เมื่อได้ยินคำพูดของสาวใช้เยี่ยเฟิงก็ค่อยๆขยับตาหันข้าง

ฮูหยินผู้นั้นพลัดพรากจากลูกชายแท้ๆเป็นเวลาสิบแปดปี เขาก็พลัดพรากจากพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเป็นเวลาสิบแปดปี เป็นไปได้ไหมว่านางเป็นท่านแม่ของเขา?

มองดูฮูหยินผู้นั้นอีกครั้ง มารยาทสง่างามพูดจาดีแม้ว่าจะอายุมากแต่บนใบหน้าดูแลรักษาได้อย่างดี เหตุใดถึงดูไม่เหมือนราษฎรทั่วไปที่ยากจนข้นแค้น

ฮูหยินสูงศักดิ์เช่นนี้จะเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของเขาได้อย่างไร

เยี่ยเฟิงยิ้มเบาๆ

เขาคิดถึงพ่อแม่จนราวกับภูตผีสิงเข้าซะแล้ว

อัครมเหสีฉู่เจ็บปวดในแววตาความโศกเศร้าแว๊บผ่านไป “ในตอนนั้นหลินเอ๋อร์ของข้าถูกคนอุ้มตัวไปนอกเมืองชิงหง ท่านราชครูเคยบอกว่าต้องการหาตัวหลินเอ๋อร์ของข้ากลับคืนก็ต้องมาจุดธูปอธิษฐานที่วัดไป๋อวิ๋น ท่านราชครูเชี่ยวชาญวิชาห้าธาตุแปดทิศ หยั่งรู้อดีตและอนาคต เขาไม่มีทางโกหกข้าเป็นแน่”

“แต่ว่าท่านมาจุดธูปที่นี่ทุกๆปี ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ยิ่งมาสวดมนต์อธิษฐานอยู่ที่วัดไป๋อวิ๋นทุกวัน ไม่ใช่ว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบนายน้อย”

เมื่อคิดถึงเรื่องราวในอดีตแววตาของซิ่งเอ๋อร์ก็แดงขึ้น

ตั้งแต่นายน้อยถูกคนอุ้มตัวไปฮองเฮาก็คิดถึงทุกวี่วัน ยามค่ำคืนนั้นนอนไม่หลับ ในช่วงสิบปีแรกมาอาศัยอยู่ที่วัดไป๋อวิ๋นทุกวันเพื่อสวดมนต์เพียงเพื่อเพิ่มผลบุญให้กับนายน้อยให้แม่ลูกได้กลับมาพบกันในเร็ววัน

ต่อมาฝ่าบาทเห็นว่าฮองเฮาซูบผอมลงทุกวันจึงได้บังคับให้นางกลับบ้านเมือง แต่พระองค์ยังคงยืนกรานที่จะมาจุดธูปที่นี่ทุกปีและอาศัยอยู่เป็นเวลาหนึ่งเดือนเพียงเพื่อรอคอยนายน้อย

ฝ่าบาทและฮองเฮาทำทุกสิถีทางเพียงเพื่อตามหานายน้อย พวกพระองค์เป็นจักรพรรดิและราชินีแห่งรัฐฉู่ซึ่งสูงส่งนิ่งนัก แต่พวกพระองค์สิบแปดปีมานี้เพียงทานเจไม่ทานเนื้อ เช่นนี้ยังไม่สามารถแลกเปลี่ยนความมีเมตตาจากพระพุทธองค์มาได้แม้แต่น้อย

อัครมเหสีฉู่ด้านหนึ่งจุดธูปอีกด้านหนึ่งตรัสว่า “บางทีหลินเอ๋อร์อาจจะปรากฏตัวในไม่ช้านี้”

