Ep.558 – เผชิญหน้ากระทันหัน
ชั้นเปลือกน้ำแข็งบางๆ สาดแสงสีน้ำเงินจางๆออกมา
ความเย็นของมัน กัดกินจากฝ่าเท้าของกู่ฉิงซาน เสียดแทงลึกเข้าไปในกระดูก
พลังวิญญาณแน่นอนว่าย่อมไม่สามารถที่จะต้านทานความหนาวเย็นนี้ได้ ไม่แตกต่างไปกับตอนที่เขาอยู่บนยอดภูเขาน้ำแข็ง
กู่ฉิงซานนั่งยองๆลง แล้วสังเกตมันอย่างระมัดระวัง
สีน้ำเงินกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด
มันไพศาลไม่ต่างกับทุ่งน้ำแข็งที่เขาควบม้าทมิฬวิ่งผ่านมาในก่อนหน้านี้เลย
‘แล้วฉันจะทะลุผ่านชั้นน้ำแข็ง เข้าสู่โลกเบื้องล่างนี้ได้อย่างไร?’
กู่ฉิงซานเคาะลงบนชั้นเปลือกน้ำแข็ง
แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กู่ฉิงซานลองคิดเกี่ยวกับมันอีกสักพักหนึ่ง แล้วลองกระทุ้งกำปั้นลงบนชั้นเปลือกน้ำแข็งอย่างแรง
คราวนี้ชั้นเปลือกน้ำแข็งเริ่มที่จะปลดปล่อยแสงสีทองเล็กๆน้อยๆออกมา
ตามด้วยภาษาเขียนสีทองอันลึกลับที่ปรากฏขึ้นบนพื้น แพร่กระจายออกไปรอบทิศทางอย่างไม่รู้จบ
พร้อมกับกลิ่นอายอันตรายที่เริ่มฟุ้งกระจายไปทั่ว
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม สองบรรทัดแสงหิ่งห้อยผุดเตือนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“อำนาจเทวะ : กฏเกณฑ์ต้องห้ามแห่งโลกทวยเทพกำลังพยายามที่จะเปิดใช้งาน”
“โปรดหยุดการโจมตีคุกคามของคุณเดี๋ยวนี้! มิฉะนั้นแล้ว อำนาจที่ว่านี้จะโถมเข้าทำลายคุณจนถึงแก่ความตาย!”
ขนของกู่ฉิงซานลุกซู่
พอย้อนนึกไปถึงประสบการณ์อันน่าขมขื่นของราชามารวิญญาณมรณะ กู่ฉิงซานก็เร่งชักมือของเขากลับ และใช้ออกด้วยวิชาลับยับยั้งลมหายใจทันที
เมื่อภัยคุกคามหายสาปสูญไป แสงสีทองก็หยุดแพร่กระจายลงในที่สุด
หลังจากนั้นไม่นาน แสงสีทองทั้งหมดก็สลายหายไป
ทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติ
กู่ฉิงซานถอนหายใจโล่งอก
“ดูเหมือนว่านี่จะเป็นมาตรการป้องกันที่ถูกติดตั้งไว้โดยเทพบรรพกาล เพื่อหลีกเลี่ยงการรุกรานจากภายนอก” ลอร่ากล่าว
“กระหม่อมก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน” กู่ฉิงซานเห็นด้วย
ในสายตาของเขา บรรทัดแสงหิ่งห้อยยังคงปรากฏอยู่บนหน้าต่างเทพสงคราม
“คุณได้ค้นพบโลกใหม่แล้ว และหากคุณต้องการที่จะรู้ความลับของโลกใบนี้ โปรดจงทุ่มเทอย่างหนักต่อไป”
“โปรดทราบด้วยว่า : นี่คือโลกใหม่ที่ไม่เคยถูกค้นพบหรือมีข้อมูลบันทึกมาก่อน ดังนั้นตัวระบบเทพสงครามเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสถานการณ์ของมันเป็นเช่นไร”
“คุณจะต้องค้นหาวิธีที่จะเข้าไปที่นั่น และได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมัน”
อ่านจบ กู่ฉิงซานก็ส่ายศีรษะของเขาอย่างหมดหนทาง
แต่พอลองคิดดูดีๆแล้ว .. เนื่องจากนี่เป็นอารยธรรมที่หลงเหลืออยู่ของเทพบรรพกาล ถ้าอย่างนั้นดาบเช่าหยินที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพบรรพกาลก็น่าจะ …
เขากระชับดาบเช่าหยิน และพยายามที่จะใช้ก้าวข้ามผ่านมหาสมุทรแห่งความทุกระทมกับชั้นเปลือกน้ำแข็ง
ทันใดนั้นชั้นเปลือกน้ำแข็งก็เริ่มแยกออกจากกัน ฉากนี้มันเหมือนกับตอนทางปากทางเข้าถ้ำในวิหารบนยอดเขาอย่างไรอย่างนั้นเลย!
