ตอนที่ 174: การต่อสู้ที่ดุเดือด
ทุกคนในโรงประมูลจับตามองไปที่ผ้าสีดำที่คลุมของอยู่ แม้ว่านี่จะเป็นเพียงหนึ่งในร่างของสัตว์อสูรระดับห้าเท่านั้น แต่มันก็ยังเป็นที่ดึงดูดความสนใจของคนเป็นจำนวนมาก ในใจของพวกเขา พวกเขาคิดว่าตลอดทั้งชีวิตของพวกเขา นี่อาจจะเป็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่พวกเขาจะได้เห็นสัตว์อสูรระดับห้า
เพราะว่าสัตว์อสูรระดับห้านั้นไม่เหมือนเซียนปฐพี ในเมืองที่พลุกพล่านหลายเมือง นิกายที่ใหญ่ที่สุดหลายนิกายมีเซียนปฐพีเพียงสองสามคนเท่านั้น สัตว์อสูรระดับห้านั้นแตกต่างจากมนุษย์มาก พวกมันอยู่แต่ในบริเวณของมันแทนที่จะออกไปไหนมาไหน เมื่อไรก็ตามที่มันเจอกับมนุษย์เข้า มนุษย์ที่ไปเจอมันคงต้องตายแน่ ๆ ดังนั้นสัตว์อสูรระดับห้าจึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่มนุษย์ที่อ่อนแอหลายคนไม่ต้องการที่จะไปเจอเข้า
ในขณะที่ผู้นำประมูลเอาผ้าดำออกไป วัตถุที่ซ่อนอยู่ข้างใต้ก็ถูกเปิดเผยออกมาในที่สุดต่อหน้าฝูงชนที่ตั้งหน้าตั้งตารออย่างกระตือรือร้น
ใต้ผ้านั้นมีสัตว์อสูรที่มีสีดำสนิทเหมือนวัว คนที่อยู่ใกล้ใกล้เห็นได้ว่ามันมีปีกเล็ก ๆ บนหลังของสัตว์อสูร
สัตว์อสูรนอนอยู่อย่างสงบแน่นิ่งบนแคร่ ร่างของมันยาวประมาณ 4-5 เมตร และมันดูเหมือนเนินเขาขนาดย่อม ๆ
“อย่าบอกข้านะว่านี่คือสัตว์อสูรระดับห้า…”
“สัตว์อสูรระดับห้าเป็นแบบนี้จริงหรือ? มันไม่รู้สึกแตกต่างจากสัตว์อสูรระดับหนึ่งในระดับสองเลย…”
“วันนี้เป็นวันที่ข้าได้เห็นสัตว์อสูรระดับห้าในที่สุด การเดินทางของข้าไม่ได้สูญเปล่าเลย 50 เหรียญทองไม่ได้สูญเปล่าเลย…”
“มันเป็นศพของสัตว์อสูรระดับห้าจริงจริง เหมือนว่ามันจะเป็นวัวปีกนภา…”
….
หลังจากที่สัตว์อสูรระดับห้าถูกเปิดเผยออกมา โรงประมูลที่เงียบอยู่ก่อนหน้านี้ก็มีเสียงออกมาทันที สายตาของทุกคนรวมกันไปที่ร่างของสัตว์อสูรระดับห้าที่นอนอยู่บนเวที เสียงหารือที่ตึงเครียดและเสียงถอนหายใจอย่างตกตะลึงดังซ้อนกันออกมาไม่หยุด ในหมู่คนที่อยู่ที่นี่ บางคนมีชีวิตอยู่มาหลายสิบปี แต่พวกนั้นก็ยังไม่เคยเห็นสัตว์อสูรระดับห้ามาก่อน แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ศพ แต่ความรู้สึกของพวกเขาก็เหมือนได้รับการเติมเต็ม
“อะแฮ่ม อะแฮ่ม!”
