ตอนที่ 258 เจ้าอาวาสโกรธแล้ว!

บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์

ลิงไม่ได้ผ่านสงครามประทัดตอนแรมสิบห้าค่ำเดือนแปดตามปฏิทินจันทรคติ แต่มันตามฟางเจิ้งไปหลุมบรรพบุรุษของบ้านซุนเฉียนเฉิงตอนเช็งเม็ง เด็กน้อยเหมิงเหมิงอยู่ด้วย ดังนั้นมันจึงจำได้นิดๆ ตอนนี้เห็นซุนเฉียนเฉิงย่อมนึกถึงเด็กน้อย

นึกอะไรออกจึงพูดขึ้น “เจ้าอาวาส ฉันเคยเห็นเด็กคนนั้น!”

“นายเคยเห็น?!” ฟางเจิ้งที่จะพุ่งออกไปหันมาถาม

“ตอนไปยืมจอบ ฉันเห็นผู้หญิงสองคนคุยกับเธอตรงตีนเขา ฉันแค่เหลือบตามอง ไม่ได้เห็นอะไรมาก” ลิงเกาหัว

“รู้ไหมว่าพวกเธอเป็นใคร?” ฟางเจิ้งถาม

ลิงตอบด้วยความจนปัญญา “เหลือบมองเร็วๆ ทีเดียวเอง คือ…จำไม่ค่อยได้แล้ว”

“ไป!” ฟางเจิ้งดึงลิงเข้าไปในอุโบสถ “คุกเข่าลง พยายามนึกถึงภาพที่นายเห็นเหมิงเหมิง!”

ฟางเจิ้งพูดจบก็นั่งขัดสมาธิลง เคาะมู่อวี๋ ช่วยไม่ได้ ตอนนี้ใจเขาไม่สงบแล้ว ต้องสงบลงถึงจะใช้วิชาได้

พอได้ฟังเสียงใสเลื่อนลอยของมู่อวี๋ ลิงสงบลงอย่างรวดเร็ว หมาป่าเดียวดายกับกระรอกนั่งยองอยู่นอกอุโบสถ มองดูเงียบๆ เจ้าสองตัวนี้ก็ร้อนใจเหมือนกัน นั่งไม่ติดพื้นอยู่นิดๆ

แต่พวกมันไม่รู้ว่าคนที่ร้อนใจจริงๆ คือฟางเจิ้ง เขามีมือถือ อ่านข่าวทุกวัน เรื่องเด็กถูกลักพาตัวมีให้เห็นบ่อย เด็กถูกลักไป ไม่ได้ทำลายเพียงเด็ก แต่ยังมีครอบครัว! เด็กคนหนึ่งคือสมบัติของบ้าน ถูกคนลักพาตัวไป ครอบครัวนี้จะแตกสลายในทันใด ตายดีกว่าอยู่…หากเด็กถูกขายให้คนใจดีก็ดีไป แต่ถ้าขายให้คนเลว จุดจบคงอนาถาอย่างยิ่ง พอนึกถึงว่าก่อนหน้านี้ซุนเฉียนเฉิงร้อนใจจนเหมือนกับแมลงวันไม่มีหัวแล้ว ฟางเจิ้งยิ่งร้อนใจเข้าไปใหญ่…

เคาะมู่อวี๋ยังไม่อาจสงบลง เขาจึงต้องสวดมนต์ถึงสงบใจลงช้าๆ ขณะเดียวกันยังเอ่ยด้วยความปลงอนิจจัง “อาตมายังบำเพ็ญเพียรไม่ลึกล้ำ พบเจออะไรก็ปั่นป่วนจิตใจไปหมด เฮ้อ…”

ฟางเจิ้งสงบลงก่อนเคลื่อนความคิด อาศัยพลังของพระแม่กวนอิมปางพันเนตรพันกรเข้าไปในส่วนลึกความทรงจำลิง

ต่อมาพริบตาที่ฟางเจิ้งลืมตาอีกครั้งก็มาอยู่ตีนเขาวัดเอกดรรชนีแล้ว อยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้านเอกดรรชนี หางตาคือการเหลือบตามองเร็วๆ แวบนั้นของลิง ตรงทางเข้าหมู่บ้านมีผู้หญิงสองคนกำลังคุยกับเหมิงเหมิงจริงๆ

ฟางเจิ้งสูดลมหายใจเข้าลึก “นิ่ง!”

