ตอนที่ 862 คุณก็รู้ว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของผม

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

เฉวียนจื่อเยี่ยถูกแฉว่ามีน้องสาวลับๆ ทั้งยังถูกเปิดเผยว่าเขาอยู่กินกับหลินเฉี่ยนแล้ว

 

 

เมื่อเห็นข่าวที่ออกมาหลินเฉี่ยนก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา เฉวียนจื่อเยี่ยจะสละหน้าที่การงานของเขาเพื่อความรักของพวกเขาหรืออย่างไรกัน

 

 

หลังเดินวนไปมาในบ้านของซิงหลานอยู่ครู่หนึ่ง หลินเฉี่ยนก็ครุ่นคิดถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างหนัก เห็นชัดว่าสายจากถังหนิงได้บอกว่าเธอหนีปัญหามานานเกินไปและมาถึงทางตันแล้ว ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจเสียที

 

 

ในที่สุดซิงหลานจึงคว้าโทรศัพท์ ออกจากบ้านซิงหลานและกลับไปที่ห้องพักของเธอกับเฉวียนจื่อเยี่ย

 

 

ทันทีที่เธอเปิดประตูก้าวเข้ามา เฉวียนจื่อเยี่ยก็กำลังนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อนพลางมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง หลินเฉี่ยนกระแอมในลำคอก่อนเอ่ยกับเขา “เราตกเป็นพาดหัวข่าวกันแล้ว นายไม่กังวลอะไรเลยเหรอไง”

 

 

“เฉี่ยนเฉี่ยน เธอตัดสินใจหรือยังล่ะ” เฉวียนจื่อเยี่ยถามกลับโดยไม่ได้ตอบคำถามของเธอ ขณะที่หันมาจ้องมองหลินเฉี่ยน

 

 

หลินเฉี่ยนนิ่งค้างไปชั่วครู่ แต่สุดท้ายก็ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามอีกฝ่าย “เมื่อก่อนฉันบอกไม่ได้ว่าฉันรู้สึกกับนายเพราะเราเป็นครอบครัวเดียวกันหรือเพราะรักนายกันแน่ แต่เมื่อคืนฉันก็รู้ตัวเองแล้ว…

 

 

“พี่ชาย นายตามตื๊อฉันมาหลายปีและฉันก็คอยหลบหน้านายมานาน มันยังไม่ใช่คำตอบที่ชัดเจนอีกเหรอ ตอนฉันยังเด็กฉันอาจจะสนใจนายบ้าง แต่หลังจากผ่านความเจ็บปวดที่แม่ของนายมอบให้ฉัน ความรู้สึกนั้นมันก็ไม่หลงเหลืออยู่เลย…

 

 

“นายคอยล้ำเส้นเข้ามาอยู่เรื่อย ทำให้ฉันสงสัยว่าความรู้สึกที่ฉันมีให้นายคือความรักหรือเปล่า แต่หลังจากข่าวที่ออกมาเมื่อคืน ถังหนิงเตือนให้ฉันรู้ว่าถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจแล้ว เอาจริงๆ ฉันรู้สึกว่าฉันควรอยู่ข้างนาย แต่เสียงลึกๆ ในใจฉันก็บอกว่าไม่อาจทนได้…

 

 

“ฉันคิดว่ารักแท้มันไม่ได้เป็นเรื่องของการยอมทน ถ้าฉันยังมีความอึดอัดในใจอยู่บ้าง ฉันว่าความสัมพันธ์นี้คงไปได้ไม่รอดหรอก

 

 

“ฉันว่าถึงเวลาที่ต้องทำให้เรื่องระหว่างเราชัดเจนสักที นายควรคิดเรื่องนี้ให้ดีๆ สุดท้ายไห่รุ่ยจะช่วยเราแก้ข่าวเอง ถ้านายชอบห้องนี้ฉันจะยกให้นาย” พูดจบหลินเฉี่ยนก็ไม่ได้หันกลับมามองเฉวียนจื่อเยี่ยอีก พร้อมลุกขึ้นจากโซฟาและกลับไปเก็บเสื้อผ้าที่ห้องของตัวเอง

 

 

คำพูดที่ซิงหลานทิ้งไว้ดังก้องในใจหลินเฉี่ยน

 

 

หากเธอปล่อยมือจากเฉวียนจื่อเยี่ย จะได้เจอคนสักคนที่ดีกว่าหรือเปล่า

 

 

คำตอบนั้นยังคลุมเครือ แต่คนที่กำลังจะได้พบเจอในอนาคตอาจเป็นรักแท้ของเธอก็ได้

 

 

เธอเชื่อว่าการรักใครสักคนหมายความว่าเธอจะยินดีที่จะเสียสละทุกอย่างเพื่อเขา ไม่ใช่สิ่งที่เธอรู้สึกกับเฉวียนจื่อเยี่ย เพราะในท้ายที่สุดคุณนายเฉวียนก็จะเป็นอุปสรรคที่เธอไม่อาจข้ามผ่านไปได้