ทันใดนั้นเอง เสียงกระแอมก็ดังไปทั่วทั้งโรงประมูล หลังจากเสียงนี้ดังขึ้นมา เสียงดังวุ่นวายในโรงประมูลก็ค่อย ๆ สงบลง
เจ้าภาพประมูลยืนยิ้มอยู่บนเวทีในขณะที่เขามองไปที่ผู้คนหลายแสนที่มาเข้าร่วมการประมูลและประกาศออกมาเสียงดัง “สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ ศพของสัตว์อสูรข้างหน้าของข้านี้เป็นวัวปีกนภาระดับห้า แม้ว่ามันจะไม่มีแกนสัตว์อสูรด้านในแล้ว แต่มันก็ยังเป็นสมบัติที่ล้ำค่าอยู่ดี ข้ามั่นใจว่าทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่รู้ว่า การกินเนื้อของสัตว์อสูรระดับห้าเข้าไปเป็นเวลานานนั้น จะไม่เพียงเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายของพวกท่านเท่านั้น แต่มันยังช่วยพัฒนาพลังเซียนภายในได้เล็กน้อยด้วย นอกเหนือไปจากนั้น ว่ากันว่ามันมีโอกาสที่ท่านจะตัดผ่านจากเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษเป็นเซียนปฐพีได้”
หลังจากที่ได้ยินประโยคสุดท้ายของผู้นำประมูล โรงประมูลที่เงียบอยู่ก็กลับมาวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง ทุกคนจ้องไปที่สัตว์อสูรระดับห้าที่อยู่บนเวทีอย่างเคร่งเครียด พวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกโลภและตะกละ
ในทวีปเทียนหยวนนั้น ข่าวลือบอกชัดว่าการกินเนื้อสัตว์อสูรระดับห้าเป็นเวลานานจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตัดผ่านจากเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษไปเป็นเซียนปฐพี
แม้ว่าเซียนปฐพีจะไม่ได้ดูยิ่งใหญ่อะไร แต่มันก็ก็เป็นอะไรที่สูงส่งกว่าการมีอยู่หลายพันของเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษบนทวีปเทียนหยวน
เซียนปฐพีเป็นอีกก้าวต่อมาของเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ แต่นี่ก็ดูเหมือนเป็นช่องว่างที่กันไม่ให้คนนับล้านข้ามไปได้ มีหลายคนในทวีปเทียนหยวนที่สูญเสียชีวิตไปเพื่อที่พยายามจะตัดผ่านเป็นเซียนปฐพี
นี่เป็นเพราะความต้องการในการตัดผ่านนั้นต้องทำลายอาวุธเซียนของตัวเองให้เป็นผุยผงและจากนั้นก็ใช้ความสามารถในการดูดซึมพลังงานปริมาณมหาศาลมาเพื่อที่จะสกัดชิ้นส่วนของอาวุธเซียนที่เสียหายนั้นใหม่ตั้งแต่เริ่มต้นและรวมมันให้สำเร็จ หลังจากที่เสร็จขั้นตอนนี้แล้วเท่านั้นถึงจะได้เป็นเซียนปฐพี
อย่างไรก็ตาม อาวุธเซียนนั้นเป็นตัวแทนของเจ้าของ เมื่ออาวุธเซียนถูกทำให้เสียหาย เจ้าของก็จะได้รับความเสียหายไปด้วยผ่านการเชื่อมโยงกัน และถ้าอาวุธเซียนแตกสลายไป ก็จะมีผลลัพธ์เกิดขึ้นได้สองอย่าง ผลลัพธ์ที่รุนแรงน้อยกว่าก็คือผู้นั้นจะเสียพลังเซียนไปทั้งหมดและกลายเป็นคนที่ไร้พลังที่ไม่สามารถฝึกฝนได้ ผลลัพธ์ที่ร้ายแรงมากกว่านั้นคือความตาย
