ตอนที่ 194 ผิดสัญญา

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่  194 ผิดสัญญา

หลังงานวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าจบลง อันอิงเฉิงก็ได้รับรู้เรื่องที่หลี่ซื่อถูกลงโทษด้วยกฎจวน พอได้ยินข่าวนี้แล้วจากที่มึนเมาก็ได้สติทันที ราวกับว่าสุราในกายหายไปโดยฉับพลัน

“นี่มันเรื่องอันใด ? “

เขามีใบหน้าที่เคร่งขรึมแล้วรีบเดินไปเรือนหลี่ซื่อ ก้าวไปด้วยถามไปด้วย

ผู้มาส่งข่าวมิกล้าปิดบังความจริงจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในงานวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่าอย่างละเอียด

 อันอิงเฉิงยิ่งฟังใบหน้าก็ยิ่งดำทะมึนมากขึ้น

เขาโบกมือให้บ่าวถอยออกไปและตนก็เดินเข้ามาในเรือนหลี่ซื่อ

“ท่านพ่อมาแล้ว”

อันหลิงอีเพิ่งป้อนยาให้หลี่ซื่อเสร็จ ตอนนี้จึงเห็นอันอิงเฉิงเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่มิค่อยดีสักเท่าไร

อันอิงเฉิงเห็นใบหน้างดงามมีเสน่ห์และท่าทีเคารพผู้ใหญ่ของบุตรสาวก็ทำให้เขายิ่งรู้สึกเจ็บใจและเป็นห่วงสองแม่ลูกคู่นี้มากขึ้น

“ท่านแม่ของเจ้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ” อันอิงเฉิงเอ่ยถามอันหลิงอีที่นั่งอยู่ข้างเตียงพร้อมมองคนบนเตียงที่มีใบหน้าซีดขาว คิ้วยังขมวดแน่น

อันหลิงอีกำลังจักพูด หลี่ซื่อก็ส่งสายตาให้และกล่าวด้วยท่าทางอ่อนแอ “ท่านพี่เจ้าคะ ข้าโดนใส่ร้ายเจ้าค่ะ ! “

“มีคนเล่นมิซื่อกับของขวัญที่อีเอ๋อเตรียมให้ท่านแม่ จนท่านแม่คิดว่าอีเอ๋อมิพอใจต่อนาง จงใจสร้างความมิเป็นมงคลในวันเกิด แต่จักเป็นไปได้เยี่ยงไรเจ้าคะ” หลี่ซื่อกล่าวออกมาด้วยเสียงอ่อนแรงและน้ำตาคลอ ใบหน้าซีดเผือดยิ่งทำให้นางดูอ่อนแอราวดอกสาลี่โดนฝนตกใส่ นางยื่นมือไปดึงเสื้ออันอิงเฉิง แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง “ท่านพี่เจ้าคะ ท่านต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน ห้ามให้อีเอ๋อต้องแบกรับชื่อเสียงโหดร้ายเยี่ยงนี้เจ้าค่ะ ! “

อันอิงเฉิงตบไหล่นางเบา ๆ แต่มิคิดเชื่อนางในทันที “เรื่องนี้ข้าได้ยินมาแล้ว ในเมื่ออีเอ๋อทำผิดก็ให้นางไปขอโทษและยอมรับผิดต่อท่านแม่ มิจำเป็นต้องวุ่นวายจนทำให้ท่านแม่มิชอบใจกระทั่งใช้กฎจวนเยี่ยงนี้”

ท่าทางร้องไห้อย่างหนักของหลี่ซื่อหยุดลง ใบหน้าที่ซีดเซียวยังมีน้ำตาอยู่ นางเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางมิอยากเชื่อ “ท่านพี่เจ้าคะ หรือแม้แต่ท่านก็คิดว่าอีเอ๋อทำจริง ? “

คำถามนี้ราวกับเคยกล่าวมาแล้ว ครั้งก่อนอันอิงเฉิงเชื่อคำพูดของหลี่ซื่อจนทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าโมโห

จนวันนี้หลี่ซื่อก็กล่าวคำเยี่ยงนี้ออกมาอีก อันอิงเฉิงคิดว่านี่เป็นข้ออ้างที่นางคิดไว้ก่อนแล้ว

