ตอนที่ 273 : พลัง 3 เท่า

การที่เซี่ยงหยางมาจับไหล่เขานั้น หลงจั่วเทียนเหมือนไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเลย มันราวกับว่าเขาคิดอยู่แล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้

เขายังยืนนิ่งด้วยสีหน้าเยือกเย็น

เขาเองก็วางมือไปบนไหล่ของเซี่ยงหยางเช่นกัน

ทั้งสองไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรต่อจนทำให้ทุกคนต้องแปลกใจ

“พวกเขาไม่คิดจะทำอะไรกันเลยรึไง”

“นี่พวกเขาจะมายืนบนสังเวียนเฉย ๆ ให้พวกเราดูอย่างนี้น่ะหรือ ? ”

ผู้คนพากันวิจารณ์ออกมา

ภายใต้สายตาของพวกเขา จู่ ๆ สองคนนั้นกลับถอยห่างออกจากกัน แต่ไม่ได้โจมตีต่อ

เซี่ยงหยางมองไปที่หลงจั่วเทียน ก่อนที่คลื่นลึกลับที่แผ่จากตัวเขาจะสลายไป

ตรงกันข้ามนั้นหลงจั่วเทียนก็มองไปที่เซี่ยงหยาง สายตาเขาดูแปลกไปก่อนที่จะทำการเคลื่อนไหว

หลังจากที่สะบัดมือ คลื่นที่มองไม่เห็นแต่รับรู้ได้ว่าแข็งแกร่งก็ก่อตัวขึ้นที่มือและเท้าของเขา

มันสามารถทำให้อากาศสั่นไหวและทำให้ร่างกายยกระดับขึ้นมาหลายเท่า เขาสามารถระเบิดพลังอันน่าทึ่งออกมาได้

นี่คือทักษะขั้น 8 ทักษะผันผวน ตำนานบอกไว้ว่าหากเชี่ยวชาญทักษะนี้ทั้งหมดแล้ว แม้แต่สัตว์อสูรขอบเขตจักรพรรดิก็ยังยากจะรับมือได้ มันแสดงให้เห็นแล้วว่าทักษะนี้น่าทึ่งแค่ไหน

หลงจั่วเทียนมองไปยังอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชาก่อนที่กระดูกในตัวเขาจะส่งเสียงลั่นดังขึ้นมา

ชัดแล้วว่าเขาได้ใช้ทักษะนี้เพื่อเพิ่มพลังให้กับร่างกาย แต่ไม่รู้เลยว่ามันจะสามารถเพิ่มพลังได้หลายเท่าแบบนี้

เซี่ยงหยางกระโดดขึ้นจนพื้นเวทีเกิดรอยแตกร้าวขึ้นมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังจากการถีบตัวของเขา

หลงจั่วเทียนยืนนิ่งราวกับฝังรากอยู่ที่เดิม เดาว่าหากต้องปะทะกันแล้วเขานี่แหละที่จะเป็นฝ่ายกระเด็นไป

“พลังนี่น่ากลัวจริง ๆ นายเพิ่มพลังให้ตัวเองได้ถึง 3 เท่าเลยหรือ ? ” หลงจั่วเทียนได้ถามขึ้นมา

เซี่ยงหยางไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด สายตาของเขายังจับจ้องไปที่หลงจั่วเทียนไม่ละสายตา

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง ในจุดที่เซี่ยงหยางปรากฏตัวนั้นมีพลังอันน่าทึ่งแผ่ออกมาจนทำให้เวทีสั่นไหว

“นายคงมีขีดจำกัดสินะ ถึงได้รีบจบการต่อสู้โดยเร็วที่สุดแบบนี้ ถ้าถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้ว นายก็จะอยู่ในสภาวะอ่อนแอและต้องใช้เวลาเพื่อฟื้นฟูร่างกาย”

“นายพูดถูก” เซี่ยงหยางมองไปที่หลงจั่วเทียนแล้วตอบกลับ “แล้วยังไง ? ” สุดท้ายเซี่ยงหยางก็ยอมรับ

“ถ้าฉันยื้อให้นายไปถึงขีดจำกัดได้ สุดท้ายฉันก็จะชนะ” หลงจั่วเทียนพูดยิ้ม ๆ

เซี่ยงหยางยิ้มออกมาอย่างเย็นชา เขาพุ่งออกไปปรากฏตัวตรงหน้าหลงจั่วเทียนพร้อมกับมือขวาที่พุ่งออกมาเพื่อจะจับอีกฝ่ายเอาไว้ แต่หลงจั่วเทียนเดาออกอยู่แล้ว เขาใช้เท้าเตะไปที่มือของเซี่ยงหยาง ก่อนที่จะอาศัยแรงสะท้อนเพื่อถอยกลับไป