 

 

เฉวียนจื่อเยี่ยมองหลินเฉี่ยนเก็บกระเป๋าและเดินจากไปพร้อมแขนที่ทิ้งลงข้างตัว

 

 

“ในที่สุดเธอก็สั่งลงดาบฉันแล้วสินะ”

 

 

เฉวียนจื่อเยี่ยไม่อาจอธิบายความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ได้ มันแขวนบนฟางเส้นสุดท้าย… ราวกับทุกอย่างในโลกใบนี้กลับกลายเป็นไม่มีความหมาย

 

 

ทว่า…จบลงแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

 

 

หากหลินเฉี่ยนไม่ได้รักเขาจริงๆ และเขาเป็นฝ่ายที่บังคับให้เธอต้องอยู่ข้างๆ เขารู้ว่ามันคงโหดร้ายกับเธอเกินไป

 

 

หลังจากนั้นหลินเฉี่ยนจึงต่อสายหาถังหนิง “พี่หนิงคะ ช่วยแก้ข่าวให้เฉวียนจื่อเยี่ยด้วยนะคะ”

 

 

“เธอตัดสินใจแล้วเหรอ เธอจะปฏิเสธว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกันเหรอ” ถังหนิงถามขึ้นอย่างประหลาดใจ แม้จะรู้มาตลอดว่าหลินเฉี่ยนไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งกับเฉวียนจื่อเยี่ยก็ตาม แต่เธอเป็นคนหัวอ่อนมานาน เธอจึงคิดว่าหลินเฉี่ยนจะยอมรับเขาเสียอีก

 

 

“แน่นอนว่าฉันจะปฏิเสธค่ะ ความสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บนการยอมทนมันเหนื่อยเกินไปค่ะ” หลินเฉี่ยนตอบ “อีกอย่างฉันเองไม่ได้อยากจะรีบมีคนรัก ตอนนี้ฉันให้ความสนใจกับจู้ซิงมีเดียมากกว่าค่ะ”

 

 

“โอเค ถ้างั้น…เราจะทำตามที่เธอต้องการแล้วกัน” ถังหนิงไม่ได้เอ่ยขัด “แต่อย่าเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองก็แล้วกัน”

 

 

“ฉันจะไม่เสียใจแน่นอนค่ะ”

 

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ไห่รุ่ยจะออกมาเคลื่อนไหว เฉวียนจื่อเยี่ยก็ได้ออกมาชี้แจงเหตุการณ์ทั้งหมด เขายอมรับว่าตัวเองมีน้องสาวแต่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหลินเฉี่ยน ทั้งยังกล่าวว่าเขาไม่ได้อยู่กินกับหลินเฉี่ยนและพวกเขาเป็นเพียงเพื่อนบ้านกันเท่านั้น

 

 

เขาเข้ามาใกล้ชิดเธอเพื่อปกป้องเพราะเธอได้รับบาดเจ็บเมื่อไม่นานมานี้

 

 

สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นที่งานเลี้ยงวันเกิดพ่อของเขา เขายอมรับว่าเป็นการพูดเล่นกับทุกคนเพราะแม่ของเขาพยายามจับคู่กับผู้หญิงที่เขาไม่ได้ชอบ เขาจึงตัดสินใจใช้หลินเฉี่ยนเป็นข้ออ้าง

 

 

แม้ว่าคำชี้แจงของเฉวียนจื่อเยี่ยจะยังคงคลุมเครือ แต่สุดท้ายเขาก็ประกาศข่าวที่ใหญ่กว่าในเวลาต่อมา

 

 

เขาตัดสินใจถอนตัวจากวงการบันเทิงเป็นการชั่วคราว

 

 

นี่คือสิ่งที่ทั้งหลินเฉี่ยนและไห่รุ่ยนึกไม่ถึง

 

 

ทำไมสมัยนี้ศิลปินถึงได้ถอนตัวจากวงการทุกครั้งที่เกิดเรื่องกันเป็นว่าเล่น

 

 

หลังจากทำการชี้แจง เฉวียนจื่อเยี่ยก็ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ต่อ ส่วนเรื่องอนาคตของเขาหรือวางแผนอะไรเอาไว้อยู่ ไม่มีใครล่วงรู้คำตอบได้

 

 

แน่นอนว่าหลังจากเฉวียนจื่อเยี่ยแถลงข่าวเสร็จ เหล่านักข่าวรู้ว่าไม่จำเป็นที่จะตามติดคนที่ทำงานเบื้องหลังอย่างหลินเฉี่ยนอีกต่อไป

 

 

อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองยังคงชวนให้นักข่าวคาดเดาไปต่างๆ นานา

 

 

 

 

