บทที่ 258: คำสาบาน (1)

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

บทที่ 258: คำสาบาน (1)

ตู้ม !!

กลุ่มหมอกสีแดงเข้มที่เกิดจากพลังปราณระเบิดออกและกระจายตัวไปทั่ว ทันทีที่หมอกดังกล่าวกระจายตัวออกไป เหล่าศพขี้ผึ้งที่อยู่ใต้น้ำก็พากันกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวนและกระจายตัวหนีด้วยความหวาดกลัว

พลังปราณสีแดงนี้เป็นเหมือนกับหมอกสีเลือดที่กลั่นตัวอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกันกับตอนที่มันระเบิดออกมาครั้งแรก ก่อตัวเป็นร่างของชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ที่หัวเรือสำราญ

มันยังคงเป็นผู้ฝึกตนคนเดียวกันกับก่อนหน้านี้ แต่เขาดูอายุมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้เขาดูเหมือนกับคนที่อยู่ในช่วงปลายของวัยกลางคน อย่างไรก็ตาม พลังปราณที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาในตอนนี้นั้นดูไม่ต่างอะไรกับผู้ที่อยู่ขั้นยมทูตขาวดำเลยสักนิด หมอกสีเลือดลอยอยู่รอบ ๆ ร่างของเขา แทบจะเหมือนกับว่าเขาคือเทพเจ้าที่เพิ่งจุติลงมาจากสวรรค์

“คนเป็นและคนตายนั้นไม่สามารถยุ่งเกี่ยวซึ่งกันและกัน ผู้ใดก็ตามที่กล้าฝ่าฝืนกฎเหล็กข้อนี้จะต้องถูกกำจัด !” เสียงที่เอ่ยออกมานั้นดังก้องราวกับเสียงฟ้าร้อง จากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นเบา ๆ ก่อนจะพุ่งลงไปที่หัวเรือราวกับอุกกาบาต โครม ! วินาทีนั้น เรือสำราญที่กำลังจมลงไปใต้ทะเลก็ลอยออกมาอีกครั้ง ราวกับเขาได้ถ่วงน้ำหนักอีกด้านหนึ่งของกระดานหกโดยการเหยียบมันอย่างแรง และเกิดสายฝนจากน้ำทะเลตกลงมาเต็มไปหมด

กรรรร !!! ลูกไฟขนาดใหญ่สองลูกที่ลุกโชนอยู่ใต้ผิวน้ำสั่นไหวอย่างแรง คุกิโยชิทากะไม่คิดว่าคู่ต่อสู้ของตนจะมีไพ่ตายที่ทรงพลังเช่นนี้ซ่อนเอาไว้ เขารีบสลายวังน้ำวนของตนทันที อย่างไรก็ตาม ร่างขนาดใหญ่ยังคงเคลื่อนไหวไปมาอยู่ใต้ท้องเรือ และตอนนี้ร่างของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยลูกไฟนรกจำนวนนับไม่ถ้วน โดยแต่ละลูกนั้นแสดงถึงกลุ่มศพขี้ผึ้งที่ได้เกาะตกอยู่บนร่างของเขา

ค่ำคืนที่มืดมิด ทะเลลึกที่ไร้ก้นบึ้ง และความมืดที่ไร้ขอบเขต

มันยังมีศพขี้ผึ้งและเงาดำขนาดใหญ่ของอสูรทะเลที่ดุร้ายว่ายไปมาอยู่ใต้ผิวน้ำ ภาพพวกนี้ไม่ได้ต่างอะไรไปจากฝันร้ายที่ร้ายที่สุดที่คน ๆ หนึ่งจะสามารถจินตนาการได้ ….ทุกคนที่พบเห็นภาพพวกนี้ต่างต้องหวาดกลัว !

