ตอนที่ 483 ราชวงศ์เฟิ่งหวง! + ตอนที่ 484 ช่วงนี้ข้างงดสุรา

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 483 ราชวงศ์เฟิ่งหวง!

เฟิ่งจิ่วเดินนวยนาดมายังข้างกายบิดา น้ำเสียงเย็นๆ แฝงกลิ่นอายพลังเร้นลับเอ่ยว่า “ตั้งแต่บัดนี้ไป บิดาข้าเฟิ่งเซีย วผู้นำตระกูลเฟิ่ง จะรับช่วงต่อแคว้นแสงสุริยันทั้งหมด เป็นผู้ครองแคว้นแสงสุริยันคนใหม่! แคว้นแสงสุริยันจะเปลี่ยนเป็นราชวงศ์เฟิ่งหวง! และเข้าดูแลราชวังอีกสามวันให้หลัง!”

เสียงเธอกังวานแจ่มชัดในยามค่ำคืน ดังชัดเจนอยู่ในหูทุกคน ทำให้เหล่าทหารและชาวบ้านพากันคุกเข่าคารวะด้วยความตื่นเต้นดีใจขณะที่หัวใจสั่นสะท้าน

“ถวายบังคมผู้ครองแคว้น! ขอทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นหมื่นปี!”

“ถวายพระพรองค์หญิง! ขอทรงพระเจริญพันปีพันพันปี!”

“ราชวงศ์เฟิ่งหวง รุ่งเรืองเท่าเดือนและตะวัน คงอยู่นานหมื่นปี…” เสียงแซ่ซ้องอื้ออึงดังขึ้นล้นหลาม สนั่นหวั่นไหวไปทั่วฟากฟ้าเมืองอวิ๋นเยวี่ย กึกก้องอยู่เนิ่นนาน

คนจากตระกูลและกลุ่มอำนาจมองอย่างตกใจ ในใจมีความรู้สึกร้อยพัน ตระกูลเฟิ่งได้ใจจากราษฎร หากจะดูแลแคว้นนี้จึงไม่มีใครกล้าพูดอะไร ตั้งแต่คืนนี้ เวลานี้เป็นต้นไป แสงสุริยันลาลับลงแล้ว ที่ปรากฏขึ้นแทนคือราชวงศ์เฟิ่งหวงราชวงศ์ใหม่!

ยามเห็นภาพเบื้องหน้า เฟิ่งเซียวจับต้นชนปลายไม่ถูก มองลูกสาวข้างกายอย่างตะลึง ทำไมเขาออกมาเดี๋ยวเดียวก็กลายเป็นผู้ครองแคว้นเสียแล้ว? หนำซ้ำแสงสุริยันยังเปลี่ยนเป็นราชวงศ์เฟิ่งหวงอีก?

เห็นบิดามองมาด้วยแววตางุนงงสงสัย เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ บอกว่า “ท่านพ่อ ไม่คิดว่าการที่ท่านเป็นผู้ครองแคว้นของราชวงศ์เฟิ่งหวงคือเรื่องดีที่สุดหรือเจ้าคะ? บ้านไม่อาจขาดผู้นำแม้หนึ่งวัน แคว้นไม่อาจขาดผู้ครองแม้หนึ่งคืน แม้ที่นี่เป็นแคว้นเล็กระดับเก้า แต่ถ้าข่าวในเมืองอวิ๋นเยวี่ยกระจายออกไป จะต้องนำมาซึ่งการช่วงชิงจากแคว้นอื่นๆ แน่ มีเพียงท่านเป็นผู้ครองแคว้นแห่งนี้ถึงจะปกป้องชาวบ้านและแคว้นต่อไปได้”

“แต่ว่า…” เขาไม่อยากเป็นผู้ครองแคว้นนี่!

“ไม่มีแต่เจ้าค่ะ ลูกรู้ว่าท่านพ่อจะเป็นผู้ครองแคว้นที่ดีได้แน่ และรู้ว่าท่านพ่อมีความสามารถพอจะดูแลปกป้องแคว้นเรา” พูดถึงตรงนี้ เธอก็อมยิ้มอิ่มเอม ในแววตามีประกายและสีสันวาววับ

“ตอนนี้ท่านพ่อเป็นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดินักรบ ตามที่ลูกรู้ ผู้ครองแคว้นเล็กระดับเก้ารอบๆ นี้ไม่มีใครมีวรยุทธ์เช่นท่านพ่อ ลูกคิดว่าเมื่อข่าวนี้กระจายไป และได้รู้ว่าท่านพ่อกลายเป็นผู้ครองแคว้น พวกเขาจะส่งของกำนัลมาแสดงความยินดี ไม่กล้าสู้กับแคว้นราชวงศ์เฟิ่งหวงเราแน่นอนเจ้าค่ะ!”

