บทที่ 377 บอกว่าไม่กินไม่ใช่หรือ / บทที่ 378 คิดจะทำอะไรกันแน่

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 377 บอกว่าไม่กินไม่ใช่หรือ / บทที่ 378 คิดจะทำอะไรกันแน่ Ink Stone_Romance

บทที่ 377 บอกว่าไม่กินไม่ใช่หรือ

เยี่ยหวันหวั่นได้ยินก็เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ ซือเยี่ยหานไม่กินผักชีฝรั่งเหรอ?

มุมปากหลิวอิ่งยิ้มเยาะด้วยความเย็นชา “แม้แต่อุปนิสัยการกินของนายท่านยังไม่รู้เลย…”

“คุณไม่กินผักชีฝรั่งเหรอคะ?” เยี่ยหวันหวั่นมองไปทางซือเยี่ยหานแล้วถาม

ซือเยี่ยหานมองเธอ แล้วตอบ “อืม”

“อ้อ…”

กลายเป็นว่าฉินรั่วซีรู้จักเขาดีกว่าเธออยู่ดี แต่ก็ไม่แปลก ถึงแม้เอาสองชาติของตัวเองมารวมกัน เวลาที่รู้จักซือเยี่ยหานก็ยังไม่นานเท่าเธอ

เยี่ยหวันหวั่นถอนตะเกียบออกมา เตรียมจะคีบผักอย่างอื่น

ปรากฏว่ามือที่เธอกำลังจะถอนออกมา ตะเกียบกลับว่างเปล่าแล้ว ซือเยี่ยหานกลืนผักชีฝรั่งจากตะเกียบนั้นลงไปโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

เยี่ยหวันหวั่นอึ้งไป มองไปทางซือเยี่ยหานด้วยความประหลาดใจ

ก็บอกว่า… ไม่กินไม่ใช่เหรอ?

ใบหน้าหลิวอิ่งที่เย้ยหยันดูถูกแข็งทื่อทันที

สวี่อี้ก็กุมหน้าเงียบๆ เขารู้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้…

ที่สำคัญไม่ใช่ผักอะไร แต่เป็นใครป้อนต่างหาก

เห็นเยี่ยหวันหวั่นไม่ขยับ ซือเยี่ยหานก็เอียงหน้า ส่งสายตาถามหา หมายความว่า… ให้ป้อนต่อ

เยี่ยหวันหวั่นกะพริบตา คีบผักชีฝรั่งขึ้นมาอีกครั้งด้วยความลังเล

ซือเยี่ยหานกินโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนอีกครั้ง

ตอนนี้ไม่มีใครดูไม่ออกว่า เจ้านายของตัวเองจงใจหนุนหลังคนอื่น จนถึงขั้นไม่ไว้หน้าฉินรั่วซีเลย

แค่เพียงการกระทำเล็กๆ แสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดสนิทและเหินห่างได้…

ทุกคนในห้องต่างมองไปทางฉินรั่วซี แต่เธอฝ่าฟันมาจนถึงตำแหน่งนี้ได้ก็ไม่ได้เสียแรงเปล่า สีหน้าดูไม่เปลี่ยนแปลงเลย

หลังกินข้าวเสร็จ เยี่ยหวันหวั่นไม่อยู่ต่อ กลับไปนั่งที่โซฟาเหมือนเดิม

ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง ในที่สุดซือเยี่ยหานก็เสร็จงาน

“เลิกแล้วหรือคะ?” เยี่ยหวันหวั่นเงยหน้าขึ้นมาทันที

สวี่อี้ที่อยู่ข้างๆ พูด “คุณชายเก้ายังต้องไปประชุมที่สำนักงานใหญ่ครับ”

สีหน้าเยี่ยหวันหวั่นกลับมาบึ้งตึงอีกครั้ง “นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว? ทำไมถึงต้องประชุมกันดึกดื่น?”

สวี่อี้กระแอม “การประชุมนี้… ค่อนข้างสำคัญครับ”

สำคัญ… สำคัญอีกแล้ว…

เยี่ยหวันหวั่นมองไปทางซือเยี่ยหานแล้วถาม “เปลี่ยนวันไม่ได้หรือคะ?”

ฉินรั่วซีอยู่ข้างๆ อธิบาย “การประชุมครั้งนี้สำคัญมากจริงๆ เลื่อนไม่ได้ หวังว่าคุณหนูเยี่ยจะเข้าใจท่านประธานนะคะ”

เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้ตอบฉินรั่วซี เอาแต่จ้องเขม็งซือเยี่ยหาน

ซือเยี่ยหานยื่นมือออกไป ลูบศีรษะเยี่ยหวันหวั่น “เธอกลับไปก่อน”

ได้ยินประโยคนี้ ไฟโมโหที่เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งระงับไว้เมื่อกี้กลับปะทุขึ้นมาในพริบตา

รู้จักแต่ทำงานๆ หรือว่างานสำคัญกว่าชีวิตเขาอีก?