เงามหึมาตรงหน้าพุ่งเข้ามาเร็วอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงน้ำสาดกระเซ็นดังลั่นสองครั้ง หัวขนาดใหญ่ของปีศาจทะเลพลันพุ่งขึ้นมาจากน้ำ ส่องประกายระยิบระยับอย่างน่าขนลุกในความมืด

“พระ… เจ้า…” นิชิโนะยมมือปิดปากของตนด้วยความหวาดกลัวและส่ายหน้าไปมาอย่างหมดหวัง แววตาของเธอไหววูบขณะที่พยายามหาทางหนี

ผู้โดยสารบนเรือคนอื่น ๆ ที่เห็นเช่นนั้นก็หน้าซีดไม่ต่างกัน ไม่มีใครคาดคิดว่าสิ่งที่พวกเขาหวาดกลัวที่สุดในชีวิตจะมาปรากฏตัวให้เห็นในคืนนี้

นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกกันว่าผีร้าย…

นี่ใช่ไหมคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อจ้างขั้นนักล่าวิญญาณมาป้องกันตัว ?

เขาหมายถึง… นี่มันน่ากลัวเกินกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้เป็นหมื่นเท่าเลยนะ !

ซ่ากกกก !! เสียงร้องอันน่าสะพรึงกลัวดังตัดผ่านความเงียบยามค่ำคืน ตามมาด้วยน้ำสาดกระเซ็นขนาดใหญ่ เพียงเสี้ยววินาทีต่อมา ดวงตาที่ลุกโชนทั้งสี่ก็หันไปมองผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่ที่หัวเรือ

“ปลดล็อกเส้นลมปราณหลักทั้ง 12 และเส้นลมปราณพิเศษทั้ง 8 ความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้นั้นใกล้เคียงกับขั้นยมทูตขาวดำ แต่เจ้าก็ไม่ต่างอะไรกับพวกแมลงเม่า …เผาไหม้พลังชีวิตของตัวเองเพียงเพื่อที่จะได้กระพือปีกอย่างรุ่งโรจน์เพียงชั่วครู่” เสียงกัดฟันกรอดดังไปทั่วขณะที่คุกิโยชิทากะเอ่ยต่ออย่างเย้ยหยัน “แม้ว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปตอนนี้ เจ้าก็คงไม่มีชีวิตอยู่จนได้เห็นแสงของวันใหม่อยู่ดี”

จากนั้นคุกิโยชิทากะก็อ้าปาก เผยให้เห็นกระดูกของมนุษย์ที่อยู่ด้านใน “แต่… ความตายได้มาถึงแล้ว !”

ทันทีที่เอ่ยจบ หัวขนาดใหญ่ของมันก็พุ่งเข้าหาเรือสำราญ ศพขี้ผึ้งจำนวนนับไม่ถ้วนกรีดร้องออกมาขณะที่พวกมันเกาะติดอยู่ที่เกล็ดของปีศาจร่างใหญ่ ในขณะเดียวกัน ผู้ฝึกตนที่ปลดล็อกขีดจำกัดทางร่างกายของตนก็พุ่งไปข้างหน้าราวกับกระสุนปืนใหญ่ ต่อยออกไปด้วยกำลังทั้งหมด ! พื้นที่โดยรอบสั่นสะเทือน และหัวขนาดใหญ่นั้นก็กระเด็นไปอีกด้านหนึ่งด้วยแรงปะทะจากการกระแทก !

“ทุกคน !!” ผู้ฝึกตนหันไปมองผู้ฝึกตนที่เหลืออยู่ที่หัวเรืออีกครั้ง ดวงตาของเขาแดงก่ำขณะที่ตะโกนออกไปด้วยเสียงที่แหบพร่า “กฎข้อแรกของพันธมิตรผู้ฝึกตนแห่งสหประชาชาติคืออะไร ?! พวกคุณลืมกันไปหมดแล้วอย่างนั้นเหรอ ?!”

สายลมรุนแรงพัดผ่านผิวน้ำก่อนที่เขาจะได้เอ่ยต่อ หัวอีกหัวหนึ่งของคุกิโยชิทากะพุ่งขึ้นมาจากน้ำและพุ่งเข้าใส่ผู้ฝึกตนอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ปากขนาดใหญ่ที่กลืนกินสิ่งมีชีวิตมานับไม่ถ้วนหมายจะกลืนกินผู้ฝึกตนตรงหน้าอีกครั้ง