และรอยแยกที่ว่า ก็เพียงพอสำหรับให้กู่ฉิงซานกับลอร่าผ่านเข้าไป
ลอร่าจ้องมองดูฉากนี้ด้วยความประหลาดใจ
จากจุดที่พวกเขาทั้งสองยืนอยู่ เหนือหัวเป็นมหาสมุทรอันไร้ที่สิ้นสุด ขณะที่ชั้นเปลือกน้ำแข็งที่พวกเขายืนอยู่ถูกปกคลุมไปด้วยอำนาจเทวะของทวยเทพ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสิ่งใดที่กล่าวมา เมื่ออยู่ต่อหน้าดาบยาวของกู่ฉิงซาน พวกมันก็หลีกลี้ เปิดทางให้กับพวกเขาโดยไม่คิดลังเลแม้แต่น้อย
ลอร่ามองดาบยาวในมือของกู่ฉิงซาน จ้องเขม็งไปที่มันด้วยดวงตาสาดประกายสดใส ไม่อาจละสายตาไปจากมันได้เลย
อาวุธที่สามารถควบคุมกำแพงอุปสรรคของเทพบรรพกาลได้ แน่นอนว่ามันย่อมต้องถูกสร้างขึ้่นอย่างพิถีพิถันโดยเทพบรรพกาลอย่างแน่นอน
ดาบยาวเล่มนี้ … มันชักจะต้องตาเกินไปแล้ว!
หากตัวเธอเองได้ครอบครอง และโบกสะบัดมัน ก็คงจะดูเท่ไม่น้อยเลย
“ดาบยาวของเจ้ามันยอดเยี่ยมไปเลย! เจ้าพอจะแลกเปลี่ยนมันกับเราได้หรือไม่?”
ลอร่าถามด้วยน้ำเสียงเจรจา
“สิ่งนี้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ สำหรับกระหม่อมแล้ว ดาบก็เหมือนอุปกรณ์ไว้ใช้หากิน” กู่ฉิงซานอธิบาย
“งั้นเราจะแสดงสิ่งประดิษ์ฐ์เทวะบางอย่างให้เจ้ารับชมดูดีไหม? เผื่อว่าเจ้าจะได้ลองคิดเกี่ยวกับมันอย่างรอบคอบอีกครั้ง”
“ไม่แลกพะยะค่ะ หากเป็นคนอื่นไล่บี้ถามกระหม่อมแบบนี้ กระหม่อมคงใช้ดาบเล่มนั้นแทงมันไปแล้ว” กู่ฉิงซานยื่นมือไปดีดหน้าผากของล่อร่าเบาๆ และกล่าวด้วยรอยยิ้ม
แต่เมื่อครู่นี้เขาพูดจริงๆนะ ถ้ามีใครอยากได้ดาบของเขา เขาก็จะมอบดาบเล่มนั้นให้โดยการแทงเข้าใส่มันแทน!