ร่างกายตัวเองเป็นยังไง เขาไม่รู้แก่ใจเลยหรือ?

เยี่ยหวันหวั่นมองไปทางสวี่อี้ โกรธจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงบังคับไม่อยู่ ถามออกไป “จากที่นี่ไปถึงบริษัทใช้เวลานานแค่ไหน?”

เห็นบรรยากาศของทั้งสองคนตอนนี้ดูไม่ค่อยดี สวี่อี้ตอบด้วยความระมัดระวัง “ประมาณชั่วโมงกว่าครับ”

เยี่ยหวันหวั่นพูดทันที “งั้นฉันไปด้วย”

ซือเยี่ยหานได้ยิน มองไปทางหญิงสาวด้วยสีหน้าคาดเดา

เยี่ยหวันหวั่นจ้องเขาอย่างอารมณ์เสีย “มองฉันทำไม? ฉันไปไม่ได้เหรอ?”

ซือเยี่ยหาน “ตามใจเธอ”

หลังขึ้นรถมาแล้ว

เยี่ยหวันหวั่นและซือเยี่ยหานนั่งเบาะหลังด้วยกัน

เยี่ยหวันหวั่นโกรธมาก หันหน้าไปยังฝั่งที่นั่งของตัวเองอีกฝั่ง อารมณ์หงุดหงิด

ซือเยี่ยหานที่กำลังดูโน้ตบุคอยู่เหมือนในที่สุดก็สังเกตได้ว่าแฟนสาวโกรธแล้ว เลยเก็บโน้ตบุ๊กลง มองไปทางเยี่ยหวันหวั่น

น่าจะสังเกตได้ว่าวันนี้อารมณ์เธอดูฉุนเฉียวง่ายกว่าปกติ ดังนั้น เลยถามขึ้นมา “วันนี้ประจำเดือนมาเหรอ?”

เส้นเลือดใหญ่บนหน้าผากเยี่ยหวันหวั่นปูดขึ้นมาทันที

คุณสิที่ประจำเดือนมา!

………………………………………………………………..

บทที่ 378 คิดจะทำอะไรกันแน่

เยี่ยหวันหวั่นโมโหเสียจน…

แม้ประจำเดือนยังไม่มาก็ถูกเขาทำให้โมโหจนจะทะลักออกมาแล้ว!

ช่างเถอะๆ อย่าถือสาหาความกับเขาเลย

หมอนี่ไม่ได้จัดอยู่ในประเภทเดียวกันกับมนุษย์ทั่วไปอยู่แล้ว แค่เขารู้ว่าผู้หญิงมักจะอารมณ์เสียในช่วงรอบเดือนได้ก็เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย

เยี่ยหวันหวั่นสูดหายใจเข้าลึก ทำให้ตัวเองใจเย็นลง จากนั้นก็ไม่เสียเวลาอีก ปั้นหน้าใช้มือคว้าศีรษะของซือเยี่ยหานกดลงบนตักของตน “ยังมีเวลาอีกชั่วโมงกว่าๆ คุณนอนสักหน่อยเถอะ”

เขาออกจากบ้านตั้งแต่หกโมงเช้า จนตอนนี้สี่ทุ่มแล้ว ระหว่างนั้นแม้แต่ข้าวก็ไม่ได้กิน โหมทำงานหนักติดต่อกันเป็นเวลาสิบหกชั่วโมง ต่อให้ร่างกายแข็งแรงดีก็ทนรับการใช้งานร่างกายแบบนี้ไม่ได้หรอก

เขาคิดว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์แล้วจริงหรือ?

ใบหน้าเย็นชาของซือเยี่ยหานที่กำลังหนุนตักอ่อนนุ่มของหญิงสาวเผยความคาดไม่ถึงและการคิดวิเคราะห์หาความจริง

เยี่ยหวันหวั่นถลึงตาใส่เขาทันที “หลับตา นอนซะ”

คงเพราะเหนื่อยล้ามากจริงๆ คำพูดของเยี่ยหวันหวั่นจึงเปรียบเหมือนการกดสวิตช์ แววตาครุ่นคิดของซือเยี่ยหานยังไม่ทันจางหาย ดวงตาดำขลับเหมือนนิลคู่นั้นก็ปิดเปลือกตาซ่อนมันเอาไว้แล้ว…

เยี่ยหวันหวั่นนึกถึงว่าเด็กน้อยหลายคนมักจะชอบกอดของเล่นชิ้นโปรดหรือตุ๊กตานุ่มนิ่มนอน หากของเล่นเหล่านั้นไม่อยู่ข้างกายจะนอนไม่หลับ

สำหรับซือเยี่ยหานแล้ว บทบาทของเธออาจจะเหมือนตุ๊กตาหมีน้อยที่เด็กๆ กอดไว้ในอ้อมอกแล้วหลับไปละมั้ง?