“ไปซะ !!!” เสียงตะโกนอันโกรธเกรี้ยวดังขึ้นอีกครั้ง ความแข็งแกร่งของวิญญาณร้ายที่ทรงพลังนั้นแตกต่างจากวิญญาณทั่วไปเป็นอย่างมาก และผู้ฝึกตนก็รู้ดีว่าเขาไม่มีเวลามากพอเพื่อตำหนิผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงรวบรวมพลังทั้งหมดของตัวเองและพุ่งตัวออกไปให้ทัน สิ่งที่ปีศาจตัวใหญ่คว้าไปได้มีเพียงความว่างเปล่า และมันก็รีบถอยกลับลงไปในทะเลอยู่รวดเร็วจนเกิดเป็นระลอกคลื่นขนาดใหญ่และน้ำที่สาดกระเซ็นไปทั่ว

“พวกคุณยังจำคำสาบานที่ตัวเองได้เอ่ยได้ไหม ?!” ร่างของผู้ฝึกตนปรากฏขึ้นที่หัวเรือในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา เขากัดฟันแน่นและกวาดสายตามองผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ ที่อยู่โดยรอบ “พวกคุณยังจำความหวังและความฝันที่เรามีตอนนั้นได้ไหม ?!”

“พวกคุณจำความสะดวกสบายที่ตัวเองเพลิดเพลินในทุกวันได้ไหม ?! แล้วคุณจำได้ไหมว่าใครก็ที่เป็นผู้ที่มอบของเหล่านั้นให้กับเรามาโดยตลอด ?!!”

แต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยต่อ น้ำทะเลโดยรอบก็เริ่มเดือด ! ไม่นานหลังจากนั้น ร่างขนาดใหญ่ของปีศาจทะเลก็ปรากฏขึ้นมาบนผิวน้ำในหลาย ๆ จุด เหมือนกับว่ามันคือเทือกเขาที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำทะเล !

“เห้ย ?!”

“นั่นมัน…”

“เป็นพลังหยินที่รุนแรงจริง ๆ…”

………

ย้อนกลับมาที่ห้องเก็บสินค้า จินโกะซัง โดจินซัง และทาดายูกิต่างเงยหน้ามองขึ้นด้านบนพร้อมกันด้วยความตกตะลึง

“นี่มัน… จิตวิญญาณแพมพัส ?” โดจินซังอ้าปากค้าง “มันยังถูกรู้จักในนามของเศษซากจักจั่นอีกด้วย มันคือสิ่งที่จะต้องถูกกำจัดให้ได้ทันทีหากถูกค้นพบ ต้นกำเนิดของมันคือผลจากการที่ศพของมนุษย์ถูกกัดกินโดยปลาก่อนที่ร่างจะจมลงไปที่ก้นของแม่น้ำ วิญญาณของพวกเขาจะไม่มีโอกาสที่จะยึดติดอยู่กับโลก หรือสวรรค์ และพัฒนาการเพียงอย่างเดียวของพวกเขาก็คือการกลายเป็นวิญญาณร้าย ตอนเกิดมาครั้งแรกจะมีเพียงหัวเดียว แต่หากปล่อยไปนาน ๆ มันจะกลายเป็นไฮดราแปดหัวในที่สุด !”

“ในญี่ปุ่นมีจิตวิญญาณแพมพัสด้วยอย่างนั้นหรือ ?”

วิญญาณขั้นยมทูตขาวดำได้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว…

ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสงสัย จิตวิญญาณแพมพัสตนนี้จะต้องเป็นหนึ่งในรายชื่อที่ยิ่งใหญ่จากยุคเซ็งโงกุอย่างแน่นอน ด้วยพลังของยมโลกที่มีประวัติศาสตร์มานานกว่าพันปี วิญญาณร้ายที่ทรงพลังในการปกครองของพวกเขาจะต้องแตกต่างจากยมโลกขั้นแรกเริ่มของฉินเย่ในตอนนี้อย่างแน่นอน !

“มันอาจจะปกปิดพลังหยินของตัวเองเอาไว้ก่อนหน้านี้ พวกเขาถึงคิดว่ามันเป็นเพียงวิญญาณขั้นนักล่าวิญญาณระดับสูงเท่านั้น…” จินโกะวังกัดฟันกรอดและเอ่ยด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “เราควรทำอะไรสักอย่างไหม ?”

