บทที่ 240 ตบให้เข้าที่

หลี่จิงเทียนเดินวนไปวนมาอยู่ในออฟฟิศของตัวเองด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจสุดฤทธิ์ โดยที่มีเผิงอิงอิงนั่งมองอยู่

“นายน้อยหลี่ เย็นนี้อากาศข้างนอกดีจะตาย ทำไมคุณถึงต้องทำหน้าทำตาเหมือนกับวันนี้เป็นวันสิ้นโลกแบบนี้?”

หลังจากพูดจบ เผิงอิงอิงก็เดินเข้าไปคล้องแขนของหลี่จิงเทียน พร้อมกับส่งสายตายั่วยวน

“โธ่ จะไม่ให้ฉันกังวลได้ยังไงกัน! ช่วงนี้ลุงสองของฉันแอบติดต่อฉันบ่อยเกินไปแล้ว ถ้าอวี้ฮ่าวหรานมันรู้เข้าฉันจะทำยังไง?”

ถึงแม้ว่าหลี่จิงเทียนจะชอบให้ผู้หญิงเอาตัวมาแนบชิดกับร่างกายของตัวเอง แต่ความกังวลใจในตอนนี้มันทำให้เขาไม่มีความสุขเอาซะเลย

หลังจากที่รู้ว่าพี่เขยเป็นคนที่โหดเหี้ยมขนาดไหน จากตอนที่หวังเจวียตายอย่างน่าอนาถ เขาก็รู้สึกกลัวพี่เขยของตัวเองจับใจ

“ถ้างั้น…”

เผิงอิงอิงเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็เริ่มครุ่นคิด ในตอนนี้เธอกับหลี่จิงเทียนลงเรือลำเดียวกันแล้ว ดังนั้นเธอจำเป็นต้องช่วยเหลือเขาเพื่อผลประโยชน์ที่จะมีร่วมกัน

อย่างไรก็ตามหลังจากครุ่นคิดอยู่พักใหญ่เธอก็ยังไม่สามารถหาทางออกที่เหมาะสมได้ ดังนั้นเธอจึงคิดถึงวิธีการอันสุดโต่งด้วยสีหน้าชั่วร้าย

“ถ้างั้น…ในเมื่อเราไม่มีทางอื่น เราจ้างคนให้ฆ่าอวี้ฮ่าวหรานให้สิ้น ๆ เรื่องไปเลยเป็นไง? เมื่อถึงตอนนั้นทุกอย่างก็จะตกเป็นของเราจริงไหม?”

อันที่จริงเธอมีความคิดนี้มาได้สักพักแล้ว เพราะการตายของอวี้ฮ่าวหรานจะเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับพวกเขา

“ห๊ะ? ฆ่าพี่เขยของฉันเนี่ยนะ?”

หลี่จิงเทียนตกตะลึงกับความคิดนี้ มันเป็นความคิดที่ทำให้เขาถึงกับขนหัวลุก

“ไม่ได้! ไม่ได้เด็ดขาด! เธอไม่รู้หรือไงว่าพี่เขยของฉันแข็งแกร่งแค่ไหน? เธอรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าแม้แต่หวังเจวียที่มีบอดีการ์ดเป็นสิบคนคอยคุ้มครองยังตายคาบ้านด้วยสภาพที่น่าอนาถ รวมไปถึงบอดีการ์ดพวกนั้นก็ตายกันหมดไม่มีเหลือ! นี่หัวสมองของเธอทำด้วยอะไรถึงคิดว่าจะฆ่าพี่เขยฉันได้ง่าย ๆ?”

หลังจากพูดจบ หลี่จิงเทียนผลักเผิงอิงอิงออกไปด้วยสีหน้าหวาดกลัว เขาไม่กล้าแม้แต่จะทบทวนแนวความคิดนี้ด้วยซ้ำ

ล้อเล่นเถอะ! ฆ่าพี่เขยของฉันเนี่ยนะ?

ใครมันจะไปมีปัญญาทำแบบนั้นได้ ขืนพี่เขยของฉันรู้เข้า ฉันไม่รอดแน่!