ด้วยเหตุผลนั้นจึงทำให้มีคนน้อยกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์บนทวีปเทียนหยวนที่สามารถกลายเป็นเซียนปฐพีได้สำเร็จ
ขั้นตอนนี้ทำให้เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษหลายล้านคนไม่ต้องการที่จะเสี่ยงและอยู่ในขอบเขตเดิมต่อไปจนตาย
นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมสัตว์อสูรระดับห้าที่สามารถเพิ่มโอกาสในการพัฒนาการเป็นเซียนปฐพีได้จึงทำให้คนตื่นเต้นกันมาก
ในตอนนี้เอง เสียงของผู้นำการประมูลก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “ในตอนนี้ ศพของวัวปีกนภาระดับห้าจะถูกนำมาประมูล ราคาประมูลเริ่มต้นที่ 5,000 เหรียญม่วง ทุกครั้งที่มีการประมูลเพิ่ม จะต้องมากกว่าหรือเท่ากับ 100 เหรียญม่วง”
“ข้าขอประมูล 6,000 เหรียญม่วง…”
ทันทีที่ผู้นำประมูลประกาศจบ เสียงประมูลกังออกมาจากห้องวีไอพีทันที
“6,500 เหรียญม่วง” เสียงอีกเสียงจากอีกห้องวีไอพีดังออกมา
“6,600 เหรียญม่วง”
“6,700 เหรียญม่วง”
“7,000 เหรียญม่วง”
คนแล้วคนเล่า ราคาประมูลที่สูงอย่างน่ากลัวก็ดังออกมาจากห้องวีไอพีของโรงประมูล ในตอนนี้ ไม่มีใครเลยที่นั่งอยู่ในพื้นที่ทั่วไปประมูลออกมา
ถ้ามีคนที่ต้องการจะซื้อสัตว์อสูรระดับห้า พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องมีเงินพอเท่านั้น พวกเขายังต้องมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับหนึ่งด้วย ไม่เช่นนั้น ทันทีที่เขาออกจากโรงประมูลไป สัตว์อสูรระดับห้าต้องถูกขโมยไปแน่
นั้นเป็นเหตุผลที่คนที่แข่งราคากันเพื่อสัตว์อสูรระดับห้าในตอนนี้นั้นมีความแข็งแกร่งในระดับหนึ่งแล้วและพวกเขาทั้งหมดก็ไม่กังวลเกี่ยวกับการถูกขโมย
“8,000 เหรียญม่วง”
การแข่งขันเพื่อสัตว์อสูรระดับห้านั้นตึงเครียดมาก ในพริบตาเดียว ราคาก็สูงขึ้นไปถึง 8,000 เหรียญม่วง นอกเหนือไปจากนั้น มันยังคงเพิ่มขึ้นไปเรื่อยเรื่อยอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“8,500 เหรียญม่วง ศพของสัตว์อสูรระดับห้านี้ต้องเป็นของตระกูลยู่หลัน ถ้าใครกล้าที่จะแข่งกับพวกเรา คนคนนั้นจะเป็นศัตรูกับตระกูลยู่หลัน” เสียงทุ้มดังสะท้อนออกมาจากห้องวีไอพีห้องหนึ่ง น้ำเสียงนั้นเย่อหยิ่งมาก และมันเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าคนคนนี้หวังที่จะชนะ
“ตระกูลยู่หลัน ที่อยู่ในเมืองเมฆอัคคีงั้นหรือ?”