เป็นดั่งที่ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าว หลี่ซื่อมีอำนาจดูแลเรื่องราวเกือบทั้งหมดในจวน ผู้อื่นจักเปลี่ยนของขวัญในมืออันหลิงอีได้เยี่ยงไร ? ผู้ที่สามารถทำเรื่องนี้ได้จึงต้องมีแต่อันหลิงอีเพียงผู้เดียว

อันหลิงอีใบหน้าเปลี่ยนไปทันที นางมิเข้าใจว่าเหตุใดท่านพ่อที่รักนางกลับมิเชื่อใจนางเลย ?

“ท่านพ่อเจ้าคะ!” นางร้องออกมาทีหนึ่ง ใบหน้าที่มีเสน่ห์มิได้มีความงดงามดั่งก่อน ดวงตาจ้องมองอันอิงเฉิง “เรื่องนี้มีคนใส่ร้ายลูก ลูกมิเคยคิดส่งรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยกให้ท่านย่า ! “

“แล้วรูปปั้นไปอยู่ตรงหน้าท่านย่าของเจ้าได้เยี่ยงไร ? ” อันอิงเฉิงมิแยแส เพียงถามกลับจนทำให้อันหลิงอีพูดมิออก

หลี่ซื่อนึกถึงชิงเอ๋อขึ้นมาได้ แววตานางมีความมืดมนฉายผ่าน แต่ใบหน้ายังแสดงออกว่าได้รับความลำบากมหาศาล “ต้องเป็นชิงเอ๋อ นางเป็นสาวใช้ที่อีเอ๋อเลื่อนขั้นให้ มิรู้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ที่สั่งนางมาใส่ร้ายอีเอ๋อเจ้าค่ะ”

คนที่มิถูกชะตากับหลี่ซื่อและอันหลิงอี นับไปนับมาก็มีเพียงมิกี่คนเท่านั้น

แม้หลี่ซื่อมิได้กล่าวออกมาชัดเจน แต่ก็โยนความสงสัยไปที่อันหลิงเกอกับเว่ยซื่อแล้ว

แต่การทำเช่นนี้ แม้ทำได้ในครั้งแรก มิได้หมายความว่าครั้งที่สองก็สำเร็จ

ชิงเอ๋อเป็นสาวใช้ในเรือนอันหลิงอี ผู้ที่เลื่อนนางขึ้นมาก็เป็นอันหลิงอี หรือผู้อื่นสามารถนำมีดมาจี้คอบังคับให้นางเลื่อนชิงเอ๋อเป็นสาวใช้คนสนิทได้ ?

อันอิงเฉิงคิดได้เยี่ยงนั้นแววตาก็เรียบนิ่งขึ้นมา ความเป็นห่วงต่อหลี่ซื่อก็จางหายไปแล้ว “เจ้าได้รับบาดเจ็บก็รักษาตัวให้ดี อย่าคิดเรื่องไร้สาระอีก”

สองแม่ลูกถูกคนใส่ร้าย เสียหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย ถูกฮูหยินผู้เฒ่าลงโทษด้วยกฎจวน วันนี้เพียงแค่อยากจับคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาเท่านั้น ยังนับว่าเป็นเรื่องไร้สาระได้เยี่ยงไร

หลี่ซื่อยังอยากกล่าวอันใดบางอย่าง แต่อันอิงเฉิงดึงมือนางออกแล้วลุกขึ้น จากนั้นเดินออกไปจากเรือนโดยมิหันกลับมาเลย

“ท่านพี่ ท่านพี่เจ้าคะ ! “

หลี่ซื่อร้องเรียกถึงสองครั้งติดกัน แต่อันอิงเฉิงมิหยุดฝีเท้า เขาทำราวกับมิได้ยินเสียงนั้น

“ท่านพ่อทำเกินไปแล้วเจ้าค่ะ” อันหลิงอีโกรธและมิพอใจจนถึงขีดสุด “ที่ผ่านมาท่านพ่อรักลูกที่สุด แต่วันนี้มิเชื่อคำของลูก เป็นเพราะคนสารเลวอันหลิงเกอแท้ ๆ มิเช่นนั้นท่านพ่อจักทำเช่นนี้กับลูกได้หรือ ท่านพ่อจักมิสนใจท่านแม่ได้เยี่ยงไร ? “