ตอนนี้บนเรือสำราญมีผู้ฝึกตนขั้นยมทูตขาวดำอยู่สามคน และหนึ่งในนั้นก็อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้

กลุ่มก้อนพลังสีดำยังคงหมุนอยู่รอบ ๆ ร่างของฉินเย่ ก่อตัวเป็นอาณาเขตวิญญาณแปลกประหลาดที่มีสัญลักษณ์บางอย่างปรากฏขึ้นบ้างเป็นครั้งคราว

ตอนนี้เขากำลังอยู่ระหว่างการทำลายอาณาเขตเวทที่จองจำโอดะโนบูนางะเอาไว้ วิธีเดียวที่จะสู้กับการปิดล้อมของเหล่าแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ในยุคเซ็งโงกุได้ก็คือกองกำลังหลังของราชาปีศาจแห่งสวรรค์ชั้นที่ 6 …นี่เป็นความหวังเดียวในการรอดชีวิตของพวกเขา !

“ไม่…” โดจินซังกัดริมฝีปากล่างของตัวเองและประสานมือเข้าด้วยกัน “ถึงแม้ว่านี่จะเป็นการขัดต่อหลักความเชื่อของภูเขาโคยะ แต่ตอนนี้… เราห้ามเคลื่อนไหวเด็ดขาด !”

แม้ว่าหลักคำสอนของพวกเขาจะถูกสร้างขึ้นมาจากการสวดมนต์ แทบจะไม่มีข้อจำกัดใด ๆ ในการทานอาหารและการใช้ชีวิต และแทบจะไม่มีข้อบังคับใด ๆ แต่หลักความเชื่อของพวกเขาก็ยังมั่นคงเป็นอย่างมาก

ซึ่งมันก็คือ พวกเขาจะต้องกำจัดวิญญาณทุกคนที่พบ แม้ว่านั่นจะต้องใช้ชีวิตของตัวเองเข้าแลกก็ตาม !

นี่คือหลักความเชื่อของพระนิกายพุธตันตระ

สีหน้าของจินโกะซังเคร่งขรึมลงและเขาก็หลับตาพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน “ผมสงสารพวกที่อยู่ที่หัวเรือในตอนนี้จริง ๆ”

“ขั้นนักล่าวิญญาณ… ต่อให้หยิบยืมพลังจากเส้นลมปราณหลักทั้ง 12 และเส้นลมปราณพิเศษทั้ง 8 พวกเขาก็ยังไม่สามารถต่อกรกับวิญญาณขั้นยมทูตขาวดำได้อยู่ดี นอกจากนี้ คู่ต่อสู้ของพวกเขาในตอนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นจิตวิญญาณแพมพัสที่มีอายุมานานหลายร้อยปี แม้แต่ภูเขาโคยะก็ยังไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะระดมพลพระนักรบทั้งหมดเพื่อมารับมือกับวิกฤตนี้…”

ทันใดนั้นเอง เสียงกระทบกันเบา ๆ หลายเสียงก็พลันดังขึ้นภายในห้องเก็บสินค้าที่เงียบสนิท

มันเบาจนน่าเหลือเชื่อ

หากพูดกันตามตรง มันเบาจนคนอื่น ๆ บนเรือไม่มีทางได้ยิน แต่ถึงกระนั้น เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น แสงจันทร์เดือนหงายที่ปกคลุมห้องทั้งห้องอยู่ก็เรืองแสงขึ้นทันที

พลังปราณของพระทั้งสองทำงาน แสงจันทร์เดือนหงายสั่นเทาเล็กน้อย ขณะที่ภาพลวงตาของเหล่าเทวดาที่กำลังเดินลาดตระเวนอย่างระแวดระวังปรากฏขึ้นให้เห็น สีหน้าคนทั้งหมดเคร่งเครียดมากกว่าเดิมทันที

“ฝีมือ…” อิวาซากิสูดหายใจเข้าช้า ๆ “พวกมันอย่างนั้นหรือ ?”