อย่างไรก็ตาม ลอร่าเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เธอมิได้มีความปรารถนาในมันเช่นนั้น เธอเพียงแค่รู้สึกนึกสนุกก็เท่านั้นเอง
นอกจากนี้ เธอก็ยังเด็กเกินกว่าที่จะทราบความหมายเกี่ยวกับแก่นแแท้ของผู้ฝึกดาบ ดังนั้นกู่ฉิงซานจึงไม่คิดเล็กคิดน้อยอะไรกับสิ่งที่เด็กอย่างเธอกล่าวมา
“ก็ได้ๆ เจ้าคนตระหนี่เอ๊ย”
ลอร่ากุมหน้าผากของเธอ บ่นด้วยความหงุดหงิด
แล้วทั้งสองก็ทะลุผ่านช่องว่างไป
พวกเขาเข้าสู่โลกที่ถูกทิ้งไว้โดยเทพบรรพกาล
บนท้องฟ้าสูง
ไร้ซึ่งแรงลมใดๆ
มีเพียงความเงียบงันที่อยู่โดยรอบ
ภายใต้ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่จะสามารถมองเห็นเมืองหลายเมืองที่อยู่ห่างไกลกันออกไป
เมืองเหล่านี้เปล่งแสงสีฟ้าอ่อน คล้ายกับว่ามันทำมาจากผลึกน้ำแข็งโดยสมบูรณ์ แต่ในชั้นอากาศกลับไม่มีร่องรอยของความเย็นเลย
กู่ฉิงซานโบกดาบยาวของเขา และยกเลิกพลังศักดิ์สิทธิ์ ข้ามผ่านมหาสมุทร
แล้วชั้นเปลือกน้ำแข็งที่อยู่เบื้องหลังก็ปิดลงทันที
ลอร่าหดตัวเข้าไปในอ้อมอกของกู่ฉิงซาน ขณะเดียวกันก็เอาชั้นผ้าสีดำขึ้นมามัดปิดดวงตาของเธอ
“พวกเราจะสามารถลงไปเร็วกว่านี้หน่อยจะได้ไหม มันสูงเกินไป เรากลัวนะ”
“แต่อย่างน้อยฝ่าบาทก็รู้จักหาวิธีรับมือกับมัน ต่างจากเมื่อก่อน”
“ผู้ใหญ่มักจะต้องถูกบีบบังคับให้เผชิญกับสิ่งที่ตนหวาดกลัวอยู่เสมอ ฉะนั้นการที่เรามีวิธีจัดการกับมันบ้าง จะไปแปลกอะไร?”
“ถือว่าเป็นพัฒนาการที่ดีนะฝ่าบาท” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ กระหม่อมจะเร่งลงไปโดยเร็วที่สุด”
ว่าจบ เขาก็เลือกเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด และวูบบบบ! มุ่งลงไปเต็มกำลัง
ความว่องไวของเขาน่ะรวดเร็วเป็นอย่างมาก เมื่อประจวบกับการใช้ย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้วเป็นครั้งคราว ระยะทางที่ไกลก็เลยดูแคบลงไปทันตา
เกือบจะในทันที เท้าของกู่ฉิงซานก็สามารถแตะลงบนพื้นดินได้อย่างอ่อนโยน
“เรียบร้อย” กู่ฉิงซานหันไปมองรอบๆและกล่าว
“อ๋า? ทำไมถึงได้เร็วจังเลย?” ลอร่าอุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ลอร่าถอดผ้าปิดตาสีดำออก และถอนหายใจเบาๆ “รู้สึกดีจริงๆที่ได้เห็นพื้นดินอีกครั้ง”
เธอกระโดดลงจากอ้อมแขนของกู่ฉิงซาน และเหยียบลงบนพื้น
พื้นดินช่างแข็งกระด้างและหนาแน่น แต่มันกลับเป็นสีฟ้า
เมื่อมองไกลออกไปสุดสายตา จะเห็นว่าเมืองทั้งเมืองไม่ได้ทำมาจากน้ำแข็ง