พระนางปลอบใจตนเองเช่นนี้ทุกครั้ง

แต่พระนางไม่รู้ว่าจะสามารถปลอบใจตนเองได้นานเท่าใด

หลายปีที่ผ่านมานี้คิดถึงบุตรชายจนเจ็บป่วย พระวรกายของพระนางแต่ละวันไม่เท่าแต่ละวัน หากหลินเอ๋อร์ยังไม่ปรากฏตัวอีกพระนางก็กลัวว่าตนเองจะทนไม่ไหวแล้ว

“ฮูหยิน……”

น้ำตาซิ่งเอ๋อร์ตกลงมาหนึ่งหยดด้วยเสียงสะอื้น ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรทำได้เพียงด่าสาปแช่ง

“ต้องโทษโจรกลุ่มนั้น หากไม่ใช่เพราะพวกเขาบุกปล้นนายน้อยก็คงจะไม่ถูกคนอุ้มตัวไป”

พระพักตร์ของอัครมเหสีฉู่หม่นหมองลง มือที่จุดธูปอยู่ก็สั่นเทาขึ้นเล็กน้อย

ฉากในอดีตเป็นฉากๆได้ท่วมท้นอยู่ในพระทัยของพระนาง

พระนางเป็นธิดาของขุนนางเล็กๆในรัฐเยี่ย จักรพรรดิฉู่มาเยี่ยมนางเป็นการส่วนพระองค์แล้วทั้งสองพระองค์ก็เกิดรักแรกพบ ต่อจากนั้นจักรพรรดิฉู่ไม่สนพระทัยสิ่งใดทั้งสิ้นและไม่ทรงฟังเสียงคัดค้านอภิเษกสมรสให้พระนางเป็นฮองเฮาอย่างเปิดเผย

ในขณะนั้นยังทำให้ทั้งใต้หล้าตกใจกันทั่ว

ต่อมาบิดามารดาของพระนางป่วยหนัก ก่อนเสียชีวิตเพียงแค่ต้องการพบพระนางครั้งหนึ่ง พระนางไม่สนใจตนเองที่ทรงครรภ์แปดเดือนยืนกรานที่จะกลับรัฐเยี่ยเยี่ยมพวกเขา

การเดินทางอันยาวนาน ขณะที่เพิ่งมาถึงเมืองชิงหงก็ตกใจที่ได้รับข่าวการเสียชีวิตของบิดามารดา

พระนางทรงเศร้าโศกเสียพรพระทัยเกินกำลังจึงคลอดก่อนกำหนดและยังถูกโจรปล้นชิง องครักษ์ข้างกายจำนวนมากถูกฆ่าตายหมด

บุตรผู้น่าสงสารของพระนางท่ามกลางความโกลาหลนั้นถูกแย่งตัวไป

โทษพระนาง……

โทษพระนางทั้งสิ้น

หากมิใช่เพราะพระนางยืนกรานที่จะกลับรัฐเยี่ย ลูกของพระนางก็คงจะไม่ถูกคนชิงตัวไป

หลังจากการสอบสวนโจรเหล่านั้นก็แค่ได้รับคำสั่งจากผู้อื่น แต่ว่าผู้ร้ายเบื้องหลังตัวจริงกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีร่องรอยเลย

เมื่อนึกถึงว่าลูกตนเองเป็นตายไม่ชัดแจ้งและอาจจะต้องทนทุกข์กับการถูกกลั่นแกล้งอย่างไร้มนุษยธรรม พระทัยของอัครมเหสีฉู่ก็เจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีด

“ขอโทษด้วย เป็นซิ่งเอ๋อร์ที่พูดผิดไป ฮูหยินท่านมีศรัทธาจริงเช่นนี้ พระพุทธองค์จะต้องคุ้มครองท่านให้ค้นนายน้อยพบอย่างแน่นอน”

“อืม”

เยี่ยเฟิงได้ยินคำพูดของพวกเขาแล้วในใจนั้นก็ตื่นตระหนกอย่างอธิบายไม่ถูก

เขาถอนหายใจและเดินจากไปทางประตูใหญ่พระอุโบสถทีละก้าวๆ