“นั่นเป็นตระกูลยู่หลันจริง ๆ พวกเขาเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองเมฆอัคคีและทรงพลังมาก แม้แต่ท่านเจ้าเมืองยังให้ความเคารพตระกูลยู่หลันมาก ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะมาเข้าร่วมด้วยเลย”
เมื่อได้ยินคำว่า “ตระกูลยู่หลัน” โรงประมูลก็มีเสียงอื้ออึงไปด้วยการพูดคุยทันที แม้ว่าตระกูลยู่หลันจะไม่ได้มีอำนาจในเมืองฟีนิกซ์ แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็เพียงพอให้พวกเขามีอิทธิพลไปในบริเวณใกล้เคียงเช่นกัน
“ฮ่าฮ่า คนของตระกูลยู่หลัน พวกเจ้าจะพูดแบบนั้นไม่ได้ นี่คือโรงประมูล ไม่ว่าจะยังไง ของก็เป็นของคนที่จ่ายสูงที่สุด ตระกูลฮาริโด้จะประมูลที่ราคา 10,000 เหรียญม่วง สัตว์อสูรระดับห้านี้จะเป็นของพวกเราแน่นอน” เสียงค่อนข้างมีอายุดังออกมาจากห้องวีไอพีตรงข้ามเพื่อตอกกลับคนของตระกูลยู่หลัน
“นั่นไม่ใช่ตระกูลฮาริโด้ที่มีอำนาจอยู่ที่เมืองลูซอย่างนั้นหรือ? มันห่างอย่างน้อยเป็นพันไมล์จากเมืองฟีนิกซ์ ใครจะคิดล่ะว่าพวกเขาก็จะมาด้วยเช่นกัน ? “
“ตระกูลฮาริโด้นั้นเป็นตระกูลที่เก็บตัวมาก แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่แม้แต่ในสิบอันดับแรกของเมืองลูซ แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะไปหาเรื่องพวกเขา แม้แต่ตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองลูซ ตระกูลไป่ ก็ยังไม่กล้าที่จะดูถูกตระกูลฮาริโด้เลย”
“ใช่ ข้าจำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ หนึ่งในลูกชายที่ร่ำรวยและถูกตามใจของตระกูลไป่ได้ไปหาเรื่ององค์หญิงของตระกูลฮาริโด้ ชายคนนั้นก็ถูกองครักษ์ขององค์หญิงคนนั้นเล่นงานจนเจ็บปวด หลังจากนั้น ตระกูลไป่ก็ไม่กล้าที่จะแม้แต่จะผายลมตอนที่ตระกูลฮาริโด้อยู่”
“ว่ากันว่า จริงจริงแล้วนั้น ตระกูลฮาริโด้เป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองลูซ อย่างไรก็ตาม เพราะว่าพวกเขาเก็บตัวมากและไม่แสดงตัวออกมาจนถึงจุดที่ว่ามีหลายคนที่ไม่เคยได้ยินและไม่เคยเห็นพวกเขามาก่อน”
หลังจากที่ตระกูลฮาริโด้พูดออกมา เสียงที่ได้ยินก็มีเพียงบางคนที่กำลังพูดคุยหารือกันเท่านั้น สักพักต่อมาก็ไม่มีใครเสนอราคาเพิ่มเลย แม้แต่ตระกูลยู่หลันที่แน่วแน่ก่อนหน้านี้ยังเงียบไปทันทีด้วยความลังเล
“เมืองลูซ ตระกูลฮาริโด้ ! ” หัวใจของเจี้ยนเฉินเต้นแรงในขณะที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลนี้ จากสถานการณ์ที่พลิกผันตรงหน้าเขานั้น เขาสามารถบอกได้เลยว่าตระกูลฮาริโด้นั้นค่อนข้างเก่งกาจเลยทีเดียว
หลังจากที่เกิดความเงียบไปสักพัก ชายวัยกลางคนที่ดูกระปรี้กระเปร่ามากก็พูดออกมาจากอีกห้องวีไอพีในที่สุด “ฮาฮ่า ข้าไม่คิดว่าแม้แต่ตระกูลฮาริโด้จะสนใจในสัตว์อสูรระดับห้าด้วยเหมือนกัน ถ้าเป็นแบบนั้น ตระกูลมู่เทียนของพวกเราก็จะไม่ยุ่งในการแย่งชิงสัตว์อสูรนี้ ข้าหวังว่าตระกูลฮาริโด้จะยอมยกสัตว์อสูรตัวต่อไปให้พวกเรา”
“ฮาฮ่า แน่นอน ตระกูลฮาริโด้ของพวกเราต้องการแค่หนึ่งเท่านั้น พวกเราจะไม่ยุ่งในการแข่งขันราคาตัวต่อไป” เสียงค่อนข้างมีอายุจากตระกูลฮาริโด้ดังออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้เหมือนว่าเขากำลังยิ้มอยู่ด้วยจากน้ำเสียงของเขา
“ถ้าเป็นแบบนั้น ตระกูลลุยหยุนเจียงก็จะยอมไว้หน้าตระกูลฮาริโด้ และยอมแพ้เรื่องสัตว์อสูรระดับห้านี้”
“นิกายหยางก็จะยอมแพ้…”
…..
