“เหยาเหยา”
เพียงนึกว่าเหยาเหยาอาจได้รับบาดเจ็บ ใจเขาร้อนรนดังไฟแผดเผา
แต่ข้างกายยังมีอีกคนที่หมดสติ เขาจึงไม่วางใจควรทำเช่นไรดี
แต่ทันใดนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋พลันได้ยินเสียงกีบม้าดังเข้ามาจึงพลันดีใจ เมื่อหันมองไปจึงพบว่าเป็นพวกตงฟางไป๋
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋พลันอุ้มไซฉีที่หมดสติเข้าไปมอบให้แก่ตงฟางไป๋ที่ลงจากม้า ก่อนรีบร้อนเอ่ยขึ้น
“นางถูกหมีดำทำร้ายบาดเจ็บ เจ้าดูอาการนางหน่อยเถิด ข้าจะไปตามหาเหยาเหยา”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เอ่ยจบ พลันพลิกตัวขึ้นหลังม้าพุ่งไปยังทิศที่เล่อเหยาเหยาหายตัวไป
ในใจร้องภาวนาไม่หยุด
เหยาเหยา เจ้าห้ามเป็นอันใดเด็ดขาด!
…
ตรงข้ามกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่ร้อนใจดุจไฟแผดเผา ขณะเดียวกันอีกฟากหนึ่งของป่า เล่อเหยาเหยาถูกหมีดำตัวใหญ่นั้นไล่ตามจนเหงื่อไหลท่วมตัว
ในใจร้องคร่ำครวญ
คิดไม่ถึงพละกำลังของหมีดำตัวนี้จะมหาศาล ไล่ตามเธออยู่นานไม่ยอมหยุด
ทว่าเล่อเหยาเหยาก็ไม่ได้ต้องการให้หมีดำตัวใหญ่นี้ไล่ตามเธอตลอดเวลา
การที่เธอทำให้หมีดำตัวน้อยเจ็บปวด เพียงต้องการเบี่ยงเบนความสนใจหมีดำตัวใหญ่
ตอนนี้หลังจากเห็นหมีดำตัวใหญ่ถูกเธอเบี่ยงเบนความสนใจสำเร็จ และพวกเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่มีอันตราย เล่อเหยาเหยาพลันนำหมีดำตัวน้อยในอ้อมกอดวางลงบนพื้น
หมีดำตัวใหญ่ที่ไล่ตามเธอ เพียงต้องการลูกมันในมือเธอ เวลานี้เมื่อคืนลูกให้แก่มันแล้ว มันจึงห่วงใยหมีดำตัวน้อย ไม่ไล่ตามติดเธออีก
เห็นชัดว่าเล่อเหยาเหยคาดเดาได้ถูกต้อง
หลังเธอวางลูกหมีดำลง พลันใช้วิชาตัวเบาทะยานห่างออกมา
ส่วนหมีดำตัวใหญ่หลังเห็นเธอวางลูกมันลง แม้ในใจยังคงโมโห แต่กลับเพียงคำรามใส่เล่อเหยาเหยา คล้ายระบายความไม่พอใจ แต่กลับไม่ไล่ตามมาอีก
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น โล่งอกลงในที่สุด
ดวงตาคู่งามเงยขึ้นกลับพบเรื่องน่าเศร้า ตนคล้ายหลงทางแล้ว
รอบด้านคือต้นไม้เขียวชอุ่มและความมืดมิด
และภายใต้ความมืดคล้ายมีกลุ่มดวงตาเขียวขจีจับจ้องเธออยู่ ทำให้เล่อเหยาเหยาหนังศีรษะชาวาบยามเห็น
น่าตายนัก มีหมาป่า!
เธอวันนี้โชคร้ายจริงๆ ไม่ง่ายกว่าจะสะบัดหมีดำทิ้ง ตอนนี้ต้องเจอหมาป่าอีก
เมื่อเห็นดวงตาสีเขียวนั้นยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้น เล่อเหยาเหยาพยายามอย่างสุดกำลัง ใช้วิชาตัวเบากระโดดไปด้านหน้าทันที
เพราะแม้เธอจะมีวรยุทธ์ แต่ตอนนี้ไม่สามารถรับมือกับศัตรูมากมายเช่นนี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้นสัตว์ป่าพวกนี้ล้วนออกล่าเหยื่อกันเป็นกลุ่ม ร่างกายเธอไม่ได้ทำจากเหล็ก จึงจะสามารถเผชิญหน้าต่อสู้กับสัตว์ป่าเหล่านี้
ดังนั้นการหนีจึงถือเป็นยอดกลยุทธ์!