ภาพทั้งหมดหยุดนิ่ง ฟางเจิ้งเคลื่อนความคิดมาอยู่ข้างหลังเหมิงเหมิง มองผู้หญิงสองคนที่นั่งยองตรงหน้า คนหนึ่งผิวเหลืองเทียน พันผ้าขนหนู สวมเสื้อเชิ้ตลายตาราง สวมกางเกงยีนแนววินเทจ อีกคนปากแหลมแก้มลิง ดวงตาเล็กมาก เหนือคางมีไฝดำ สวมเสื้อขนตัวเล็กสีชมพู ในมือถือแท่งลูกอม รอยยิ้มดูเหลี่ยมจัด ราวกับกำลังพูดบางอย่าง

แต่เหมิงเหมิงส่ายหน้า เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้สุภาพมาก ไม่รับของจากคนแปลกหน้า

พอมองใบหน้าเล็กน่ารักของเหมิงเหมิงแล้วมองท่าทีของผู้หญิงสองคนนี้ ฟางเจิ้งเกิดเพลิงโทสะในใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ! ตอนนี้เขาโกรธจริงๆ แล้ว! ยังมีคนทำเรื่องเลวทรามแบบนี้อีก ไม่กลัวว่าตายไปจะตกนรกหรือ?

“ระบบ โลกนี้มีนรกจริงๆ ไหม?” ฟางเจิ้งถาม

“นรกอยู่ในใจ” ระบบตอบคลุมเครือ แถมยังเตือนอีกว่า “เพลิงโทสะในใจนายร้อนแรงมาก ควรดับไฟ”

ฟางเจิ้งตะลึงงัน จากนั้นยิ้ม “ทำไม นายไม่อยากให้อาตมาช่วยพวกเธอกลับใจเหรอ?”

“อมิตาพุทธ คนชั่วย่อมมีคนชั่วคอยขัดเกลา เจอกับคนชั่วที่ไม่มีความดีต้องใช้ความพิโรธของพระวิทยราช วางดาบลง หันกลับคือฟากฝั่ง นั่นใช้สำหรับคนที่ในใจยังมีความดี ขอให้นายโชคดี…”

ฟางเจิ้งกล่าว “ขอบคุณ แต่ว่านายช่วยไม่ได้เลยจริงๆ เหรอ? มาพูดแค่นี้?”

“นายต้องพึ่งตัวเอง” ระบบตอบอย่างมีเหตุผล

ฟางเจิ้งมองบน ในเมื่อไม่มีหวังก็ช่างเถอะ ได้เห็นหน้าตาสองคนนี้ชัดเจนแล้ว เขาจึงลงเขาไปเงียบๆ ถึงตีนเขา ทั้งหมู่บ้านเกิดความวุ่นวาย ใครมีรถออกไปตามหานอกหมู่บ้าน ใครไม่มีรถอยู่ในหมู่บ้าน ค้นหาทั้งข้างในและข้างนอก หลุมเล็กหลุมใหญ่ แม่น้ำลำธารก็ไปหา…หวังโอ้วกุ้ยพาตำรวจมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ฟางเจิ้งมองตำรวจอยู่ไกลๆ ล้วนเป็นคนรู้จัก นั่นคือตำรวจท้องถิ่นนามลวี่เหลียง ครั้งก่อนอวี๋กว่างเจ๋อหาชุดชั้นในก็ได้เขามาทำคดี ฟางเจิ้งไม่ได้คิดจะเข้าไปทักทาย แต่หาที่กว้างโล่งหน่อยใช้ความฝันยามต้มข้าวฟ่าง!

ลวี่เหลียงกำลังค้นหาเบาะแสพลันตาพร่ามัว มีภาพกลุ่มหนึ่งเพิ่มมาตรงหน้า เป็นผู้หญิงสองคนคุยกับเด็กหญิงคนหนึ่ง ตามด้วยหยิบแท่งลูกอมออกมา!

