“หึ ข้าไม่อยากคุยเรื่องไร้สาระกับเจ้าในวันนี้” ซิมิพูดพลางระงับความโกรธในใจ “เหอะ เจ้าคิดว่าข้าอยากคุยเรื่องไร้สาระกับเจ้าหรือ เห็นบางคนข้าก็ปวดท้องแล้ว” โจนาธานเหยียดหยามโดยไม่คำนึงถึงเลนนี่เลยสักนิด เขาเดินไปนั่งข้างชีอ้าวชวางและยิ้มอย่างมีความสุข “ชีอ้าวชวาง ไปเลยหรือไม่?”
“เจ้าไปก่อนเลย ข้าจะไปช้าสักหน่อย” ชีอ้าวชวางตอบ นางยังไม่ต้องการการนำทางของเหมาเหมา นางอยากลองดูว่าจะทำได้ด้วยตัวเองตามที่ไดทันส์พูดหรือไม่
“อื้ม งั้นข้าไปก่อนนะ ระวังตัวด้วย” โจนาธานยิ้มและยืนขึ้นมองหนองน้ำที่อยู่ตรงหน้าเขา
หลังจากนั้นไม่นาน โจนาธานก็เขย่งปลายเท้าและกระโดดไปข้างหน้าเบาๆ
เหมาเหมาฮึดฮัดไม่พอใจ มองโจนาธานที่ข้ามไปแต่ไม่กล้าโจมตี เห็นได้ชัดว่าเหมาเหมารู้ดีว่าโจนาธานไม่ใช่คนที่จะเข้าไปยุ่งได้ มันจึงไม่ขึ้นไปยั่วโมโหเขา แต่หันไปมองคนอื่นๆ บนฝั่งแทน
“ไปกันเถอะ” ปีศาจชายพูด จากนั้นก็กระโดดข้ามไปก่อน เวทมนตร์ของเขาถูกปล่อยออกมา สายลมนุ่มนวลกระทบกับก้อนหินเหล่านั้นเพื่อดูว่าหินก้อนใดเป็นของจริงและไม่จริง แต่มันก็ยังอันตราย บางครั้งหินที่เป็นของแข็งชิ้นถัดไปก็อยู่ไกลเกินไป เขาต้องใช้กำลังในการกระโดดข้าม จากนั้นหินที่ต้านทานแรงไม่ได้ก็จมลงอย่างรวดเร็ว และสิ่งปฏิกูลที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงก็พุ่งขึ้นในทันทีจนเกือบแตะฝ่าเท้าของชายผู้นี้อยู่หลายครั้ง
ชีอ้าวชวางมองไปที่เวทมนตร์ที่ชายคนนั้นปล่อยออกมาและเข้าใจมันเป็นอย่างดี สิ่งนั้นทดสอบได้ว่าหินชิ้นไหนเป็นของจริงและชิ้นไหนไม่จริง แต่หินจริงถูกกระทบได้เพียงครั้งเดียวและจมลงทันที ต้านทานพลังครั้งที่สองไม่ได้อีก วิธีนี้คนอื่นๆ ก็ทำตามเขาไม่ได้ เวทมนตร์นี้ความแข็งแกร่งนี้มันช่างแม่นยำจริงๆ ชีอ้าวชวางถอนหายใจ ก้อนหินพวกนี้แม้กระทั่งการโจมตีด้วยเวทมนตร์ลมก็แกว่งไปมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หากการโจมตีด้วยเวทมนตร์อื่นเพื่อข้ามไป กลัวว่าพวกมันจะจมลงไปหมด
ชายอีกสามคนก็เตรียมออกเดินทางโดยใช้วิธีการของตัวเอง เหมาเหมาฮึดฮัดอย่างตื่นเต้น มันว่ายน้ำขึ้นและลงหนองน้ำและไล่ล่า ต่อมาทั้งสามก็ออกเดินทาง
ชีอ้าวชวางยังนั่งอยู่กับที่ไม่ขยับ แต่ยังคงระแวดระวังอยู่ตลอดเพราะนางรู้สึกได้ถึงสายตาที่อยู่ข้างหลัง ไม่จำเป็นต้องคิดก็รู้ว่านั่นคือเลนนี่
ในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็หายไปในหนองน้ำ เสียงดังไม่สิ้นสุดนั้นเห็นได้ชัดว่ามาจากเหมาเหมาจากนั้นก็เป็นคือเสียงพึมพำและเสียงตื่นเต้น