และความเร็วก็ช้าไม่ได้!
พวกสัต์ร้ายเห็นชัดว่าหิวโซ จึงไม่ง่ายที่จะพบเจอเหยื่อ จะปล่อยให้หลุดไปได้เช่นไร!
ดังนั้นป่าอันเงียบงัน จึงเกิดฉากการแข่งขันอันร้อนแรงขึ้น!
ร่างบอบบางพุ่งทะยานไปด้านหน้าไม่หยุด ด้านหลังมีกลุ่มหมาป่าไล่ล่าตามมา!
…
“น่าตายนัก เนื้อบนร่างข้ามีเพียงน้อยนิด เหตุใดจึงไล่ล่าข้าตลอด น่าชังนัก!
เมื่อเห็นกลุ่มหมาป่าไล่ตามเธอทางด้านหลังอย่างไม่ลดละ เล่อเหยาเหยาทั้งจนปัญญาและหงุดหงิด
เพราะเมื่อครู่เพิ่งถูกหมีดำไล่ล่า เธอเสียพลังไปไม่น้อย เวลานี้ยังถูกฝูงหมาป่าไล่ล่าอีก เธอวันนี้เคราะห์ร้ายยิ่งนัก!
เล่อเหยาเหยาพูดไม่ออกมองบนท้องฟ้า
ทว่าเธอทราบดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิดมาก ดังนั้นจึงพยายามออกแรงทะยานไปด้านหน้าไม่หยุด
เมื่อทะยานไปได้ประมาณครึ่งชั่วยาม ในที่สุดเล่อเหยาเหยาก็สะบัดฝูงหมาป่าทางด้านหลังหลุด
เห็นเช่นนั้นเล่อเหยาเหยาโล่งอกเป็นที่สุด
“ฟู่ สวรรค์ เหนื่อยยิ่งนัก!”
เมื่อมองไม่เห็นเงาฝูงหมาป่าด้านหลัง ในที่สุดเล่อเหยาเหยาอดล้มลงบนพื้นไม่ได้ และไม่สนท่าทางนอนแผ่หลาตอนนี้ของตน น่าตื่นตระหนกเพียงใด
กลับกันตอนนี้ไม่มีผู้คนเห็นท่าทางน่าอายของเธอ
เล่อเหยาเหยาพลางนอนพักผ่อนลง พลางขบคิด จึงพักผ่อนชั่วขณะรอพลังฟื้นฟูกลับมา ก่อนส่งสัญญานให้พวกเหลิ่งจวิ้นอวี๋มาหาเธอ
เพราะเธอตอนนี้ เหนื่อยจนไม่มีแรงแม้ขยับปลายนิ้ว
สายลมเย็นพัดเอื่อย
ในป่าตอนกลางคืน มืดมิดน่ากลัวยิ่งนัก
เพราะภายในป่าต้นไม้เขียวชอุ่ม กิ่งก้านแตกแขนงทั่วสารทิศ ต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีปกคลุมท้องฟ้าพื้นดิน บดบังแสงจันทร์ด้านนอกไว้อย่างแน่นหนา เหลือเพียงแสงจันทร์กระจ่างใส และประกายดาวอันริบหรี่สาดส่องลงมาในป่า
โชคดีที่เล่อเหยาเหยาถือคบไฟไว้ในมือ จึงพอมองเห็นสภาพแวดล้อมรอบด้าน
แต่เล่อเหยาเหยาก็ไม่คิดอยู่ที่นี่นาน
เพราะฝูงหมาป่า หมีดำต่างถูกเธอสะบัดหลุดไปแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าภายในป่าไม่มีสัตว์ร้ายชนิดอื่น!
ขณะคิดในใจ ทันใดนั้นเล่อเหยาเหยาได้ยินเสียงประหลาดดังขึ้นมาจากข้างกาย
‘ฟ่อ’ คล้ายมีบางอย่างปรากฏขึ้นมา และกำลังแลบลิ้น
แลบลิ้นหรือ!