“ฉันเกรงว่านายคงยื้อถึงตอนนั้นไม่ได้ เพราะฉันจะเอาชนะนายได้แน่” เมื่อพูดจบ เซี่ยงหยางก็พุ่งตามหลงจั่วเทียนต่อ

หมัดของเซี่ยงหยางได้ต่อยใส่ท้องน้อยของหลงจั่วเทียน

หลงจั่วเทียนเหมือนจะเดาไว้อยู่แล้ว และสามารถหลบมันได้ เขาสะบัดแขนออกไปรับมือกับหมัดนี้

เสียงปะทะดังขึ้นพร้อมกับหลงจั่วเทียนที่กระเด็นไปที่ขอบเวที เขาเกือบจะตกลงไปแล้ว หลงจั่วเทียนเช็ดเลือดที่มุมปาก มือของเขาสั่นเล็กน้อย สายตาเขาแสดงความหนักใจออกมา “ถึงจะรู้อยู่แล้วแต่พลังมันมากเกินไป ฉันเกือบจะรับมือไม่ไหว นี่เพิ่มพลังแค่ 3 เท่า ถ้าเพิ่มมากกว่านี้จะเป็นแบบไหน”

“ทักษะผันผวนถึงจะแข็งแกร่งแต่ก็มีผลข้างเคียง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เกือบจะเทียบได้กับทักษะขั้นที่ 9” หลงจั่วเทียนถอนหายใจออกมาพร้อมขมวดคิ้ว “ฉันไม่ได้เก่งเรื่องการต่อสู้ คิดว่าด้วยความสามารถของฉันในตอนนี้แล้วแค่ยื้อไปได้สักพักก็ถือว่าดีแล้ว”

“ตอนนี้ฉันยังพอเอาตัวรอดได้ หวังว่าทักษะผันผวนจะคงอยู่ได้ไม่นานนัก ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มีโอกาส”

“แต่ก็ช่างเถอะ ปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตาก็แล้วกัน อย่างไรเสีย ฉันก็ไม่ได้อยากจะเข้าร่วมงานชุมนุมนี่อยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสบังคับ ฉันคงไม่เข้าร่วม”

“ถ้าจะต้องแพ้ก็ต้องแพ้แบบมีศักดิ์ศรี ฉันจะได้กลับเร็ว ๆ ขี้เกียจที่จะรอแข่งต่อ…” ตอนนั้นความคิดนี้ก็ได้โผล่ขึ้นมาในหัวของหลงจั่วเทียน

สำหรับว่าผู้อาวุโสของเขาจะทำอะไรหลังจากนี้นั้น เขาไม่มีเวลาได้คิดและไม่อยากจะรู้ด้วย เขาเข้าร่วมการชุมนุมนี้แล้ว และคู่ต่อสู้ก็เป็นถึงอัจฉริยะที่โดดเด่น ถึงแพ้ไปก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก

ยังไงซะผู้อาวุโสของเขาก็คงว่าอะไรเขาไม่ได้

ความคิดนี้เกิดขึ้นในพริบตา

หลงจั่วเทียนมองไปที่เซี่ยงหยางพร้อมกับความคิดมากมายที่โผล่ขึ้นมาในหัว เขาจะต้องหาวิธียื้อเวลาในตอนนี้

แต่เขาก็พบว่ามันไม่มีทางอื่นเลย ต่อหน้าความแข็งแกร่งที่สูงส่งแบบนี้ แผนการทุกอย่างล้วนพังทลายไปหมด

อันที่จริงหลงจั่วเทียนเองก็มีความสามารถ เขาไม่ได้ด้อยกว่าเซี่ยงหยางเลย แต่ความสามารถของเขานั้นเป็นความลับ เขาไม่อาจจะเปิดเผยในการชุมนุมนี้ได้

สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือเมื่อเขาใช้มันออกไปแล้ว เขาก็ไม่อาจจะสู้ต่อได้ ราคาในการใช้ความสามารถนี้สูงเกินไป เขาต้องใช้เวลาฟื้นฟูตัวเองอย่างมาก มันไม่เหมือนกับทักษะที่เซี่ยงหยางใช้ในตอนนี้ ที่แค่พักไม่นานร่างกายก็กลับมาฟื้นฟูเป็นดังเดิม

ดังนั้นหลงจั่วเทียนจึงอยากจะเรียนรู้ทักษะนี้ แต่เขาก็รู้ว่าเขาทำได้แค่คิด ทักษะนี้คือทักษะประจำตระกูลซึ่งไม่อาจจะเปิดเผยออกมาได้ แม้ว่าเขาจะเป็นศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดของเขามังกรพยัคฆ์รวมไปถึงเป็นว่าที่หัวหน้าสำนักคนต่อไป แต่ตระกูลอื่นนั้นคงไม่มีทางมอบทักษะให้กับเขาแน่

แม้ว่าเจ้าสำนักของเขามังกรพยัคฆ์จะมาขอด้วยตัวเองแต่ก็ไม่อาจจะเป็นไปได้