บทที่ 71 วิสัยทัศน์อันยิ่งใหญ่ของฉันมู่

จอมบงการเทพยุทธ์

บรรทัดจักรพรรดิอสูร ตามตํานานมันคือยุทธ์ภัณฑ์จักรพรรดิระดับสุดยอดที่สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิอสูรหลังจากไปถึงจุดสูงสุดของบนเส้นทางจักรพรรดิ

มันมีพลังในการวัดพิภพและเสริมแต่งจักรวาล

ทว่าเมื่อจอมจักรพรรดิอสูรลงมือเข้าโจมตีเส้นทางจักรพรรดิ์ มันจึงได้เสียหาย เป็นความเสียใจชั่วนิรันดร์

“ดินแดนลับนี้เกี่ยวข้องกับจอมจักรพรรดิอสูร และยังเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์นับล้านๆปีอีกด้วย

บางที ข้าอาจใช้ดินแดนลับนี้เป็นจุดเริ่มต้น และเปิดเผยความจริงนับล้านปีสู่โลก”

ฉันม่คิดอย่างรอบคอบอยู่ในมิติดินแดนลับ

ก่อนหน้านี้ เขามีแผนการที่ยิ่งใหญ่ในใจ

ในการสร้างประวัติศาสตร์นับล้านๆ ปี

แต่ทว่ามีปัญหาที่สําคัญอยู่ประการหนึ่ง

หากประวัติศาสตร์นับล้านๆ ปีก่อนมีความเจริญรุ่งเรืองมาก

ทําไมประวัติศาสตร์ก่อนยุคแร้นแค้นเหล่านั้นจึงหายไปจนหมด ราวกับว่ามันถูกลบออกจากไปจากโลกอย่างสมบูรณ์
ในระหว่างนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ?

ทําไมจึงมีช่องโหว่ในประวัติศาสตร์ ?

ทั้งหมดนี้คือปัญหาที่ฉันม่ต้องแก้ไข

กาสร้างประวัติศาสตร์เมื่อหลายล้านปีก่อนและทําให้ประวัติศาสตร์ที่ว่างเปล่านี้สมบูรณ์ยังไม่เพียงพอ

ในกระบวนการนี้ เขายังจะสร้างสถานการณ์ที่น่าตกใจและชักชวนให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดอธิบายสาเหตุของการเกิดความผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ !

ประวัติศาสตร์สมัยโบราณทั้งหมดจึงจะเชื่อมโยงกันอย่างแท้จริง !

และเขตแดนลับที่เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิอสูรนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของสถานการณ์ที่น่าตกใจนี้โดยฉินมู่

ระหว่างที่ทําให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดตกตะลึงก็เปิดเผย “ความจริง” ไปด้วย ? !

“แลกเปลี่ยนแต้มตกใจกับบรรทัดจักรพรรดิอสูรที่แตกหัก ! ”

“แลกเปลี่ยนแต้มตกใจกับวิหารโบราณอันยิ่งใหญ่ !”

“แลกเปลี่ยน….”

ในมิติดินแดนลับ ฉินมู่ยังคงแลกเปลี่ยนสิ่งที่เขาต้องการต่อไป

แปดล้าน

เจ็ดล้าน

หกล้าน

สี่ล้าน

แต้มตกใจหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ฉินมู่นั้นไม่กระพริบตาแม้แต่น้อย

และทุกแต้มตกใจที่หายไป ดินแดนลับที่ยิ่งใหญ่และยอดเยี่ยมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ในความคิดของฉันม่ก็ค่อยๆ กลายเป็นความจริงมากขึ้นเรื่อย !

ในที่สุด หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน ฉันม่ก็ออกจากมิติดินแดนลับ

ดินแดนลับที่หกนี้ เขาได้สร้างมันขึ้นมาแล้ว

“เห็นได้ชัดว่าดินแดนลับนี้ไม่เหมาะสมที่จะอยู่ในอาณาเขตของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เมื่อดินแดนลับเผยต่อโลก เกรงว่ามันจะทําร้ายมนุษย์ผู้บริสุทธิ์จํานวนมาก

ควรตั้งไว้ที่ไหนดีนะ?”