“รอท่านพ่อดูแลไปช่วงเวลาหนึ่งค่อยเข้าร่วมการประเมินแคว้น ลูกเชื่อว่าระดับราชวงศ์เฟิ่งหวงจะสูงขึ้นอีก!”

เสียงเธอชะงักไป ก่อนเอ่ยด้วยแววตาวาววับ “ท่านพ่อ ราชวงศ์เฟิ่งหวงนี้เป็นของตระกูลเรา พวกเรามาปกป้องและทำให้มันยิ่งใหญ่ไปด้วยกันเถอะ!”

อาจเพราะรู้สึกร่วมไปกับคำพูดนาง และถูกดึงดูดด้วยอนาคตที่เธอวาดแผน ในแววตาเฉียบคมของเฟิ่งเซียวก็มีประกายแสงฉายออกมา พูดเสียงเข้มว่า “ดี! พวกเราจะปกป้องมันไปด้วยกัน! ที่นี่จะเป็นบ้านของพวกเราตลอดไป!”

พวกหลัวอวี่แปดคนถูกส่งไปจัดการเรื่องเบื้องหลังที่พระราชวัง ส่วนเฟิ่งเซียวอยู่จัดการปรับระบบเหล่าทหาร เป็นเช่นที่เขาพูดก่อนหน้านี้ พอมู่หรงป๋อตายเขาก็ไม่ตามไปซักไซ้คนอื่นๆ ในตระกูลมู่หรง แต่ขับไล่ทั้งหมดออกจากเมืองอวิ๋นเยวี่ย ให้พวกเขาไปตั้งหลักปักฐานในเมืองอื่น

เรื่องภายนอกเฟิ่งจิ่วไม่ได้รับช่วงต่ออีก หลังจากยกธุระให้พวกเขาจัดการ ตัวเองก็เข้าจวนไปก่อน เรื่องคืนนี้ราบรื่นกว่าที่เธอคาดการณ์ไว้ จัดการได้อย่างง่ายดายโดยไม่เสียทหารสักคน

ขณะเธอกำลังสาวก้าวเดินเข้าลานบ้านก็เห็นชายหนุ่มคนนั้นนั่งอยู่ด้านใน เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

………………………………………………….

ตอนที่ 484 ช่วงนี้ข้างงดสุรา

“จัดการธุระได้อย่างงดงามยิ่ง” เจ้าตำหนักยมราชรินเหล้า มองนางพลางเอ่ยขึ้น

เฟิ่งจิ่วเดินเข้าไปนั่งลงข้างโต๊ะ “เวลานี้ค่ำแล้ว ท่านไม่กลับไปพักผ่อนหรือ?”

“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ ว่าจะรอเจ้ากลับมาดื่มเหล้าด้วย” เขายกแก้วเหล้าในมือขึ้น มุมปากเผยรอยยิ้มหยอกล้อ “เหล้าน่ะ ข้ามีมากพอ”

ได้ยินคำพูดนี้มุมปากเธอก็กระตุก ยิ้มกระอักกระอ่วน “ไม่ต้องหรอก ช่วงนี้ข้างดสุรา” ล้อเล่นรึเปล่า อีกรอบก็ได้หรือ? โดยเฉพาะการดื่มเหล้ากับผู้ชายคนนี้ อันตรายเกินไปแล้ว

“กลัวรึ?” เขาเลิกคิ้วขึ้น นึกไม่ถึงนิดหน่อย

“แหะ ท่านเจ้าตำหนัก คืนนี้ข้าเหนื่อยเหลือเกิน ไม่อย่างนั้นเอาแบบนี้ดีไหม! วันหลังเราค่อยคุยกัน? ท่านดูสิ ยามนี้พ่อข้าเพิ่งรับช่วงต่อแคว้นนี้ เรื่องที่ต้องจัดการมีมากมาย ช่วงนี้ข้าต้องช่วยเขาจัดการเรื่องบางอย่าง ต้องยุ่งมากแน่ๆ ดังนั้นท่านว่า…”

เจ้าตำหนักชำเลืองมองนาง น้ำเสียงทุ้มต่ำมีแรงดึงดูดเอ่ยว่า “ในเมื่อตอนนี้วิกฤตของจวนตระกูลเฟิ่งผ่านไปแล้ว เจ้าควรจะจัดการเรื่องของเราสองคนเสียทีใช่หรือไม่?”