เมื่อเห็นสีหน้าที่หวาดกลัว เผิงอิงอิงก็รู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจแต่เธอก็ไม่กล้าพูดอะไรขึ้นอีก

หลายวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

วันนี้อวี้ฮ่าวหรานเข้าไปที่บริษัทของเขาเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยต่าง ๆ

“ผู้จัดการหวัง คุณช่วยรายงานสถานการณ์ของบริษัทเราช่วงนี้มาที”

ชายหนุ่มเอ่ยสั่งผู้จัดการหวังที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ

ผู้จัดการผู้รอบคอบนำเอกสารรายงานติดตัวมาด้วยเสมอหากเข้าพบกับอวี้ฮ่าวหราน ดังนั้นเมื่อถูกถามคำถามนี้เขาจึงเริ่มรายงานทันที

“ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทของเรามียอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างก้าวกระโดดโดยเฉพาะสินค้าตัวใหม่ที่เราเพิ่งทดสอบเสร็จและวางจำหน่ายไป ยิ่งทำให้ยอดขายของเราเพิ่มมากขึ้น บริษัทหน้าใหม่หลายบริษัทเซ็นสัญญาซื้อขายกับเราด้วยสัญญาระยะยาว ตามความเห็นของผม ไตรมาสนี้ผลกำไรของเราคงเติบโตขึ้นไปอีกทำลายสถิติเดิมจากไตรมาสที่แล้วแน่นอนท่านประธานอวี้”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าอย่างพึงพอใจหลังจากฟังจนจบ

“ดี คุณทำงานได้ดีมาก ว่าแต่ช่วงนี้หลี่จิงเทียนเป็นยังไงบ้าง? เขาทำอะไรแปลก ๆ บ้างหรือเปล่า?”

ช่วงนี้เขาไม่ได้เข้าบริษัทสักเท่าไหร่เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับการบ่มเพาะและเรื่องอื่น ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้เรื่องช่วงนี้ที่เกิดขึ้นในบริษัทมากนัก เขาจำเป็นต้องถามคนที่มาทำงานทุกวันอย่างผู้จัดการหวัง

“เรียนประธาน ช่วงนี้หลี่จิงเทียนไม่ได้มีความเคลื่อนไหวอะไรเช่นเคย แต่เขามาที่บริษัทแทบทุกวัน น้อยมากที่เขาจะไม่มาที่นี่”

“โอ้ ในที่สุดไอ้คนไม่ได้เรื่องนั่นก็เริ่มจะคิดได้แล้วงั้นเหรอ?”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มอย่างเย้ยหยัน

“แต่ว่าท่านประธาน มีบางเรื่องที่ผมไม่รู้ว่าจะเป็นปัญหาไหม ช่วงนี้เผิงอิงอิงเข้าไปในห้องของหลี่จิงเทียนบ่อยมาก และพวกเขาก็กำชับไม่ให้ใครเข้าไปรบกวนเวลาที่พวกเขาอยู่กันสองคนในห้อง”

ผู้จัดการหวังพูดต่อด้วยสีหน้าเป็นกังวลเล็กน้อย

“หึหึ แบบนี้สิมันถึงจะสมกับเป็นหลี่จิงเทียนหน่อย!”

อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะ ไม่แปลกใจเลยที่เรื่องนี้มันเกิดขึ้น แต่แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อว่านี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หลี่จิงเทียนมาบริษัทบ่อยขึ้น

เมื่อหลายวันก่อนหน้านี้หลี่หรงเคยตั้งข้อสงสัยว่า หลี่อิงไห่อาจแอบติดต่อกับหลี่จิงเทียนอย่างลับ ๆ ซึ่งมันน่าจะเป็นไปได้สูง

หากเป็นหลี่อิงไห่ที่กำลังวางแผนร้ายอยู่ แน่นอนว่าบริษัทของเขาอาจจะได้รับความเสียหายหากไม่ทำอะไรเลย

เมื่อคิดได้เช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานจึงตัดสินใจว่าวันนี้เขาจะลองไปแหย่น้องภรรยาของเขาสักหน่อย

“คุณไปได้แล้ว หากมีอะไรเพิ่มเติมผมจะเรียกคุณอีกที”

หลังจาก ผู้จัดการหวังออกจากห้องไป อวี้ฮ่าวหรานก็ออกจากออฟฟิศของเขาเองและเดินมุ่งหน้าไปที่ออฟฟิศของหลี่จิงเทียน

ในเวลานี้หลี่จิงเทียนมาถึงบริษัทแล้ว แต่เผิงอิงอิงยังคงมาไม่ถึง

ในทันทีที่เปิดประตูเข้าไป อวี้ฮ่าวหรานก็เห็นว่าหลี่จิงเทียนกำลังนั่งเอนตัวอยู่ที่เก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ด้วยสีหน้าเหม่อลอย

แน่นอนว่าเมื่อได้ยินเสียงประตูถูกเปิด หลี่จิงเทียนก็ได้สติด้วยอาการสะดุ้งโหยงและรีบหันไปดูทันทีว่าใครเข้ามาในห้องของเขา

“อ…อ้าว พี่เขย! ฉ…ฉันไม่นึกเลยว่าพี่จะเข้ามาหาฉันวันนี้!”