ฉันมู่คิด

ดินแดนลับถูกสร้างแล้วและขั้นตอนต่อไปคือการเผยดินแดนลับ

เพียงแต่ว่าดินแดนลับนี้เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิอสูร และหลังจากเปิดขึ้นย่อมมีการเคลื่อนไหวมากมาย ไม่เพียงแต่จะดึงดูดยอดฝีมือเผ่าหมื่นเซียนแต่ยังรวมถึงยอดฝีมือเผ่าอสูรด้วย

หากดินแดนลับนี้อยู่ในอาณาเขตของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เกรงว่ามันจะเป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อมนุษย์ที่อ่อนแอ

ดินแดนลับนี้เหมาะสมที่จะอยู่ในถิ่นทุรกันดารที่มีผู้คนเบาบาง

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของฉันมู่ก็เป็นประกายราวกับว่าเขาคิดอะไรบางอย่างได้

เขาหลับตาทันทีและสัมผัสได้ และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“เกือบลืมชายคนนี้ไปเลย อม เช่นนั้นก็ถูกแล้วที่ดินแดนลับนี้ถูกตั้งไว้ที่นี่ และด้วยชายคนนี้ไม่น่าจะมีปัญหาในการเปิดดินแดนลับนี้

หลังจากพูดเช่นนั้น ร่างของฉันมู่ก็หายไปและตามการเหนี่ยวนําในใจของเขาค้นหาสถานที่บางแห่งในแดนร้างตะวันออก

แดนร้างตะวันออก เทือกเขาหมื่นอสูร

เทือกเขาหมื่นอสูร เป็นอาณาเขตของเผ่าอสูร เทือกเขายาวไร้ที่สิ้นสุดและสูงตระหง่านเชื่อมต่อกับอาณาเขตของเผ่าหมื่นเซียนและเผ่ามนุษย์ ตั้งอยู่ในสถานที่ซึ่งกองกําลังทั้งสามมาบรรจบกัน

นี้คือดินแดนโบราณ ภูเขาสูงตระหง่าน ต้นไม้ดึกดําบรรพ์ที่ราวกับมังกรสีรุ้งยืนตระหง่านเสียด
ฟ้า

ระหว่างภูเขา บางครั้งก็ได้ยินเสียงคํารามที่น่าใจสั่นของสัตว์ร้ายที่ส่งเสียงกู่ก้องไปทั่วภูเขา

แต่ระหว่างภูเขาเหล่านี้ มีนักพรตเผ่ามนุษย์ผู้หนึ่งซึ่งกําลังวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต

นักพรตเผ่าพันธุ์มนุษย์นี้มิใช่ใครอื่น แต่เป็นตัวนหยุนเชิงที่หายตัวไปไม่กี่วันก่อน !

“เชีย เทพยดาฟ้าดิน พวกบ้านี่ยังไล่ตามมาอยู่อีกรึ ? ?

นักพรตผู้นี้เพียงขุดสุสานบรรพบุรุษของเจ้า และเจ้านั่นก็น่าสงสาร ไม่มีแม้แต่สมบัติ มันคุ้มกับการต่อสู้ด้วยรี ?”

ตัวนหยุนเชิงใช้แรงทั้งหมดวิ่งไปข้างหน้า และพูดพร้อมกับกระหืดกระหอบ

หลังจากเขาออกจากภูเขาในวันนั้นไปพร้อมกับเข็มทิศแสวงสมบัติ ตัวนหยุนเชิงก็ได้เริ่มต้น“แผนการแก้แค้น” ของเขา !

เขาออกเดินทางในชั่วข้ามคืนและมาถึงอาณาเขตของเผ่าวิหคที่อยู่ท่ามกลางเผ่าหมื่นเซียนและขุดสุสานบรรพบุรุษเพื่อล้างแค้นที่ถูกตามล่าเมื่อครั้งก่อน

เผ่าวิหคก็ตกต่ำเช่นกัน พวกมันเป็นพวกแรกถูกสังหารโดยฉันม่ผ่านจอมจักรพรรดิกวาดล้างสายเลือดราชวงศ์และสมาชิกบางส่วนในเผ่า

ตอนนี้ พวกเขาตกเป็นเป้าหมายของโจรปล้นสุสานที่ต้องการขุดสุสานบรรพบุรุษของพวกเขา

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ความปรารถนาของตัวนหยุนเชิงในการขุดสุสานบรรพบุรุษเผ่าหมื่นเซียนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่ตอนนี้ ด้วยความช่วยเหลือจากเข็มทิศแสวงสมบัติทําให้เขามีความสามารถมากยิ่งขึ้น

เผ่าวิหคนี้ก็คงไม่คิดว่าจะมีผู้กล้าพอที่จะขุดสุสานบรรพบุรุษของพวกเขา แต่ตัวนหยุนเชิงกลับทําสําเร็จโดยไม่แปลกใจ

แต่ทว่า เมื่อตัวนหยุนเชิงขุดสุสานของเผ่าหมื่นเซียนตามการชี้นําของเข็มทิศแสวงสมบัติเขากลับรู้สึกหดหูเป็นอย่างมาก

เนื่องจากมันไม่มีสมบัติถูกฝังอยู่ในสุสาน สิ่งเดียวที่ถือได้ว่าเป็นสมบัติก็คือกระดูกของราชันโบราณที่ตายไปเมื่อนานมาแล้ว

แม้จะมีความยากลําบากและอันตราย ในที่สุดเขาก็ได้ขุดสุสานบรรพบุรุษของราชันหมั่นเซียนแล้วตัวนหยุนเชิงจะทนได้อย่างไร ?