แสงสีฟ้าจางๆที่เห็นจากบนท้องฟ้า แท้จริงแล้วเป็นวัสดุที่เหมือนกันกับแก้วเคลือบสี ส่งผลให้ตัวเมืองทั้งหมด เปล่งแสงสีน้ำเงินน้อยๆออกมา
ตำแหน่งที่กู่ฉิงซานเลือก เป็นจุดที่ห่างไกล อยู่เกือบสุดขอบของตัวเมืองทั้งหมด นอกจากนี้ ช่วงเวลานี้ยังเป็นกลางคืน ดังนั้นจึงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆอยู่โดยรอบ
แต่เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย บวกกับที่เคยได้สัมผัสกับมาตรการป้องกันของเทพบรรพกาล ส่งผลให้กู่ฉิงซานยังคงไม่ลดความระแวงลง เขาระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง ตนจึงไม่คิดปล่อยจิตสัมผัสเทวะครอบคลุมทั้งเมืองไปเลยตรงๆ
ลอร่าหันไปมองรอบๆ
อืม …
ไม่ใกล้ไม่ไกลเธอ มีชายและหญิงสองคนกำลังกอดกันอยู่
พวกเขาทั้งสองคนดูเด็กมาก และมีรูปร่างไม่แตกต่างไปจากมนุษย์ปกติธรรมดาเลย ยกเว้นก็แต่สีผิวของทั้งสองที่เป็นสีฟ้าอ่อน
ลอร่าจึงรีบหันกลับไปอีกทางทันที และตะโกนอย่างเร่งรีบ “ขออภัยด้วย! เราไม่ทันสังเกต เลยวิสาสะขัดจังหวะพวกท่านโดยไม่รู้ตัว นี่ถือว่าเสียมารยาทจริงๆ ”
แต่กู่ฉิงซานกลับยังคงจ้องมองทั้งสองที่กอดกันอย่างเงียบๆ มิคิดเบนสายตาหลบใดๆ
แต่เดิม เขาสังเกตเห็นทั้งสองคนตั้งนานแล้ว และตั้งใจที่จะเข้าไปพูดคุยกับอีกฝ่าย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่จำเป็นแล้ว
กู่ฉิงซานค่อยๆอุ้มลอร่าขึ้นมาอย่างเงียบๆ
ในขณะเดียวกัน ดาบบินทั้งสามก็ปรากฏขึ้นเบื้องหลังเขาในความว่างเปล่า เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?”
ลอร่าที่เห็นท่าทีของเขา เธอก็เริ่มรู้สึกประหม่า
“พวกเขาตายไปแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว
“ตายหรอ?”
ลอร่าชะงักไป แล้วจึงค่อยเพ่งสายตามองทั้งสองอย่างรอบคอบ
เห็นแค่เพียงทั้งสองกำลังกอดกันด้วยความสิ้นหวัง บนใบหน้าเด่นชัดถึงความหวาดกลัว
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคงรู้แล้วว่าโชคชะตาใดจะที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปกับพวกเขา
“รู้สึกว่า … จะมีบางอย่างไม่ถูกต้อง”
เพียงแค่เอ่ยปาก กู่ฉิงซานก็ต้องขมวดคิ้ว
เพราะในการรับรู้ทางจิตวิญญาณ(ลางสังหรณ์)ของเขา จู่ๆก็มีเงาทะมึนปรากฏขึ้น
ในอดีต หากภายในการรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขาปรากฏถึงสิ่งใดที่คล้ายคลึงกับประเภทนี้เกิดขึ้นมา -ไม่เป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่ มันก็เป็นวิกกฤตร้ายแรงถึงชีวิตและความตาย!