สวี่อี้ที่ขับรถอยู่ด้านหน้ามองภาพสองคนด้านหลังผ่านกระจกมองหลัง สีหน้าสับสน

ตั้งแต่โทรศัพท์ไต่ถามเรื่องสุขภาพของนายท่านเมื่อตอนเช้า จนถึงการวิ่งมาป้อนกึ่งบังคับให้กินข้าวด้วยตนเอง ตอนนี้ยังใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาเดินทางสั้นๆ เพียงชั่วโมงกว่าให้นายท่านนอนหลับพักผ่อนอีก…

เยี่ยหวันหวั่น…เธอกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่?

คงไม่ใช่ว่า…ทำเพื่อสุขภาพของนายท่านจริงๆ หรอกใช่ไหม?

รถแล่นไปอย่างมั่นคง การตกแต่งภายในรถเน้นความสบายเป็นสำคัญ ซือเยี่ยหานจึงหลับสนิทอย่างรวดเร็ว

เยี่ยหวันหวั่นหยิบผ้าห่มผืนหนึ่งออกมาจากช่องเก็บของแล้วห่มให้เขา จากนั้นหยั่งเชิงถามสวี่อี้ “อีกไม่กี่วันนี้ซือเยี่ยหานมีกำหนดการไปทำงานต่างประเทศหรือเปล่า?”

สวี่อี้ตอบ “มีครับ สุดสัปดาห์หน้า”

“ไปที่ไหน?” เยี่ยหวันหวั่นถามทันที

“ประเทศ B ครับ ไปเจรจาเรื่องสัญญาที่สำคัญมาก ประชุมคืนนี้ก็หารือกันเรื่องนี้” สวี่อี้เองก็ไม่ปิดบังเยี่ยหวันหวั่น ตอบอย่างตรงไปตรงมา

ในเมื่อท่าทีของนายตนที่มีต่อเยี่ยหวันหวั่นชัดเจนจนเหมือนแขวนไว้ตรงนั้น เขายังจะมีอะไรปิดบังไว้ได้อีก

เมื่อเยี่ยหวันหวั่นได้ยินคำว่า ‘ประเทศ B’ ‘เจรจาสัญญา’ ไม่กี่คำนี้ หัวใจพลันเย็นเยียบ

เรื่องราวดำเนินต่อไปเหมือนชาติก่อนไม่ผิดเพี้ยน ซือเยี่ยหานยังต้องไปประเทศ B จริงๆ…

“จำเป็นต้องไปไหม? หรือว่าเปลี่ยนวันได้ไหม? ต้องให้ซือเยี่ยหานไปด้วยตัวเองเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นถาม

สวี่อี้ตอบด้วยความลำบากใจ “เรื่องนี้…คงจะไม่ได้นะครับ โครงการความร่วมมือครั้งนี้ทั้งบริษัทเตรียมการมาสามปีกว่าแล้ว ไม่ไปคงจะเป็นไปไม่ได้ แล้วก็ไม่มีทางเปลี่ยนกำหนดการได้ง่ายๆ นัดไว้เรียบร้อยนานแล้ว นายท่านต้องไปด้วยตัวเองเท่านั้น…อาทิตย์หน้าคุณหนูหวันหวั่นมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”

สีหน้าเยี่ยหวันหวั่นหนักอึ้ง ไม่ตอบอะไร

ฟังจากคำของสวี่อี้ เรื่องนี้คงจะไม่ไปไม่ได้แล้ว อีกทั้งยังสำคัญมาก จำเป็นต้องให้ซือเยี่ยหานไปด้วยตนเอง

หากเธอจะไปขัดขวางอย่างไม่มีเหตุผล นั่นเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้เลย

ทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี จะอาศัยเหตุผลอะไรไม่ให้เขาไป?

จะบอกว่าการเดินทางครั้งนี้ซือเยี่ยหานอาจพบเจออันตรายจนเกือบเสียชีวิตที่ประเทศ B? ใครจะเชื่อเธอ?

หรือว่า…ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิมอีกครั้งอย่างนั้นหรือ…

………………………………………………………