บทที่ 150 เห็นว่าที่นั่นทิวทัศน์งดงาม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

“ถึงเจ้าอยากให้ข้าไปเผ่าปีศาจเป็นเพื่อน แต่ก็ต้องให้เหตุผลที่จะไปที่นั่นสักหน่อยกระมัง?”

“เห็นว่าที่นั่นทิวทัศน์งดงาม ข้าจะพาท่านไปชมวิวทิวทัศน์”

“…”

ทิวทัศน์งดงาม?

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนพูดว่าเขาสูบวิญญาณทิวทัศน์งดงาม

เขาสูบวิญญาณที่เรียกดังนั้นก็เพราะหลังจากเข้าไปแล้ว ก็จะเหลือเพียงดวงวิญญาณเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น

นังเด็กนี่ไม่อยากให้เซียวหยู่เซวียนไปเสี่ยงภัยกับตนชัดๆ และตัวเองก็ไม่รู้เส้นทางในเผ่าปีศาจ ยิ่งไม่มั่นใจว่าจะบุกเขาเผ่าปีศาจช่วยคนเพียงลำพังได้ ถึงได้ลากเขาไปด้วย

ยังจะกล้าหลอกเขาว่าที่นั่นทิวทัศน์งดงามอีก

นั่งเด็กนี่ จิตใจแย่จริง ไม่กลัวว่าจะทำเขาจนตายหรือ?

แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่อี้เฉินเฟยก็ยังหาม้าเร็วที่ดีที่สุดมาสองตัว พากู้ชูหน่วนไปทางเขาสูบวิญญาณด้วยความเร็วราวกับขับขี่พระพลาย

ไม่นาน ทั้งสองก็ถึงตีนเขาสูบวิญญาณ

ยืนอยู่ที่ตีนเขา กู้ชูหน่วนรู้สึกเพียงสายลมเย็นที่พัดมาเป็นระลอกๆ มีกลิ่นคาวเลือดจางๆ โชยมากับอากาศ ไม่รู้ว่ายอดเขาตายมาแล้วกี่คน

“เดินไปจากเขานี้ก็คือหน่วยย่อยกองธงกล้วยไม้แล้ว”

กู้ชูหน่วนเงยหน้า เทือกเขานี้มียอดเขามากมาย เชื่อมต่อกันเป็นทอดๆ ยาวไปไม่จบไม่สิ้น และไม่รู้ว่ามีเขากี่ลูกกันแน่ด้วย

นางเลิกคิ้วเอ่ยถาม “ท่านอย่าบอกข้านะ ว่าเขาใหญ่ที่ทอดต่อๆ กันนี่เป็นของหน่วยย่อยกองธงกล้วยไม้ทั้งหมด?”

บนใบหน้าอี้เฉินเฟยปรากฏรอยยิ้มละมุนหนึ่ง ชมเชยอย่างไม่หมกเม็ดสักนิด “คุณหนูสามเก่งกาจจริงๆ แม้แต่เรื่องนี้ก็ยังเดาออก”

“…”

กู้ชูหน่วนห่อเหี่ยวใจทันที

ภูเขามากมายขนาดนั้น เขาจะไปหาเย่เฟิงจากที่ไหน?

“มีวิธีไหนไปหาเย่เฟิงโดยตรงได้บ้าง?”

กู้ชูหน่วนไม่เชื่อว่าอี้เฉินเฟยจะธรรมดาอย่างที่แสดงออกผิวเผินอย่างนั้น

แม้ไม่รู้ว่าเขาจัดอยู่ในกลุ่มอิทธิพลไหน แต่วรยุทธ์ของอี้เฉินเฟยต้องเหนือกว่าเย่เฟิงมากแน่

หากต้องการออกจากเผ่าปีศาจ ลากอี้เฉินเฟยไปด้วยมิผิดแน่

“เพื่อเย่เฟิงคนธรรมดา ถึงกับเอาตัวเองไปเสี่ยง คุ้มค่าแล้วหรือ?”

น้ำเสียงอี้เฉินเฟยราบเรียบ แต่กู้ชูหน่วนกลับรู้สึกว่าคำพูดของเขาขมขื่นชอบกล อย่างกับจะเผยความอนาถและคัดค้านนิดๆ

“เขามิใช่เย่เฟิงคนธรรมดา แต่เป็นสหายข้า” คำว่า ‘สหาย’ คำเดียวรวมทุกสิ่งไว้

มุมปากอี้เฉินเฟยขยับ เอ่ยคำพูดหนึ่งที่เบาจนไม่ได้ยิน

“เมื่อก่อน เจ้าจะไม่ทำให้ตัวเองตกสู่อันตรายเพื่อคนที่ไม่เกี่ยวข้อง”

“ท่านว่าอะไรนะ?”

“เปล่า”

“เช่นนั้นตอนนี้เราจะเข้าไปอย่างไร?”

ครั้นมือใหญ่ของอี้เฉินเฟยโบกไป หมอกพิษตรงหน้าก็หายไปเสียอย่างนั้น

กู้ชูหน่วนตะลึง แต่ใบหน้ากลับหัวเราะคิกคักเอ่ย “ข้ารู้อยู่แล้วว่าตามพี่เฉินเฟย หมื่นอุปสรรคมิต้องกังวล”

“เด็กโง่ ข้ามิได้เก่งอย่างที่เจ้าคิด และหมอกพิษที่อบอวลอยู่ในเขานี้ คนธรรมดาแค่สูดดมไปทีเดียวก็ต้องถูกพิษสิ้นใจทันที ดังนั้นจึงไม่มีใครดูแล และข้าก็มียาถอนพิษหมอกพิษนี้พอดี”

“เมื่อก่อนพี่เฉินเฟยเคยมาหรือ?” หมอกพิษนี้นางก็จำกัดได้ เพียงแต่ต้องใช้วัตถุดิบหน่อยเท่านั้น

สายตาอี้เฉินเฟยอันอ่อนโยนแวบความเย็นชาเฉียบ แต่ไม่นานก็หายไป

เหมือนเขาไม่อยากพูดถึงให้มาก เพียงแต่เอ่ยเรียบ “ไม่คุ้น”

ไม่คุ้น?

ไม่คุ้นแล้วยังพานางอ้อมกองกระดูกขาวที่ถูกพิษตายกองแล้วกองเล่า แล้วยังรู้ภูมิศาสตร์ที่นี่ชัดเจนเช่นนี้อีกหรือ?

“ข้ามเขาลูกนี้ไปแล้ว ยังต้องข้ามเขาใหญ่อีกเจ็ด จึงจะถึงใจกลางหน่วยย่อยกองธงกล้วยไม้ได้”

“เขาอีกเจ็ดลูก?”

นี่ต้องเดินถึงเมื่อไร?

หรือว่า…ตอนนั้นจะให้เวลาเย่เฟิงน้อยเกินไป เวลาหนึ่งวันไม่พอให้เขาไปกลับ?

“ใช่ แล้วเขาเจ็ดลูกนั้น แต่ละลูกยังมีกองกำลังจำนวนมากเฝ้าอีก ผ่านไปยากมาก”

“แต่พี่เฉินเฟยต้องมีวิธีเข้าไปได้ใช่ไหม?” กู้ชูหน่วนยิ้มมีแผนการ

“เจ้านี่นะ กะใช้ข้าจนหมดเปลือกเลย”