มองไปยังสองศพที่กอดกันเกลียว ในหัวใจของกู่ฉิงซานก็เริ่มระแวดระวังมากขึ้น มากขึ้น
แบบนี้ชักจะไม่ดีแล้ว-
เขาตบลงในถุงสัมภาระโดยไม่ลังเล และหยิบดิสก์ค่ายกลออกมา
นี่คือดิสก์ค่ายกลจากโลกล่องเวหา มันเป็นดิสก์ค่ายกลระดับสูงที่อยู่ในห้องลับของนิกายกวงหยาง ที่ถูกเก็บรักษาไว้โดยหวังหงษ์เต๋า
ซึ่งในโลกล่องเวหา นับว่าเป็นการเก็บเกี่ยวครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของกู่ฉิงซาน เพราะเขาได้ฉกของดีจากในห้องลับนิกายมาจนหมดเกลี้ยง!
แน่นอน ว่ารวมไปถึงระดับการจัดวางค่ายกลของเขาด้วย
เพื่อที่จะสร้างดิสก์ค่ายกลรับส่งระหว่างสองโลก แล้วหลบหนีออกมา กู่ฉิงซานจึงทำการเรียนรู้เทคนิคค่ายกลจากในใบหยกจนเขาสามารถทะยานขึ้นมาสู่จุดสูงสุดของโลกใบนั้นได้เลยโดยตรง
ดังนั้นด้วยระดับการจัดวางค่ายกลในปัจจุบันของกู่ฉิงซาน ส่งผลให้ดิสก์ค่ายกลที่หยิบมานี้ การจะเปิดใช้งานมันจึงง่ายดายราวกับของเด็กเล่น
ด้วยมือของเขาที่พรมลงอย่างรวดเร็วบนตัวดิสก์ ในไม่ช้า เขาก็สามารถจัดวางค่ายกลป้องกันในระยะหลายสิบเมตรได้อย่างรวดเร็ว
ทันทีหลังจากนั้น เขาก็จัดวางค่ายกลป้องกันสัตว์อสูร , ค่ายกลป้องกันเผ่ามาร , ค่ายกลป้องกันดาบบิน , ค่ายกลป้องกันเทคนิคมนตรา ค่ายกลต่อต้านพลังศักดิ์สิทธิ์ และค่ายกลยับยั้งวิญญาณร้าย
ในโลกล่องเวหา ทุกชนนิดของค่ายกลป้องกันระดับสูง ถูกจัดวางลงทั้งหมดโดยเขา
ยกเว้นไว้แต่เพียงเฉพาะค่ายกลอำพราง
ภายใต้การจัดการของกู่ฉิงซาน แสงสวรรค์เรืองรองก็ส่องสว่างบนดิสก์ค่ายกล คล้ายเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ สาดชั้นแสงงดงามปกคลุมรอบทิศทาง
“มันสะดุดตาเกินไปนะ แบบนี้มันง่ายต่อการดึงดูดความสนใจ” ลอร่าเร่งเตือนด้วยความกังวล
“เดิมทีกระหม่อมตั้งใจที่จะสำรวจโลกใบนี้อย่างช้าๆ” กู่ฉิงซานยังคงจัดตั้งค่ายกล ปากฝืนยิ้มอธิบายออกมา “แต่อันดับแรก ตอนนี้คงต้องให้ความสำคัญกับชีวิตก่อน เรื่องอื่นๆเอาไว้ทีหลัง”
ลอร่าพอได้ฟังก็ตกใจ
เพราะเธอไม่เพียงจ้องมองการเคลื่อนไหวของกู่ฉิงซาน แต่ยังสังเกตเห็นถึงลางไม่ดีในน้ำเสียงของเขาอีกด้วย!
