบของให้และเอาใจนาง โดยไม่เคยหวังว่านางจะช่วยแสวงหาความมั่งคั่งได้ และไม่หวังว่านางจะช่วยเหลือคนอื่นในช่วงเวลาสำคัญแห่งความเป็นความตาย จนกระทั่งต่อมานางเป็นฮองเฮาและอยู่ในวัง แม้แต่ลุงกับป้าสะใภ้ของนางต่างก็รู้ว่าฮ่องเต้เป็นชู้กับคนสกุลฟาง ทว่านางกลับไม่รู้อะไรเลย…ตอนหลังลุงของนางบอกนางว่า หากไม่มีความผูกพันก็จำเป็นต้องใช้ผลประโยชน์จูงใจคน นางจะผิดก็ผิดที่เฉยเมยเกินไป ทั้งไม่ผูกพันกับคน และไม่ก้าวก่ายความขัดแย้งทางผลประโยชน์ แน่นอนว่าคนอื่นก็จะไม่ไปก้าวก่ายผลประโยชน์ของนางเหมือนกัน

ในเมื่อนางเกิดใหม่แล้ว ก็จะทำผิดพลาดแบบเดิมไม่ได้อีก

เจียงเซี่ยนยิ้มเอ่ยกับฮูหยินหลี่ว่า “ในเมื่อเป็นญาติในครอบครัว แล้วทุกคนก็เป็นสมาชิกในครอบครัวที่เป็นสตรี ก็เชิญพวกนางเข้ามานั่งเถอะ! ถึงแม้จะให้ญาติกับเพื่อนหยอกล้อในห้องหอไม่ได้ แต่พวกนางก็มาแสดงความยินดีกับข้าเช่นกัน อย่างไรก็ปล่อยคนไว้ข้างนอกแบบนี้ไม่ได้”

ฮูหยินหลี่คิดแล้วก็รู้สึกว่าเจียงเซี่ยนพูดมีเหตุผล

ถึงแม้ตระกูลหลี่จะมีญาติไม่มาก ทว่ามีเพื่อนเก่าและตระกูลที่สนิทสนมกันมากจนเหมือนเป็นคนในครอบครัวเยอะ เดิมทีเจียงเซี่ยนก็แต่งงานกับผู้ชายที่ฐานะต่ำอยู่แล้ว หลี่ฉางชิงวางท่าเต็มที่แล้ว หากเจียงเซี่ยนวางมาดก็จะเข้ากับตระกูลหลี่ได้ยาก แน่นอนว่าด้วยฐานะของนางจะไม่เข้ากับตระกูลหลี่ก็ได้ แต่หากสามารถอยู่ร่วมกับตระกูลหลี่ได้อย่างสันติ และได้รับคำชมจากทุกคนในตระกูลหลี่ ย่อมดีกว่าเย็นชากับคนของตระกูลหลี่ ยิ่งกว่านั้นตระกูลหลี่สร้างตระกูลด้วยความดีความชอบทางการรบ ต่อไปลูกชายของท่านหญิงก็เป็นผู้นำตระกูลของตระกูลหลี่ หากผู้นำในตระกูลไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนในตระกูล ต่อให้มีชื่อของผู้นำตระกูล ก็คงจะทำให้คนในตระกูลร่วมแรงร่วมใจทำให้ตระกูลรุ่งโรจน์ได้ยากเช่นกัน

“ท่านหญิงช่างเป็นคนอ่อนโยนจริงๆ” ฮูหยินหลี่ชม และให้เซียงเอ๋อร์ไปเชิญพวกสมาชิกในครอบครัวที่เป็นสตรีของตระกูลหลี่เข้ามา

คนที่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ในเวลานี้ มีแต่พวกญาติห่างๆ ของตระกูลหลี่หรือญาติที่ผูกสัมพันธ์กัน เพราะเมื่อก่อนมีบุญคุณกับตระกูลหลี่เท่านั้น ก่อนหน้าหลี่ฉางชิง หากไม่ทำไร่ไถนาก็ทำงานเล็กๆ น้อยๆ ให้คนอื่น หลายวันนี้ที่สามารถเข้าออกคฤหาสน์ของขุนนางใหญ่ที่ปกครองมณฑลต่างๆ อย่างตระกูลหลี่ได้ ก็เป็นเพราะหลี่ฉางชิงกลับซานซีแล้วเช่นกัน

พวกนางเห็นชุดแต่งงานที่แสงสีทองระยิบระยับละลานตาของเจียงเซี่ยนแล้วต่างก็อดที่จะชมไม่ได้ มีหญิงชราคนหนึ่งยังลูบชุดแต่งงานของเจียงเซี่ยนและเอ่ยว่า “ท่านหญิง ชุดนี้เท่าไรหรือ? ลูกสาวของข้ากำลังจะแต่งงานแล้ว ข้าก็อยากทำให้นางชุดหนึ่งเหมือนกัน”

เจียงเซี่ยนเพิ่งเคยเจอคนแบบนี้เป็นครั้งแรก จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะอึ้งไปเล็กน้อย และไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี จึงมองไปทางชีกูเหมือนขอความช่วยเหลือ