หลี่จิงเทียนในตอนแรกกำลังจะโวยวายใส่คนที่เปิดประตูเข้ามาในห้องเขาโดยพลการ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นอวี้ฮ่าวหราน เขาก็รีบเปลี่ยนท่าทีเป็นนอบน้อมอย่างรวดเร็ว

“โอ้ ออฟฟิศของแกดูอยู่สบายดีนี่นา”

อวี้ฮ่าวหรานมองไปรอบ ๆ ห้องก่อนจะเอ่ยขึ้นพลางพยักหน้าอย่างประชดประชัน

ในออฟฟิศของหลี่จิงเทียนนั้นเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และเครื่องสันทนาการจำนวนมากไม่ว่าจะเป็น โต๊ะบิลเลียด เครื่องโพรเจกเตอร์ที่มีไว้สำหรับฉายหนัง ชุดอุปกรณ์ซ้อมกอล์ฟในร่ม ตู้ไวน์ รวมถึงเครื่องเกมทุกยี่ห้อ

ในห้องนี้ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับการทำงานเลยนอกจากโต๊ะ!

“เอ่อ…พี่เขย ว่าแต่พี่มาหาผมทำไมงั้นเหรอ?”

หลี่จิงเทียนถูกสั่งสอนมาหลายรอบแล้ว โดยเฉพาะล่าสุดที่ทำให้รู้ว่าอวี้ฮ่าวหรานเป็นคนที่โหดเหี้ยมมากแค่ไหน เขาจึงไม่กล้าที่จะทำตัวจองหองอีกต่อไป

ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เมื่อเห็นเช่นนี้ เขาก็หัวเราะอย่างขบขันก่อนที่จะพูดว่า

“หึหึ ไม่มีอะไรมากหรอก ฉันแค่เห็นว่าช่วงนี้แกทำตัวดีฉันเลยอยากจะมาถามแกหน่อยว่า แกอยากจะเลื่อนตำแหน่งหรือเปล่า?”

“ห๊ะ? ล…เลื่อนตำแหน่ง?”

หลี่จิงเทียนแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยินคำถามนี้ และเขาไม่เข้าใจว่าทำไมอวี้ฮ่าวหรานถึงยื่นข้อเสนอนี้ให้เขา

ในความคิดของเขา อีกฝ่ายไม่น่าจะใจดีกับเขาถึงขนาดนี้นี่นา?

เมื่อเห็นสีหน้างุนงงของอีกฝ่าย อวี้ฮ่าวหรานจึงตัดสินใจพูดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

“เมื่อวันนั้นแกก็เห็นแล้วใช่ไหมที่หลี่อิงไห่ต้องการขอแบ่งบริษัทของฉันเพื่อแลกกับบริษัทที่ใกล้จะเจ๊งของมัน แล้วฉันก็ปฏิเสธไป ตอนนี้ฉันอยากถามแกว่าแกมีความคิดเห็นว่ายังไง?”

“ถ…ถามความเห็นผม?”

หลี่จิงเทียนขนลุกไปทั่วทั้งร่างเมื่อได้ยินคำถามนี้

ในตอนนี้เขาเริ่มมั่นใจแล้วว่า อวี้ฮ่าวหรานน่าจะรู้เรื่องที่หลี่อิงไห่ติดต่อเขาแล้วแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่มาถามคำถามแปลก ๆ กับเขาแบบนี้!

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็รีบตอบออกไปอย่างรวดเร็วด้วยอาการกลัวความผิดและมีเหงื่อเม็ดเป้ง ๆ ผุดขึ้นที่หน้าผากของเขามากมาย

“อ..เอ่อ..พี่เขยสำหรับเรื่องนั้น ผมอยู่ฝั่งเดียวกับพี่ร้อยเปอร์เซ็นต์! ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่เราจะยอมลุงสองของผม! ใช่! เรายอมเขาไม่ได้! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมจะขอยืนอยู่ข้างพี่!”

หลี่จิงเทียนพยายามอย่างสุดฤทธิ์เพื่อที่จะทำให้อวี้ฮ่าวหรานเห็นว่าเขาเองก็ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งยวด

ทางด้านของอวี้ฮ่าวหรานก็รู้สึกขบขันกับท่าทางของอีกฝ่าย

ไอ้นี่มันก็พอมีสมองอยู่เหมือนกันนี่นา? อย่างน้อย ๆ มันก็เข้าใจสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อ

แต่คนแบบนี้มันต้องถูกตบให้เข้าที่บ่อย ๆ ไม่งั้นมันคงออกนอกลู่นอกทางได้ตลอดเวลาที่เขาเผลอ

“ออฟฟิศของแกนี่มันน่าสนุกจริง ๆ ของเล่นเยอะแยะเต็มไปหมดเลย”

อวี้ฮ่าวหรานกวาดสายตามองรอบห้องอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยทักขึ้นด้วยรอยยิ้มที่ดูแล้วน่าขนลุก!