ในที่สุด ชั้นค่ายกลทั้งหมดก็ถูกจัดตั้ง
กู่ฉิงซานยืนอยู่ใจกลางค่ายกล เริ่มใช้สัมผัสรับรู้อย่างเงียบๆ
เพียงไม่นาน เขาก็หันมองไปยังทิศทางหนึ่ง เป็นความว่างเปล่าที่อยู่ห่างออกไป 20 เมตรในทันใด
นั่นคือหนึ่งในชั้นค่ายกลที่ดีที่สุด ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อยับยั้งวิญญาณชั่วร้าย!
“เป็นผู้ใดที่มาเยือน?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
บังเกิดลมกรรโชก
ทว่าไม่มีใครตอบคำถามของเขา
แล้วจู่ๆค่ายกลยับยั้งวิญญาณร้ายก็ระเบิดกลุ่มก้อนแสงสดใสออกมา
ซึ่งนั่นหมายความว่าค่ายกลป้องกันกำลังเริ่มบีบอัดอย่างรุนแรง!
-มีบางอย่างต้องการที่จะทะลุผ่านค่ายกล ตรงเข้ามายังใจกลาง!
“นั่นมันบ้าอะไรกัน!?” ลอร่าสูญเสียเสียงของเธอ
เห็นแค่เพียงในความว่างเปล่าที่โปร่งใส สัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ค่อยๆปรากฏตัวออกมา
กะโหลกของมันมีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับบ้านห้าชั้น และกำลังถูกบีบอัดอย่างหนักหน่วงอยู่ภายในค่ายกลยับยั้งวิญญาณร้าย แต่มันก็ยังคงพยายามที่จะฝ่าเข้ามา
ห่างออกไปจากค่ายกล กู่ฉิงซานสามารถมองเห็นถึงขนสีเขียวยาวเหยียด เขี้ยวแหลมคม และใบหน้ากระดูกที่สลักไปด้วยอักษรรูนอันประหลาดตา
สัตว์ประหลาดผีจ้องมองมายังกู่ฉิงซานด้วยคู่ดวงตาสีดำลึก
“เปรี๊ยะ!”
ทันใดนั้นค่ายกลยับยั้งวิญญาณร้ายก็ระเบิดออกทันที
คิ้วของกู่ฉิงซานยกสูงขึ้น สองมือของเขาพรมลงบนดิสก์ค่ายกลอย่างต่อเนื่อง
ฝุบ ฟิ้ว ฟิ้ว!
ระหว่างช่วงเวลาเดือดพล่าน เขาก็ได้จัดตั้งค่ายกลยับยั้งวิญญาณร้ายซ้อนทับกันลงไปถึงสามครั้ง!
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีสิ่งนี้แล้ว แต่กู่ฉิงซานก็ยังคงไม่หยุดมือ สร้างค่ายกลต่อไป
นี่มันน่าแปลกจริงๆ
ค่ายกลอื่นๆที่ถูกจัดวาง ไม่มีการตอบสนองอะไรเลย ยกเว้นไว้เพียงค่ายกลยับยั้งวิญญาณร้ายที่สามารถขัดขวางมันได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น!
เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ดังกล่าว กู่ฉิงซานเร่งจัดวาง36 ค่ายกลยับยั้งวิญญาณร้ายลงในพื้นที่นี้ภายในลมหายใจเดียวทันที!
สัตว์ประหลาดผีพึ่งจะทะลวงค่ายกลมาได้ และกำลังจะวิ่งเข้าหากู่ฉิงซาน แต่ก็ถูกขัดขวางไว้ด้วยค่ายกลเดิมอีกรอบในฉับพลัน
เจ้าผีร้ายพอถูกขัดขวางซ้ำๆ มันก็แสดงท่าทีโกรธเกรี้ยวป็นอย่างมาก
และแล้วสิ่งที่ไม่น่าคาดคิดก็เกิดขึ้น มันเริ่มที่จะอ้าปากกว้าง และทำการงับ! ฉีดกัดค่ายกลทิ้งไปทั้งๆอย่างงั้น!