โดจินซังและจินโกะซังลุกขึ้นยืนยันที พวกเขาจับไม้ขักขระและกริชวัชระในมือของตนแน่นขณะที่มองไปรอบ ๆ “คุณอิวาซากิ… คุ้มกันตัวให้ดี ผมเกรงว่าอีกไม่ช้านี้เราอาจจะไม่สามารถดูแลคุณได้อีก”

พลังปราณที่แข็งแกร่งแผ่ซ่านออกมาจากร่างของโดจินซัง “ใช่แล้ว… จิตวิญญาณแพมพัสนั้นมาพร้อมกับศพขี้ผึ้งที่เกาะอยู่บนร่างของมัน พวกนั้นคือศพของผู้ที่ถูกมันกัดกินทั้งเป็น พวกมันสั่งสมความแค้นไว้มากขณะที่ตาย มันจึงกลายเป็นศพขี้ผึ้งหลังจากที่ตาย ไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยวอยู่สวรรค์หรือโลกอีกต่อไป… ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าจิตวิญญาณแพมพัสขั้นยมทูตขาวดำตนนี้จะมีศพขี้ผึ้งเกาะมาด้วยเท่าไหร่…”

อิวาซากิหลับตาลงและยกมือกำเข้าที่อกของตัวเองขณะที่เอ่ยถามด้วยเสียงที่สั่นเทา “แล้วพวกมัน… ต้องการจะทำอะไรครับ ?”

“จมเรือ” จินโกะซังแค่นหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น “มันเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่เหล่าเด็ก ๆ ด้านบนจะถูกฆ่าตาย จากการคาดเดาของผม พวกเขาควรจะสามารถต้านอยู่ได้อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง แต่ดูเหมือนว่าจิตวิญญาณแพมพัสตนนี้จะไม่อยากรอนานขนาดนั้น มันถึงกล้าที่จะจัดการกับผู้ฝึกตนที่ปลดล็อกขีดจำกัดทางร่างกายด้วยตัวเองในขณะที่สั่งให้ศพขี้ผึ้งเจาะรูที่ใต้ท้องเรือ ร้ายจริง ๆ”

จากนั้น เขาก็หันไปมองฉินเย่ด้วยสายตาที่ล้ำลึก “คุณควรจะเร่งมือได้แล้ว ตอนนี้พวกเรากำลังเผชิญหน้ากับวิญญาณแพมพัสกลางทะเล มันไม่สามารถรับประกันได้ว่าเราจะสามารถต้านได้นานกว่านี้… ยิ่งกว่านั้น นี่เป็นเพียงกองกำลังแรกของอะซะอิ นะงะมะซะ ผมมั่นใจว่าบางสิ่งบางอย่างที่น่ากลัวว่านี้ยังไม่ปรากฏ….”

พลังหยินที่หนาแน่นเริ่มหลั่งไหลเข้ามาผ่านตะปูที่ถูกเจาะอยู่ที่ใต้ท้องเรือ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ถูกสลายไปทันทีที่ปะทะเข้ากับอาณาเขตของแสงจันทร์เดือนหงาย

ทาดายูกิที่เห็นเช่นนั้นก็รีบขยับมือ และชิกิงามิสิบตัวก็ปรากฏขึ้นข้าง ๆ เขา

เม็ดเหงื่อเย็นกลิ้งไปตามสันจมูก แม้แต่มือที่มักจะนิ่งของเขาก็สั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาก็รู้ดีว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้คือหนึ่งในการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดที่เขาเคยพบเจอมา

พวกเขากำลังเชิญหน้ากับกองทัพวิญญาณร้ายนับพันที่ถูกนำทัพมาโดยเหล่าไดเมียวผู้ยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่น ผู้ซึ่งเป็นตัวแทนของอำนาจของยมโลกที่มีประวัติศาสตร์มานานนับพันปี !