สวรรค์ นั่นมิใช่งูกำลังแลบลิ้นหรือ!
เล่อเหยาเหยาพอคิดถึงตรงนี้ ตกใจอย่างหนัก ก่อนภาวนาต่อสวรรค์ไม่หยุด
สวรรค์! ท่านปล่อยสาวน้อยเช่นข้าไปเถิด ตอนนี้ข้าไม่มีเรี่ยวแรงรับเรื่องเหล่านี้ได้อีกแล้ว!
และสวรรค์ทราบดีว่างูคือสิ่งที่เธอหวาดกลัวที่สุด!
หากเปลี่ยนเป็นหมีดำหรือฝูงหมาป่า จะไม่ทำให้เธออกสั่นขวัญแขวนเช่นนี้
ทว่าสำหรับสัตว์เลื้อยคลานเลือดเย็น ไร้แขนขาเช่นนี้ เล่อเหยาเหยาหวาดกลัวสุดชีวิต!
เล่อเหยาเหยาวิตกกังวลในใจ และอ้อนวอนต่อสวรรค์ไม่หยุด อย่าเป็นดังเช่นที่เธอคิดไว้เช่นนั้นเลย
แต่สวรรค์อาจไม่ได้ยินคำอ้อนวอนของเธอ ร่างกายเล่อเหยาเหยาค่อยๆ แข็งทื่อ ก่อนชูคบไฟไปยังที่มาของเสียง เมื่อเห็นงูดำตัวนั้นกำลังเลื้อยผ่านเท้าไป เล่อเหยาเหยาพลันหนังศีรษะชาวาบ!
บิดามันเถอะ คืองูจริงๆ!
เห็นงูสีดำยาวมากกว่าหนึ่งเมตรตัวนี้ แลบลิ้นสีแดงออกมาไม่หยุด แม้เป็นเด็กน้อยอายุสามขวบ ก็รู้ว่านี่คืองูพิษ!
เล่อเหยาเหยาอยากร้องไห้ แต่ไร้น้ำตา เหตุใดวันนี้เธอจึงเคราะห์ร้ายเช่นนี้!
หรือเมื่อครู่เธอไม่ได้ถูกหมีตะปบ ไม่ได้ถูกฝูงหมาป่ากัดทึ้ง สุดท้ายกลับถูกงูพิษกัดจนตาย
เล่อเหยาเหยาวิตกกังวลในใจ หัวใจเวลานี้เต้นอย่างรุนแรง
เสียงหัวใจเต้น ‘ตึกตักตึกตัก’ ในค่ำคืนเงียบสงัดเช่นนี้จึงดังกังวานเป็นพิเศษ
เล่อเหยาเหยาคล้ายรู้สึกว่าเลือดตนเวลานี้ต่างแข็งตัว เธอไม่ขยับตัว เพราะกลัวเพียงเธอขยับ งูพิษนั้นจะกัดเธอจนตาย
เดิมทีเล่อเหยาเหยารู้ว่างูกลัวไฟ ดังนั้นจึงคิดวางคบไฟลง ทำให้งูพิษตัวนั้นตกใจเลื้อยหนีไป
แต่เมื่อเธอเพียงขยับคบไฟในมือ งูพิษตัวนั้นคล้ายคาดเดาแผนการเธอออก จึงพลันชูคอขึ้น จากนั้นดวงตาแดงก่ำของงูจ้องเธออย่างหวาดระแวง จนเล่อเหยาเหยาแทบไม่กล้าหายใจ
สวรรค์!
งูตัวนี้เป็นสายพันธุ์ใดกันแน่ เหตุใดจึงเฉลียวฉลาดขนาดนี้ กระทั่งมองแผนการของเธอออก!
หรือกลายเป็นปีศาจไปแล้ว!
เล่อเหยาเหยาคิดอย่างสยอง สุดท้ายเพียงนอนแข็งทื่ออยู่บนพื้น พร้อมอ้อนวอนอย่างวิตกกังวล เจ้างูเลื้อยผ่านไปเถิด อย่ากัดเธอเลย
ครั้งนี้สวรรค์คงได้ยินคำอ้อนวอนของเธอ
เห็นเพียงงูพิษตัวนั้น หลังจากเห็นเล่อเหยาเหยาไม่ขยับเขยื้อน เพียงหยุดอยู่ตรงปลายเท้าเธอชั่วขณะ ทันใดนั้นหมุนศีรษะเลื้อยไปด้านหน้าอย่างช้าๆ
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น ใจที่หวั่นวิตกจึงค่อยๆ คลายลงในที่สุด
ใบหน้าเล็กงดงามนั้น เวลานี้เต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ตอนนี้เธอไม่กล้าแม้แต่เช็ดมัน!