“หา? เราสองคนมีเรื่องอะไร?” เธอถามอย่างแสร้งโง่

“บิดาเจ้าพอใจข้าอย่างยิ่งในทุกๆ ด้าน” พูดถึงเรื่องนี้เขาภูมิใจยิ่งนัก เพราะจัดการเรื่องว่าที่พ่อตาได้แล้วอย่างง่ายดาย ตอนนี้ขอแค่นางพยักหน้า เรื่องนี้ก็สำเร็จแล้ว แต่ว่าอยากจะให้หญิงผู้นี้พยักหน้านั้นไม่ง่ายเลย!

“เหอะๆ ใช่รึ? พอใจก็ดี ท่านเป็นผู้มีพระคุณอย่างยิ่งของตระกูลเฟิ่งเรา จะไม่พอใจ ไม่ชอบหน้าท่านได้หรือ?” เธอยิ้มเก้อๆ ไม่ค่อยอยากคุยต่อสักเท่าไหร่แล้ว ดังนั้นจึงลุกยืนขึ้นก่อน

“คืนนี้ข้าง่วงนิดหน่อย เอาแบบนี้ไปก่อนแล้วกัน! ข้าจะไปนอนก่อน พรุ่งนี้ยังต้องตื่นเช้าอีก อืม เท่านี้แหละ” เธอโบกๆ มือ เท้าก้าวออกไปสองก้าวก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำที่มีแรงดึงดูดน่าเย้ายวนจากด้านหลังดังมา เมื่อได้ยินคำพูดน่าไม่อายจากเขา ฝีเท้าที่ก้าวออกไปสะดุดไปนิดจนแทบจะล้ม

“ข้าต้องอุ่นเตียงให้รึไม่ เรื่องนี้ข้าถนัดนัก”

เขามองนางเดินไปเรือนหลังนั้นราวกับหนีเอาชีวิตรอดโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะปิดประตูดังปัง เห็นเช่นนี้มุมปากจึงยกยิ้มขึ้นมา

แม้ระหว่างสองคนยังมีระยะห่าง แต่ความรู้สึกพิเศษที่ก่อเกิดจากระยะห่างนี้ก็ทำให้เขาสุขใจเสมอมา

ครั้นนึกถึงคำว่า ‘สาวงามแพ้ชายช่างตื๊อ’ ที่ฮุยหลางบอก ดูท่าการตื๊อไม้นี้จะได้ผล แต่สำหรับนางลำพังใช้แค่ลูกไม้นี้เหมือนจะยังไม่มากพอเท่าไหร่ เขาควรจะลองใช้เสน่ห์ชายชาตรีเกี้ยวพานางเสียหน่อยดีหรือไม่?

นึกถึงตรงนี้ ในดวงตาดำลึกล้ำก็มีความกระตือรือร้นอยากรู้อยากลองโลดแล่นขึ้นมา พลันรู้สึกว่าความคิดนี้ไม่เลวเลย

ภายในเรือน เฟิ่งจิ่วรินน้ำดื่ม สองดวงตากลิ้งหมุนมอง คิ้วขมวดเบาๆ คิดว่าเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ใช่ทางออก! เจ้าตำหนักยมราชคนนี้ เธอต้องคิดหาวิธีผลักไสเขาไปถึงจะถูก แต่มีวิธีใดไล่เขาไปได้บ้างเล่า?

หลังจากดื่มน้ำ เธอกลับไม่พักผ่อนบนเตียง แต่แวบกายเข้าห้วงมิติไป…

ในสองสามวันต่อมา ข่าวว่ามู่หรงป๋อสิ้นชีพก็กระจายออกไป พร้อมกับเรื่องที่แคว้นแสงสุริยันเปลี่ยนเป็นราชวงศ์เฟิ่งหวง เฟิ่งเซียวผู้นำตระกูลเฟิ่งกลายเป็นผู้ครองแคว้นคนแรกของราชวงศ์เฟิ่งหวง หนำซ้ำยังเป็นผู้ครองแคว้นที่พลังบรรลุถึงระดับจักรพรรดินักรบ ข่าวแพร่ออกไปจากเมืองอวิ๋นเยวี่ย กระจายไปแต่ละแคว้น แม้กระทั่งพวกแคว้นระดับเก้ารอบๆ ส่วนหนึ่ง ทุกเรื่องล้วนทำให้ผู้ครองแคว้นเล็กอื่นๆ ตกตะลึงไม่สิ้นสุด…