ชีกูรีบเอ่ยว่า “ท่านย่า ชุดนี้ช่างเย็บปักถักร้อยในวังหลวงเป็นคนปัก มีเงินก็ซื้อไม่ได้อยู่ดี” และกลัวว่าท่านย่าผู้นี้จะฝากให้เจียงเซี่ยนช่วยปักให้สักตัว น้ำเสียงจึงชะงักไปเล็กน้อย และเอ่ยอีกว่า “นี่ต้องมีระดับของขุนนางถึงจะใส่ได้ ก็เหมือนใต้เท้าของพวกเรา เมื่อก่อนตอนที่เป็นขุนนางระดับสี่ บนเครื่องแบบขุนนางก็จำเป็นต้องเย็บผ้าปักลายเสือ ตอนนี้เป็นขุนนางระดับสามแล้วก็ต้องสวมผ้าปักลายเสือดาว ราชสำนักล้วนมีกฎระเบียบ จะทำเล่นไม่ได้”

ท่านย่าผู้นั้นพยักหน้า และวางแขนเสื้อของเจียงเซี่ยนลงอย่างอาลัยอาวรณ์

แล้วก็มีคนถามเจียงเซี่ยนว่า “ท่านหญิง ได้ยินว่าชนชั้นสูงในวังต่างไม่กินไก่ กินแต่น้ำแกงไก่ เป็นความจริงหรือไม่?”

เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ก็กินไก่เหมือนกันนะ! กินเหมือนกับทุกคน”

“เป็นไปไม่ได้กระมัง? ชนชั้นสูงในวังกินของเหมือนกับพวกเราด้วยหรือ”

ผู้หญิงเหล่านั้นเอ่ยอย่างจ้อกแจ้กจอแจ

ทว่าส่วนใหญ่กลับหลบและมองเจียงเซี่ยนอยู่หน้าประตู

เจียงเซี่ยนพูดไม่ค่อยออก

ทันใดนั้นก็มีคนหนึ่งเอ่ยว่า “ท่านหญิง สตรีทุกคนในห้องนี้เป็นสาวใช้ที่อยู่ข้างกายท่านใช่หรือไม่? หน้าตาช่างงดงามจริงๆ! ดูแล้วเหมือนคุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์ ข้ามีลูกสาวคนหนึ่ง ปีนี้อายุสิบสามแล้ว เชื่อฟังทีเดียว ให้นางมาเป็นสาวใช้ข้างกายท่านเถอะ!”

พวกเจียงเซี่ยนตกตะลึง

แต่นางผู้นั้นไม่ดูสายตา และเอ่ยต่อว่า “ท่านหญิง ลูกสาวของข้าเชื่อฟังมากจริงๆ งานเย็บปักถักร้อยก็ดีเช่นกัน ท่านเห็นแล้วจะต้องชอบอย่างแน่นอน”

เจียงเซี่ยนฝืนยิ้มอย่างไร้เรี่ยวแรง

เวลานี้ถึงจะรู้ตัวว่าตนเองทำผิดไปแล้ว

คนบางคนก็ไม่มีทางคบหาได้จริงๆ

ทว่านางก็ไม่ได้พาลโกรธ

สายตาของคนบางคนก็เห็นได้แค่ตรงนั้น พูดอะไรกับนางก็ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้น และยิ่งพูดกับนางมาก นางก็ยิ่งฮึกเหิม

เจียงเซี่ยนส่งสายตาให้ชีกู

ชีกูเข้าใจ จึงหยิบลูกอมให้ผู้หญิงเหล่านั้นกำหนึ่ง และเอ่ยว่า “ทุกคนกินลูกอมมงคล ด้านหน้ากำลังร้องงิ้วไม่ใช่หรือ? ทำไมพวกท่านถึงมาที่นี่?”

สตรีเหล่านั้นรับลูกอมพลางยิ้ม “งิ้วเรื่องนั้นร้องมาหลายวันแล้ว แม้จะไพเราะ แต่ฟังเยอะแล้วก็เป็นเหมือนเดิมอยู่ดี ทว่าท่านหญิงนั้นหากวันนี้ไม่เห็นก็คงไม่ได้เห็นแล้ว…พรุ่งนี้ญาติของทั้งสองฝ่ายจะพบกันเป็นครั้งแรก ญาติห่างๆ อย่างพวกเราคงจะเข้าไปในห้องโถงไม่ได้ พวกเราจึงอยากมาดูว่าท่านหญิงหน้าตาเป็นอย่างไร? ต่อไปกลับไปแล้วจะได้บอกความจริงกับคนอื่น!”

นางกำลังพูดอยู่ ก็มีสาวใช้วิ่งเข้ามาบอกว่า “ฮูหยินเหอมาแล้วเจ้าค่ะ!”

คนที่อยู่ในห้องต่างก็อึ้งไป

เจียงเซี่ยนมองฮูหยินหลี่

บังเอิญว่าฮูหยินหลี่ก็มองมาทางเจียงเซี่ยนเช่นกัน

สายตาของทั้งสองคนจึงสบกันกลางอากาศ

————————————