และเมื่อเห็นงูตัวนั้นเริ่มค่อยๆ ออกห่างจากตนราวหนึ่งเมตร โดยไม่หันกลับมา เล่อเหยาเหยาจึงค่อยๆ ลุกจากพื้นอย่างระมัดระวัง
แต่ทันใดนั้นป่าที่เงียบงันไร้ผู้คน กลับมีเสียงกีบม้าดังเข้ามา พร้อมเสียงตะโกนร้อนรนดุจไฟแผดเผา
“เหยาเหยา เจ้าอยู่ที่ใด เหยาเหยา!”
เป็นอวี๋!
หลังได้ยินเสียงนี้ เล่อเหยาเหยาพลันดีใจ ทันใดนั้นเอ่ยปากตอบกลับไปยังทิศทางนั้นทันที
“อวี๋ ข้าอยู่ที่นี่!”
เอ่ยจบ เล่อเหยาเหยาพลันรีบร้อนลุกยืนขึ้นจากพื้น จากนั้นชูคบไฟในมือดึงดูดความสนใจของเขา ทำให้เขามาทางนี้
ผู้ใดจะรู้ การกระทำนี้ของเล่อเหยาเหยา ไม่เพียงดึงดูดความสนใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ แต่ยังทำให้งูพิษที่คิดจากไปเกิดระแวงขึ้นมา ทันใดนั้นขณะเล่อเหยาเหยาไม่ทันตั้งตัว ร่างดุจลูกศรพุ่งก็เข้ามาทางเธอ
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น กลับพลันสูดลมหายใจ สิ่งแรกที่ทำคือถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว
แม้เธอเคลื่อนไหวรวดเร็ว ทว่างูพิษตัวนั้นกลับเคลื่อนไหวเร็วกว่าเธอหนึ่งก้าว!
เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงเจ็บแปลบที่ขา จึงรับรู้ว่าตนถูกงูกัด! ขณะหงุดหงิดกับเรื่องน่าเศร้านี้พบว่าบนโลกนี้ไม่มีเรื่องน่าเศร้า มีเพียงโศกนาฏกรรมอันแสนเศร้า!
เพราะเมื่อครู่ขณะหลบงูพิษตัวนั้น เธอสนใจเพียงถอยหลังออกไป จึงไม่รู้ว่าด้านหลังเธอกลับเป็นที่ลาดชัน!
เล่อเหยาเหยาหลังจากถูกงูพิษกัด ความเจ็บปวดบนเท้ายังไม่ทันกำเริบ เธอรู้สึกเพียงร่างกายโอนเอียง สูญเสียความสมดุล ก่อนล้มลงไปทางลาดชันด้านหลัง
ทันใดนั้นเล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงสมองขาวโพลน คิดสิ่งใดไม่ออก
ขณะที่เธอกำลังจะล้มลงบนที่ลาดชันนั้น คล้ายเห็นชุดสีดำรวดเร็วดุจลมกรด กำลังพุ่งเข้ามาทางเธอ จากนั้นขณะเธอล้มลงพลันถูกร่างอบอุ่นกอดรัดแน่นเอาไว้
อ้อมกอดนี้คุ้นเคยยิ่งนัก กลิ่นกายนี้คือกลิ่นหอมของอำพันทะเล มีเพียงอวี๋ของเธอที่มีกลิ่นนี้
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาไม่รู้เพราะเหตุใดหัวใจไม่มีความหวาดกลัวหลงเหลืออยู่
ดังนั้นจึงไม่สนใจว่าเวลานี้พวกเขาสองคนกำลังกลิ้งลงเนินเขาไม่หยุด เพียงมีอวี๋อยู่ข้างกาย แม้ต้องตาย เธอก็ไม่กลัว!
จนกระทั่งการหมุนกลิ้งอย่างบ้าคลั่งนี้ผ่านไป เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงร่างกายม้วนกลิ้งตลบของตนได้หยุดลงแล้ว