มีเสียงกรีดร้องอย่างรุนแรงดังมาจากระยะไกล
สีหน้าของเลนนี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ตรงหน้านี้ นางกลัวว่าจะมีคนทนต่อการโจมตีของสัตว์ประหลาดไม่ไหวและได้รับบาดเจ็บแต่ไม่น่าจะถึงตายเพราะคนเหล่านี้มีประสบการณ์ และพวกเขาทั้งหมดก็เคยข้ามหนองน้ำนี้ได้มาแล้ว
สายตาของซิมิก้มมองชีอ้าวชวางและก็แอบดีใจ เมื่อครู่เห็นโจนาธานคุยกับผู้ชายผมแดงคนนี้ก็กลัวว่าพวกเขาจะไปด้วยกัน ถ้าพวกเขาอยู่ด้วยกันโจนาธานจะต้องช่วยเขาได้อย่างแน่นอน แล้วตนเองก็จะลงมือไม่ได้ แต่ตอนนี้ผู้ชายผมแดงอยู่ในมือตนเองแล้ว
ชีอ้าวชวางยังไม่ไป ซิมิและเลนนี่ก็ยังไม่ไปเช่นกัน ทั้งสามคนอยู่บนฝั่งอย่างเงียบๆ เช่นนี้ ต่างครุ่นคิดกันไป
ชีอ้าวชวางรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ตอนนี้ทั้งสองคนที่อยู่ที่นี่ก็เหมือนระเบิดเวลา นางปล่อยให้จิตวิญญาณไปสัมผัสกับสิ่งรอบข้างได้เลย
ทั้งสามคนอยู่กันไปแบบนี้ ซิมิและเลนนี่ก็ลงมือที่นี่ไม่ได้ ถ้าเขาตายบนฝั่งก็จะเป็นการทิ้งร่องรอยซึ่งส่งผลไม่ดีกับพวกเขา การมาถึงชั้นแปดแล้ว ความแข็งแกร่งย่อมไม่ธรรมดา หากโจมตีให้จบเพียงครั้งเดียวไม่ได้ ซิมิก็ไม่อยากเสี่ยงโจมตีชีอ้าวชวางบนฝั่ง
หลังจากนั้นไม่นาน เลนนี่และซิมิก็มองหน้ากัน ทั้งสองคนหมดความอดทนแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะล่าช้าไปถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทั้งสองสบตากัน ไม่อยากเสียเวลาต่อแล้ว คนผมแดงคนนี้กำลังทำบ้าอะไรอยู่? เขาไม่ออกจากหอคอยไปแต่มานั่งเงียบๆ อยู่แบบนี้น่ะหรือ?
“เลนนี่ สัตว์ประหลาดกำลังไล่ตามพวกเขาไป ให้ข้าจะพาเจ้าไปที่นั่นก่อนดีกว่า ข้าจะสำรวจหินเหล่านั้นก่อน พอข้าพบหินที่ถูกต้องแล้วข้าไปก้าวหนึ่ง เจ้าไปก้าวหนึ่ง สมบัตินี้เอาให้เจ้า มันป้องกันสิ่งปฏิกูลนั้นได้” ซิมิพูดออกเสียงอย่างตั้งใจแล้วหยิบสมบัติที่ทำให้เขาผ่านครั้งที่แล้วส่งให้เลนนี่ ที่จริงวิธีนี้มันไม่ได้ผลหรอก หินของจริงพวกนั้นรับน้ำหนักสองครั้งไม่ได้ มีน้อยมากๆ ที่จะเหยียบซ้ำได้ ดังนั้นนักเรียนที่จะผ่านที่นี่ได้จะต้องหาเส้นทางที่ถูกต้องด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังมีเหมาเหมาที่ไม่รู้ว่ามันจะโจมตีเมื่อไหร่และที่ไหนอีก มันน่ากลัวมาก