นอกจากนี้ ทาดายูกิก็รู้ดีว่าวินาทีที่ศพขี้ผึ้งสามารถผ่านเข้ามาในเรือได้… จะเป็นวินาทีที่การต่อสู้ที่ช่องแคบสึชิมะเริ่มรุนแรงขึ้น

ด้วยถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีที่อยู่ตรงหน้า เขาเกรงว่า… อะซะอิ นะงะมะซะคงจะแทบเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ…

“อีกนานแค่ไหนกว่าพระนักรบของพวกคุณจะมาถึง ?” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นฟังดูธรรมดา แต่แท้จริงแล้วมันกลับตึงเครียดอย่างถึงที่สุด

“30 นาที” จินโกะซังและโดจินซังมองไปรอบ ๆ อย่างหวาดระแวง “แล้วกองกำลังเท็งงุของคุณล่ะ ? ผมหวังว่าสายเลือดองเมียวจิที่โด่งดังจะไม่ทำให้เราจากภูเขาโคยะต้องผิดหวัง…”

“พวกเขาจะมาถึงในอีกไม่ช้า…” ทาดายูกิเอ่ยแทรกขึ้นพร้อมกับแสดงสัญลักษณ์ของเท็งงุซึ่งกำลังเปล่งแสงอยู่ภายใต้ผิวหนังของตนให้อีกฝ่ายได้เห็น เขากัดฟันแน่น “ไม่ต้องห่วง ตระกูลของเรามีประวัติศาสตร์มายาวนาน เราจะไม่ทำให้พวกคุณผิดหวังอย่างแน่นอน !”

………

ครืนนน… โคร่ม… ครืนนน… กลับมาที่วัดฮนโน ฉินเย่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า และภาพของโลกที่กำลังล่มสลายก็ปรากฏให้เห็น

ท้องฟ้าที่ไร้ขอบเขตเหนือวัดฮนโดถล่มลงมาราวกับหลังคาที่พังทลาย รอยแยกขนาดเล็กขยายใหญ่ขึ้นอย่างมาก ในขณะที่เศษชิ้นส่วนที่ถล่มลงมากลับลอยอย่างไร้น้ำหนักอยู่กลางอากาศ

“นี่มันอะไรกัน ?”

“นี่คือสัญญาณของความเสียหายที่เกิดจากผลกระทบภายนอก มันทำให้ที่นี่เสียสมดุล” โนบูนางะจับศีรษะของตนและวางมันไว้บนคอของตัวเอง เปลวเพลิงสีแดงเข้มในดวงตาของเขาลุกโชน น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นไม่มีร่องรอยของความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย หากพูดกันตามตรง มันกลับแฝงไปด้วยความตื่นเต้นด้วยซ้ำ “หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ… หนึ่งในสหายเก่าของเข้าได้มาถึงแล้ว !”

ยมทูตขาวดำเริ่มเคลื่อนไหวแล้วอย่างนั้นหรือ ?

ฉินเย่อ้าปากค้าง และรีบใช้พลังในการปลดผนึกจากด้านในมากกว่าเดิม

วิชาของอาร์ทิสไม่ได้ผลเลยสักนิด ! มันผ่านมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่มันกลับไม่มีวี่แววของความสำเร็จให้เห็นเลยสักนิด…

ทว่าก่อนที่เขาจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ เด็กหนุ่มก็สัมผัสได้ว่ากลิ่นเหม็นไหม้ของวัดฮนโนนั้นรุนแรงมากกว่าเดิม จากนั้นที่ตัววัดก็เริ่มมีควันหนาทึบพุ่งออกมา !

“มันคืออะไรกัน ?” โนฮิเมะพึมพำอย่างตกตะลึง แต่ในเสี้ยววินาทีต่อมา นาง โนบูนางะ รวมถึงวิญญาณร้ายทั้งหมดในมิติแห่งนี้ก็ระเบิดพลังหยินที่รุนแรงออกมา หลังจากนั้น… กิ่งก้านสาขาของต้นไม้ที่อยู่โดยรอบก็เริ่มเหี่ยวเฉาลงอย่างเห็นได้ชัด

“ผนึกได้ถูกทำลายแล้ว…” ร่างของโนบูนางะสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น

400 ปีแห่งความปรารถนา…

400 ปีแห่งการรอคอย…

ญี่ปุ่น ข้า ราชาปีศาจแห่งสวรรค์ชั้นที่ 6 ได้กลับมาแล้ว !

อาเกจิ มิตสึฮิเดะ อะซะอิ นะงะมะซะ และคู่แข่งของข้า ทาเกดะ ชิงเง็ง… ข้าอยากจะรู้ยิ่งนักว่าพวกเจ้าจะตื่นเต้นสักเพียงใดที่จะได้มาพบกันกับข้าอีกครั้ง ?