ดังนั้นเขาจึงเก็บกระดูกของราชันบรรพบุรุษและจากไป

ด้วยเหตุนี้ ไม่นานหลังจากที่เขาจากไป ก็ถูกค้นพบโดยผู้ดูแลสุสานเผ่าวิหค

ครั้งนี้ ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าวิหคโกรธจัด ไม่ต้องพูดถึงว่าสุสานของบรรพบุรุษถูกขุดขึ้นมาโจรปล้นสุสานยังได้ขโมยกระดูกของบรรพบุรุษไปด้วย !

พฤติกรรมเช่นนี้เท่ากับเป็นการท้าทายเผ่าวิหคทั้งหมด ซึ่งไม่อาจทนได้ !

แม้แต่ราชันบรรพบุรุษเผ่าวิหคก็โกรธเกรี้ยวกระตุ้นกฎแห่งฟ้าดินตรวจสอบทิศทางการหลบหนี้ของต้วนหยุนเชิงและไล่ตามเขาด้วยตัวเองหมายจะรับกระดูกของบรรพบุรุษคืนมาให้จงได้

โชคดีที่ต้วนหยุนเชิงหนีไปได้สักพักหนึ่งแล้ว วิ่งออกไปได้ไกลในระดับหนึ่งไม่เช่นนั้นเขาคงถูกราชันบรรพบุรุษเผ่าวิหคผู้เกรี้ยวกราดฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ถึงอย่างนั้นต้วนหยุนเชิงใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อหลบหนี แต่ราชันบรรพบุรุษเผ่าวิหคก็ยังคงไล่ตามเขาอยู่

ตอนนี้เขาได้หลบหนีไปยังอาณาเขตของเผ่าอสูรแล้ว แต่ราชันบรรพบุรุษที่ไล่ตามเขาดูเหมือนจะไม่มีเจตนาที่จะหยุด

“กระดูกของราชันโบราณนี้เป็นสมบัติที่หายาก สามารถใช้ฝึกฝนยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ได้เจ้าต้องการที่จะโยนมันทิ้งไปจริงๆงั้นรึ ?”

รู้สึกว่าด้านหลังกําลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้นไม่รู้จบต้วนหยุนเชิงก็กระวนกระวายเป็นอย่างมาก

เขาเริ่มลังเลคิดที่จะทิ้งกระดูกของเผ่าหมื่นเซียนที่ได้มา

ขณะที่ตัวนหยุนเชิงกําลังชั่งใจ เข็มทิศแสวงสมบัติในมือของเขาหมุนอย่างแรง !

จากนั้นตัวชี้ก็ชี้ทางทิศหนึ่ง และในที่สุดมันก็หยุดและทั้งตัวเข็มทิศก็กลายเป็นสีทองอร่าม !

“ทางนั้นมีสมบัติ !”

ตัวนหยุนเชิงตกใจอย่างมากกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของเข็มทิศแสวงสมบัติ

เขารู้ว่าเมื่อสมบัตินั้นมีอยู่จริง เข็มทิศแสวงสมบัติจึงจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้

โอกาสที่เข็มทิศนี้ชี้ไปเห็นได้ชัดว่ามีความสําคัญมากกว่ากระดูกของบรรพบุรุษนี้มาก !

“ไปดูด้วยตาตัวเอง ! ”

ตัวนหยนเชิงกัดฟันและไม่ทิ้งกระดูกเผ่าหมื่นเซียนที่เขามี แต่วิ่งหนีไปในทิศทางที่เข็มทิศชี้

อย่างไรก็ตาม ราชันบรรพบุรุษที่อยู่ด้านหลังยังจะไม่อาจตามทันเขาได้ในชั่วขณะหนึ่ง

ตัวนหยุนเชิงต้องการใช้ประโยชน์จากเวลานี้เพื่อดูว่ามันเป็นสมบัติแบบไหน จึงดึงดูดการตอบสนองที่รุนแรงจากเข็มทิศแสวงสมบัติเช่นนั้น

นอกจากนี้ตัวนหยุนเชิงรู้ว่า สถานที่ใดๆที่ซ่อนสมบัติไว้ย่อมมาพร้อมกับอันตรายที่ยิ่งใหญ่

ต้องเป็นสมบัติที่เหนือจินตนาการอย่างแน่นอนถึงได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ที่รุนแรงต่อเข็มทิศแสวงสมบัติเช่นนี้

หากโชคดี บางทีอาจไม่ต้องวิ่งหนีอีกต่อไป และสามารถใช้พลังแห่งฟ้าดินเพื่อสั่งสอนราชันบรรพบุรุษที่ไล่ตามมาถึงบทเรียนอันล้ำลึก !