“ซุนเหมิงเหมิง?” ลวี่เหลียงใจสั่น จะร้องขึ้น แต่ตะโกนไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงพุ่งไปจะอุ้มซุนเหมิงเหมิง ทว่ามือกลับทะลวงผ่านร่างซุนเหมิงเหมิง

“ภาพหลอน?” ลวี่เหลียงพูดด้วยความตกใจ

“อมิตาพุทธ!” ขณะนี้เองเสียงสวดดังขึ้น

ลวี่เหลียงเงยหน้าขึ้นเห็นบนฟ้าเขาเอกดรรชนีมีเทวรูปพระโพธิสัตว์กายทองคำยักษ์องค์หนึ่ง พระโพธิสัตว์นั่งตัวตรงบนภูเขาเอกดรรชนี ภายในใบหน้าเมตตามีความสงสาร

“พระโพธิสัตว์กวนอิม?” ลวี่เหลียงตกใจสะดุ้ง ทุกอย่างนี้มันคืออะไรกัน?

แต่ต่อมาภาพทุกอย่างหายไป จนเมื่อเขาเห็นทุกอย่างชัดเจนก็พบสิ่งที่น่าตกใจคือตนมาอยู่ตรงปากทางเข้าหมู่บ้านทางตะวันออก! ที่นี่เชื่อมไปยังภูเขาเอกดรรชนี! ห่างไปไม่ไกลเป็นพวกหวังโอ้วกุ้ยกำลังวิ่งมาทางนี้…

“ลวี่เหลียง คุณเป็นกระต่ายรึไง? ทำไมวิ่งเร็วขนาดนี้?” หวังโอ้วกุ้ยตะโกน

ลวี่เหลียงเพิ่งนึกขึ้นได้ ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้อยู่หน้าหมู่บ้าน ทำไมจู่ๆ มาอยู่ที่นี่? พอนึกถึงภาพในความฝันเมื่อครู่จึงเงยหน้ามองภูเขาเอกดรรชนีโดยจิตใต้สำนึก น่าเสียดายบนเขาไม่มีพระโพธิสัตว์ แต่เขารู้ว่าความฝันเมื่อครู่ไม่ได้มาอย่างไร้มูลเหตุแน่ๆ ต้องมีสาเหตุอยู่ในนั้น ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องบังเอิญ! ลวี่เหลียงนึกไปถึงหน้าตาผู้หญิงสองคนนั้น ก็ต้องตกใจเพราะว่าเขามองเห็นอย่างชัดเจนราวกับว่าอยู่ตรงหน้า!

ลวี่เหลียงหยิบมือถือขึ้นมาต่อสายมือถือ “พ่อ ผมต้องให้พ่อช่วย?”

“อุบ่ะ จะให้ฉันช่วย? นิสิตของบ้านเรายังเห็นช่างสเก็ตซ์ภาพแก่ๆ อยู่ในสายตาอีกหรือเนี่ย?” น้ำเสียงติดยั่วเย้านิดๆ คนนี้คือลวี่ฮุย เป็นตำรวจอาชญากรรมอาวุโส ทำงานสเก็ตซ์ภาพมาหลายสิบปี น่าเสียดาย เมื่อเทคโนโลยีพัฒนา ความสามารถของเขาที่ได้ฟังคำของผู้เห็นเหตุการณ์สองสามครั้งก็สเก็ตซ์ภาพของผู้ต้องสงสัยได้คร่าวๆ จึงถูกมองข้ามไป อย่างน้อยขนาดลูกชายเขาลวี่เหลียงยังมองข้าม ใจลวี่เหลียงคิดว่าเทคโนโลยีพัฒนาขนาดนี้ คอมพิวเตอร์วาดภาพเหมือนได้ แถมยังทำเป็นภาพ3D ได้ด้วย มีภาพจากทุกมุม ขอแค่หาภาพมาแล้วให้ผู้เห็นเหตุการณ์ดูก็จบ

“นี่คุณพ่อ อย่าล้อเล่นน่า ครั้งนี้เกิดเรื่องใหญ่ หมู่บ้านเอกดรรชนีมีเด็กถูกลักพาตัวไป ผมรู้หน้าตาสองคนนี้ ผมต้องให้พ่อช่วยวาดภาพออกมาที เดี๋ยวส่งไปให้แต่ละหน่วยงาน ทุกคนช่วยกันตรวจสอบถึงจะเร็วที่สุด…” ลวี่เหลียงจะพูดต่อพลันได้ยินเสียงตะโกนมาจากปลายสาย

…………………