หลังจากการประกาศของตระกูลฮาริโด้ ตระกูลที่มีอำนาจซึ่งไม่ได้อ่อนแอเลยก็ยกเลิกการแข่งขันในการแย่งสัตว์อสูรระดับห้าไปทีละตระกูล เพื่อที่จะไว้หน้าตระกูลฮาริโด้
“ฮาฮ่า ผู้อาวุโสฮาริโด้ขอขอบคุณทุก ๆ ท่าน” ผู้อาวุโสจากตระกูลฮาริโด้หัวเราะออกมาเบาเบา หลังจากนั้น ร่างของวัวปีกนภาก็เป็นของตระกูลฮาริโด้ที่ประมูลชนะที่ราคา 10,000 เหรียญม่วง
“พวกเราจะดำเนินการประมูลสัตว์อสูรระดับห้าต่อ นำมันมาเลย ! ” ผู้นำประมูลร้องออกมาในขณะที่คนอีกกลุ่มก็นำแคร่ที่คลุมด้วยผ้าอีกอันมา
ในครั้งนี้ผู้นำประมูลก็ไม่เสียเวลาและเปิดผ้าออกทันที “สัตว์อสูรนี้เป็นสัตว์อสูรระดับห้าอีกตัว อสูรเมฆบิน ในเวลาเดียวกัน นี่ก็ยังเป็นของชิ้นสุดท้ายที่พวกเราจะประมูล และกฎในการประมูลก็ยังเหมือนเดิม ราคาเริ่มต้นที่ 5,000 เหรียญม่วง การเพิ่มประมูลแต่ละครั้งอย่างน้อย 100 เหรียญม่วง”
“ทันทีที่ผู้นำประมูลพูดจบ ราคาที่น่ากลัวก็ดังออกมาจากผู้ชม บางทีอาจเป็นเพราะว่านี่เป็นสัตว์อสูรระดับห้าตัวสุดท้าย ทุกคนจึงต่อสู้แย่งกันอย่างเคร่งเครียดมากกว่าก่อนหน้านี้ ราคาเริ่มต้นที่ 5,000 จึงพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว”
“16,000 เหรียญ…”
“17,000 เหรียญ…”
“20,000 เหรียญ…”
ในชั่วระยะเวลาแค่พอน้ำชาเดือด ราคาของอสูรเมฆบินก็ไปถึง 20,000 อย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินราคาเหรียญม่วงที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุด เจี้ยนเฉินที่นั่งอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา แม้ว่าสัตว์อสูรระดับห้าตัวแรกจะถูกประมูลไปในราคา 10,000 เหรียญม่วง แต่มันก็ค่อนข้างเป็นราคาที่น้อย สัตว์อสูรระดับห้าตัวที่สองนี้ก็ทดแทนมูลค่าที่เสียไปจากที่ขาดทุนไปในตัวแรกได้
“ตระกูลมู่เทียนประมูล 22,000 เหรียญม่วง…”
“ตระกูลยู่หลันประมูล 23,000 เหรียญม่วง…”
“ตระกูลเจียลู่ประมูล 24,000 เหรียญม่วง…”
“วิหารดาบเมฆาเลื่อนลอยประมูล 25,000 เหรียญ…”
“นิกายหยางประมูล 26,000 เหรียญม่วง…”
“สำนักเมฆาทมิฬประมูล 27,000 เหรียญม่วง…”
ราคาสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ในขณะที่หลายฝั่งต่อสู้กันเพื่อสัตว์อสูรระดับห้าตัวนี้โดยเพิ่มราคาไปทีละ 1,000 เหรียญม่วง