ตอนนี้แววตาหลี่ซื่อเปลี่ยนเป็นนิ่งขรึม นางนอนคว่ำลงบนเตียง บริเวณหลังปวดแสบปวดร้อนไปหมดจนทำให้ใบหน้าบิดเบี้ยวขึ้นเรื่อย ๆ แต่ความเจ็บปวดทางกายนี้เทียบมิได้กับความเจ็บทางใจที่เกิดขึ้น

“ดีเสียจริง ข้าคิดว่าคนสารเลวอันหลิงเกอเพียงแค่อยากเล่นงานเราบ้าง ทำให้ลูกเสียหน้าต่อหน้าท่านย่าเท่านั้น ที่แท้นางยังคิดอยากให้ท่านโหวสูญเสียความเชื่อถือที่มีต่อแม่ด้วย” หลี่ซื่อรู้สึกโกรธจนหัวเราะออกมา เพียงแต่รอยยิ้มบนหน้าดูมืดมนและน่ากลัวยิ่งนัก “ผู้อื่นเดินหมากแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่อันหลิงเกอตัวดีสามารถวางแผนเล่นงานได้ทีละหลายคน”

เดิมทีนางคิดว่ารู้จักอันหลิงเกอดีพอ แต่เรื่องในวันนี้เป็นเหมือนสัญญาณเตือนอย่างหนึ่ง ทำให้นางรู้ว่ามิอาจดูแคลนคนผู้นี้ได้ แม้อันหลิงเกออายุเพียง 15 ปี ทว่าฉลาดราวกับปิศาจ เมื่อต้องเผชิญกับอันหลิงเกออีกครั้งจึงมิควรประมาทแม้แต่น้อย

อันหลิงอีกัดฟันแน่น ใบหน้ามีเสน่ห์ดูชั่วร้ายเหมือนหลี่ซื่อ “ท่านแม่เจ้าคะ เราจักยอมโดนเอาเปรียบหรือเจ้าคะ ? อันหลิงเกอใส่ร้ายเราถึงเพียงนี้ ลูกมิยอมแน่ ! “

เรื่องนี้ย่อมมิจบโดยง่ายอย่างแน่นอน

หลี่ซื่อจับผ้าห่มในมือไว้แน่น มุมปากเริ่มมีรอยยิ้มเย็นชา “แม้อันหลิงเกอมีแผนการมากมายเพียงใด แม่จักมิปล่อยให้นางมีโอกาสใช้แผนการเหล่านั้นอีก”

นางถูกแส้เฆี่ยนไปหลายสิบที ทั้งยังถูกท่านโหวสงสัย แค้นเก่าผสมแค้นใหม่นี้ต้องชำระคืนอันหลิงเกอทั้งหมด !

ทางด้านอันหลิงเกอที่ถูกหลี่ซื่อสาปแช่งอยู่ ในตอนนี้กำลังนั่งอยู่ในเรือนฉีอู๋ ตรงเบื้องหน้าของนางมีภาพแผนที่ขนาดใหญ่กางอยู่

นางยื่นมือไปขีดเส้นโค้งไปมาด้วยใบหน้าจริงจังราวกับกำลังคิดแผนอันใดอยู่

ปี้จูที่ยกน้ำชาเข้ามากำลังเตรียมส่งให้อันหลิงเกอ แต่ถูกหมิงซินดึงมือไว้ก่อน จากนั้นหมิงซินกระซิบว่า “คุณหนูกำลังดูว่าท่านมู่ซื่อจื่อเดินทางถึงไหนแล้ว เจ้าอย่าเพิ่งรบกวนเลย”

หมิงซินที่ได้ตริตรองอย่างละเอียดรอบคอบ ตั้งแต่ครั้งก่อนที่เจอคุณหนูกับมู่ซื่อจื่อนั่งทานอาหารร่วมกันอย่างคุ้นเคย นางจึงรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างมู่จวินฮานและอันหลิงเกอมิได้ง่ายตามที่ตามองเห็น