แต่สิ่งที่ซิมิคิดก็คือนักเรียนใหม่ผมแดงคนนี้เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกและคงไม่รู้เรื่องนี้จึงจะล่อลวงให้เขาตามหลังไป ตอนนี้สัตว์ประหลาดหายไปแล้ว แค่พาคนคนนี้ไปที่หนองน้ำแล้วฆ่าซะ จากนั้นก็ส่งกลับไปเขารู้ว่าความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้ เขาจะต้องใช้สมบัติเพื่อผ่านเท่านั้น ถ้าไม่ถือสมบัติและพาเลนนี่ไปด้วยก็จะไม่มีทางผ่านไปได้เลย แต่ตอนนี้สัตว์ประหลาดไม่ได้อยู่ตรงนั้น และมันอยู่ไม่ไกลจากฝั่งก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“หืม?” เลนนี่ตะลึงแล้วก็เข้าใจว่าซิมิหมายถึงอะไร นางจึงพยักหน้าและพูดเสียงดังอย่างตั้งใจ “ได้สิ ซิมิ ขอบคุณนะ สัตว์ประหลาดตัวนั้นคงไล่ตามพวกเขาไปแล้ว และมันก็จะไม่กลับมาอีกสักพัก เราถือโอกาสนี้ไปกันเถอะ” หางตาของเลนนี่เหลือบมองชีอ้าวชวางเพื่อสังเกตการเคลื่อนไหวไปด้วย
ซิมิเดินนำเลนนี่และค้นหาหินอย่างระมัดระวังก่อน จากนั้นจึงรีบหาหินก้อนหนึ่งให้เลนนี่และมองดูสิ่งปฏิกูลในระยะไกลด้วยความกังวลเพราะกลัวว่าสัตว์ประหลาดดุร้ายจะปรากฏตัวขึ้นในตอนนี้
ในเวลานี้ชีอ้าวชวางก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
ซิมิและเลนนี่ดีใจและมองหน้ากันอย่างเงียบๆ ด้วยรอยยิ้มที่ไม่อาจซ่อนความรู้สึกสำเร็จของพวกเขาได้
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่สังเกตเห็นก็คือมุมปากของชีอ้าวชวางยกขึ้นอย่างเย็นชา
ชีอ้าวชวางค่อยๆ ลุกขึ้นยืนก้มหน้าและถอนหายใจเบาๆ
“นี่ ชีอ้าวชวาง เจ้ากำลังถอนหายใจหรือ?” เสียงจากฉางคงดังเข้ามาในความคิด
“ข้าแค่ถอนหายใจว่าทำไมจิตใจของคนถึงซับซ้อนกันขนาดนี้นะ” ชีอ้าวชวางตอบอย่างนุ่มนวล
“มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนและสุดโต่งมาก มนุษย์มีด้านที่ดีที่สุดและด้านที่เลวที่สุด นี่เป็นเรื่องปกติ” ฉางคงเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่ไม่ปกติและพูดอย่างจริงจัง
“หือ? มนุษย์สุดโต่ง…” ชีอ้าวชวางพึมพำทวนคำพูดของฉางคง
“สำหรับคนที่เลว เจ้าไม่ควรทำตัวนิ่มนวลด้วย สำหรับคนที่ดี เจ้าควรทะนุถนอมไว้” ทันใดนั้นเสียงของฉางคงก็เย็นชาและเคร่งขรึม “มีคำกล่าวว่าการแสดงความกรุณาต่อศัตรูคือการโหดร้ายกับตัวเอง สองคนนั้น เจ้าฆ่าไปเลยดีกว่า” ตอนฉางคงพูดอย่างนี้ เขาพูดราวกับว่ามันง่ายเหมือนกินข้าวเสียอย่างนั้น
“โอ้? เจ้าตัวเล็ก มองไม่ออกเลยว่าเจ้าโหดร้ายขนาดนี้ เจ้าไม่ใช่เด็กหรอกหรือ?” ชีอ้าวชวางเดินช้าๆ ไปที่ฝั่งพลางสื่อสารกับฉางคงในความคิดไปด้วย
“โธ่! ข้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว! แม้ว่าจะเพิ่งโตแต่ข้าก็ไม่ใช่เด็ก นอกจากนี้ข้ายังได้รับความทรงจำในหัวเรื่องสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนอย่างมนุษย์อยู่บ้างเหมือนกัน” ฉางคงโต้กลับ