ในไม่ช้า ราคาของสัตว์อสูรระดับห้าก็เกิน 40,000 เหรียญม่วงไป
“ตระกูลยู่หลันประมูล 45,000 เหรียญ”
ทันใดนั้นเอง ตระกูลยู่หลันก็ประมูลราคาสูงที่ 45,000 เหรียญม่วง ทั้งโรงประมูลเงียบไปทันทีทันใดและมีเพียงแต่บางคนที่ถอนหายใจอย่างตกตะลึงออกมา 45,000 เหรียญม่วงเป็นราคาซึ่งเกินกว่าที่ตระกูลใหญ่จะสามารถจ่ายได้
สัตว์อสูรระดับห้าหาได้ยากมาก แต่คนที่อยู่ในเมืองที่ใหญ่กว่าก็สามารถที่จะเห็นมันได้บ่อยกว่า แม้แต่ราคาจะมากกว่าราคาที่ขายกันตามปกติ แต่อสูรเมฆบินตัวนี้ก็เป็นแค่สัตว์อสูรธรรมดาและไม่เหมือนกับอสรพิษทองริ้วเงิน
ก่อนที่โรงประมูลจะเริ่มดำเนินการต่อ เสียงอีกเสียงก็ดังออกมา “ตระกูลมู่เทียนประมูล 46,000 เหรียญม่วง”
ตระกูลมู่เทียนประกาศราคาสูงขึ้นอีกเพื่อกดดันตระกูลยู่หลัน
“ปัง ! ” เสียงดังออกมาจากห้องของตระกูลมู่เทียน จากนั้นก็มีเสียงอีกเสียงดังออกมาจากห้องของตระกูลยู่หลันทันที
มีชายวัยกลางคนห้าคนและผู้อาวุโสนั่งอยู่ในห้องวีไอพีของตระกูลยู่หลัน หนึ่งในชายวัยกลางคนที่แต่งกายในชุดขาวกระแทกหมัดของเขาอย่างแรงไปบนโต๊ะไม้ด้านหน้าเขา ทำให้เกิดรอบเว้าลงไปในมัน
“ตระกูลมู่เทียน เจ้ากล้าที่จะล่วงเกินพวกเรา ตระกูลยู่หลัน เช่นนั้นหรือ ? ดี พวกเราจะทำให้พวกเจ้าเสียใจ” ชายวัยกลางงคนชุดขาวกัดฟันพูดออกมา ด้วยท่าทีมืดมนบนใบหน้าของเขา
คนอื่นอื่นก็ทำหน้าตาที่ไม่น่าดูออกมา
“ถ้าเรายังคงแข่งกันแบบนี้ ข้าเกรงว่าราคาของสัตว์อสูรระดับห้าจะต้องถึงจุดที่พวกเราไม่สามารถจ่ายได้แน่” ผู้อาวุโสพูดออกมาด้วยท่าทางเศร้าใจ
“พวกเราจะมีทางเลือกอะไรอื่นอีก? สัตว์อสูรระดับห้าตัวนี้เป็นที่สนใจของใครหลายคน ในตอนนี้ คนที่มีอำนาจทั้งหมดยังคงแข่งกันและพวกนั้นก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าตระกูลยู่หลันเลย” ชายวัยกลางคนในชุดขาวพูดออกมาอย่างโกรธเคือง
“วิหารดาบเมฆาเลื่อนลอยประมูล 47,000 เหรียญม่วง…”
ในตอนนี้เอง เสียงอีกเสียงก็ดังออกมาเพื่อประกาศราคา เมื่อเห็นว่าราคาสูงขึ้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ ท่าทางของคนของตระกูลยู่หลันก็โกรธเคืองมากขึ้นเรื่อยเรื่อย
สายตาของชายวัยกลางคนเป็นประกายดุร้าย และเขาก็ตะโกนออกมา “ตระกูลยู่หลันประมูล 50,000 เหรียญม่วง”