“ฉันคิดว่าคุณจะตกลงคบกับเฉวียนจื่อเยี่ยซะอีก ถึงยังไงพวกคุณก็มีความรู้สึกต่อกันมานาน แต่ฉันนึกไม่ถึงว่าคุณจะปฏิเสธเขาอย่างนั้นเลยค่ะ ย้อนกลับไปตอนที่คุณถูกทำร้าย เขาฝ่าไฟแดงและรีบมาหาที่โรงพยาบาลทั้งรองเท้าแตะเลยนะคะ!” ซิงหลานเอ่ย

 

 

“เชื่อฉันเถอะค่ะ ฉันอยากให้เขามีความสุขมากกว่าใคร แต่ฉันตอบแทนเขาอย่างที่เขาทำให้ฉันไม่ได้จริงๆ ”

 

 

“เอาเถอะค่ะ คุณคิดว่าฉันไม่เข้าใจคุณเหรอ คุณนี่มันใจแข็งจริงๆ …” ซิงหลานตบบ่าหลินเฉี่ยนคล้ายบอกว่าไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้น “คุณอยากให้ฉันแนะนำหนุ่มๆ ให้คุณไหมคะ ลูกพี่ลูกน้องของฉันเป็นไง ถึงฉันจะเคยเจอเขาแค่ครั้งเดียวแต่ก็ได้ยินมาว่าตอนนี้เขาเป็นทหารอยู่และเท่สุดๆ ไปเลยล่ะค่ะ…”

 

 

“ไปๆ ไปได้แล้วค่ะ… กลับไปซ้อมได้แล้ว คุณยังมีการประกวดที่ต้องเข้าแข่งขันอยู่ไม่ใช่เหรอคะ” หลินเฉี่ยนไม่ได้คาดหวังว่าจะมีความรักในตอนนี้

 

 

ซิงหลานหัวเราะก่อนออกไปที่ห้องซ้อม ทิ้งให้หลินเฉี่ยนถอนหายใจกับตัวเองอยู่เพียงลำพังในห้องทำงาน

 

 

เดิมทีเธอตั้งใจจะโทรหาผู้จัดการของเฉวียนจื่อเยี่ยเพื่อถามว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง แต่ในเมื่อเธอตัดสินใจลงไปแล้วจึงไม่อาจเป็นห่วงเรื่องของเขาได้อีกต่อไป หากเธอทำเช่นนั้นผู้คนคงจะหัวเราะเยาะเธอเป็นแน่

 

 

ตลอดช่วงชีวิตนี้เธอติดค้างกับเฉวียนจื่อเยี่ยมากมายเหลือเกิน

 

 

หนทางเดียวของเธอคือการชดใช้ให้เขาในชาติหน้า…

 

 

 

 

ช่วงที่ถังหนิงได้ทุ่มเทตัวเองให้กับการสร้างหนังไซไฟโดยผู้กำกับเฉียว เรื่องของหลินเฉี่ยนก็เพิ่งเริ่มเข้าที่เข้าทาง เพราะซย่าหันโม่ยังออกท่องเที่ยวในต่างประเทศอยู่ หลินเฉี่ยนจึงตัดสินใจเข้ามาช่วยเธอ

 

 

ในขณะที่หลงเจี่ยรับหน้าที่จัดการเรื่องต่างๆ ให้กับลัวเซิงต่อไป ด้วยการตั้งใจทำงานของลัวเซิง ฝีมือของเขาจึงพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดและเป็นที่พูดถึงในวงการ ตอนนี้เขาเรียนรู้ที่จะเจรจาคุยงานด้วยตัวเองได้แล้ว

 

 

ในด้านการทำงานหญิงสาวทั้งสามคนต่างจัดการได้ดี แต่ทว่าเมื่ออยู่ที่บ้านหลงเจี่ยกำลังประสบพบเจอกับปัญหา

 

 

เธอได้รับข่าวจากคุณนายลู่ว่าการทำเด็กหลอดแก้วได้เตรียมการไว้พร้อมแล้วและลู่เช่อกำลังจะมีลูกชาย

 

 

แม้ว่าหลงเจี่ยจะรู้ว่าไม่ใช่ลูกของลู่เช่อ หากแต่การได้ยินคุณนายลู่เอ่ยเช่นนั้นก็ยังทำให้เธอไม่สบอารมณ์นัก

 

 

“ฉันคิดว่าแม่นายคงไม่ได้คิดอะไรมาก นอกจากคิดว่าถ้ามีลูกชายแล้วนายจะกลับมาเชื่อฟังเธออีก เธอคงจะใช้เด็กมาต่อรองกับคุณแน่ๆ ”

 

 

“คุณก็รู้ว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของผม” ลู่เช่อตอบกลับ “หลังจากเขาเกิดมาเดี๋ยวก็จะมีใครบางคนมาอ้างสิทธิ์ในตัวเด็กเองแหละครับ”