“อืมๆ เจ้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว” ชีอ้าวชวางยิ้มพลางเดินไปที่ฝั่งและเงยหน้าขึ้นมองซิมิและเลนนี่
ซิมิและเลนนี่หันหลังให้ชีอ้าวชวางแต่หางตาของพวกเขาจ้องมองชีอ้าวชวางอยู่
“จิ๊ๆ ทางไหนที่ถูกต้องกันนะ?” ชีอ้าวชวางยืนมองหนองน้ำด้วยความวิตกกังวลอยู่บนฝั่งราวกับว่าไม่มั่นใจว่าจะไปหินก้อนไหนดี
ซิมิและเลนนี่รู้สึกประหม่าเล็กน้อย ถ้าชีอ้าวชวางไม่ได้เลือกทางที่ถูกต้องก็คงจะดีที่เขาล้มลงด้วยตัวเอง แต่หากเขาเลือกเส้นทางที่ถูกต้องก็จะต้องโจมตีเขาให้เขาล้มลงให้ได้
“ช่างเถอะ เดาเอาแล้วกัน” ชีอ้าวชวางพึมพำกับตัวเองแล้วเขย่งเล็กน้อยไปที่หินซึ่งอยู่ไม่ไกลจากซิมิและเลนนี่
“อ๊า…” ชีอ้าวชวางอุทานพร้อมกับตัวโยกไปมา
แววตาของซิมิและเลนนี่ตื่นเต้นจนแทบจะกรีดร้อง
แต่แม้ตัวชีอ้าวชวางจะโยกเยกไปมาแต่ก็ยืนหยัดได้แล้วหายใจยาว “ว้า…อันตรายมาก ดูเหมือนว่าข้าจะโชคดีที่มาถูกทางแล้ว”
แน่นอนว่าหินที่อยู่ใต้เท้าของชีอ้าวชวางนั้นมั่นคงไม่มีการสั่นสะเทือนเลยแม้แต่น้อย
แววตาของซิมิและเลนนี่ฉายแววผิดหวัง จากนั้นทั้งสองก็มองหน้ากันและก็พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมลงมือ ได้ยินเสียงร้องของเขาก็เห็นชัดว่าชีอ้าวชวางเพียงแค่โชคดี เขาไม่มีทางผ่านหนองน้ำนี้ไปได้ด้วยพลังความสามารถแท้จริงแน่
แต่ชีอ้าวชวางก็หันไปมองทั้งสองคนไม่ขยับไปไหน
ซิมิและเลนนี่เห็นสายตาชีอ้าวชวางที่ยืนนิ่งมองพวกเขาไม่ขยับอยู่ตรงนั้นก็ว้าวุ่นใจขึ้นมา หรืออีกฝ่ายจะรู้อะไรเข้าแล้ว?
“เจ้าทั้งสองผิดหวังหรือไม่ที่ข้าไม่ล้มลงไป?” ใบหน้าอันหล่อเหลาของชีอ้าวชวางยิ้มออกมาอย่างน่าทึ่ง
สีหน้าของทั้งสองคนเปลี่ยนไปทันที และการแสดงออกของทั้งคู่ก็ดูผิดธรรมชาติไป
“ข้าแปลกใจนิดหน่อย ดูเหมือนข้ากับเจ้าจะไม่ได้มีเรื่องโกรธเคืองกันเลย ทำไมเจ้าถึงอยากเอาชีวิตข้าล่ะ?” ชีอ้าวชวางมองเลนนี่ด้วยความสงสัยพลางแตะคางถามอย่างไม่เข้าใจ
พอชีอ้าวชวางพูดเช่นนี้ เลนนี่และซิมิก็ดูประหม่าขึ้นมาทันที
“หึ! ในเมื่อรู้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องพูดไร้สาระอีก ไปตายซะเถอะ” ซิมิยิ้มเยาะ เมื่อครู่นี้เห็นชีอ้าวชวางเดาเรื่องก้อนหินแล้วก็แค่โชคดีที่ไปเหยียบถูกก้อน เขาจึงคิดไปว่าชีอ้าวชวางไม่ได้เป็นคนที่แข็งแกร่งอะไรนัก ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อีกทั้งพวกเขาก็มาถึงหนองน้ำนี่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งอีก เขาจะไปนึกถึงได้อย่างไรว่านี่เป็นวิธีการที่ชีอ้าวชวางหลอกล่อให้เขาเผยแผนการออกมา?