EP.271 การต่อสู้ปริศนา

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

ผู้ดูแลในวิหารส่วนใหญ่เป็นผู้อาวุโส ซึ่งชายชราอย่างเกอหยางมิสามารถสวมชุดเกราะหนักได้อีกต่อไป มีเพียงผู้ดูแลรุ่นเยาว์เช่นหลินมู่อวี่และเจิ้งฟางที่สามารถสวมชุดเกราะของวิหารได้ ในแผ่นดินนี้บทบาทของชุดเกราะยังคงเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย แทบไม่ต้องพูดถึงการป้องกันที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังช่วยให้ผู้สวมใส่หลีกเลี่ยงลูกศรและคมดาบ แม้ว่าเกราะปราณยุทธ์ของหลินมู่อวี่จะต้านคมดาบธรรมดาได้ ทว่าก็ต้องสูญเสียปราณเป็นอย่างมาก จึงดีกว่าหากใช้ชุดเกราะในการต่อสู้จริง

ชุดเกราะผู้ดูแลยังคงเป็นสีเงิน ขณะที่สัญลักษณ์มิใช่โล่สีทองอีกต่อไป แต่เป็นใบไม้สีทอง ซึ่งมีความหมายถึงชีวิตและความแข็งแกร่ง อีกทั้งยังแสดงถึงตำแหน่งที่สูงกว่าครูฝึกและผู้ช่วยฝึก

หลินมู่อวี่ถือชุดเกราะใหม่ในมือและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณผู้ดูแลเหล่ยหงสำหรับความเมตตาที่ข้าไม่สมควรได้รับ ข้าหลินมู่อวี่จะดูแลวิหารศักดิ์สิทธิ์อย่างดีที่สุด”

“ดี! ไปพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้เช้าเจ้าจะได้เป็นผู้ดูแลและรับใช้วิหารศักดิ์สิทธิ์” เหล่ยหงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ขอรับ”

ทุกคนเริ่มแยกย้ายกันออกไป เนื่องจากเป็นเวลาที่ดึกมาก และแต่ละคนต่างก็เหนื่อยล้า หลินมู่อวี่เดินกลับห้องพร้อมถือเสื้อเกราะในถือ ทว่าเขามิได้ตรงไปนอนทันที หลินมู่อวี่พลันหยิบชุดสีดำออกจากถุงสรรพสิ่งพร้อมหน้ากากซึ่งซื้อมาจากร้านค้าแห่งจักรวรรดิ ในที่สุดเขาก็มีโอกาสใช้ประโยชน์จากมันแล้ว

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าหลินมู่อวี่ก็ผูกกระบี่วิญญาณมังกรไว้ด้านหลัง เขาเปิดประตูด้านหลังออกไปก็พบว่าห้องโถงด้านข้างไม่มีผู้คน หลินมู่อวี่จึงกระโดดและใช้ฝีเท้าดาวตกก่อนที่จะเหยียบลงบนก้อนหินอย่างแผ่วเบา

หลังจากกระโดดไม่กี่ครั้งเขาก็ออกมานอกเขตวิหาร เป้าหมายของหลินมู่อวี่คือโรงเตี๊ยม! หลินมู่อวี่สังหรณ์ว่าจะต้องเกิดเรื่องขึ้นที่โรงเตี๊ยมอย่างแน่นอน!

สำหรับหลินมู่อวี่ ภารกิจใหญ่ในค่ำคืนนี้คือการปกป้องซูฉิน!

ถูกต้อง…ซูฉินไม่เพียงฆ่าหูเถี่ยหนิงผู้เป็นลุงของเซี่ยงอวี้ แต่ยังฆ่าแม่ผู้ให้กำเนิดของเขาอีกด้วย! นั่นเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของเซี่ยงอวี้บนแผ่นดินนี้ ดังนั้นจึงเป็นการสร้างความเกลียดชังให้แก่เขา เช่นนั้นคนดื้อรั้นอย่างเซี่ยงอวี้น่ะหรือจะทนได้? ในระหว่างวันเซี่ยงอวี้อาจเก็บซ่อนพลังและอดกลั้นไว้…ทว่าคืนนี้เขาสามารถสังหารซูฉินซึ่งอยู่ขอบเขตนภาชั้นที่หนึ่งได้ในพริบตา!

หากซูฉินตาย ซูมู่หยุนจะต้องโกรธแค้นเซี่ยงอวี้อย่างแน่นอน จากนั้นหายนะคงบังเกิดขึ้นไม่สิ้นสุด!

อีกทั้งซูฉินยังเป็นลุงของฉินอิน แม้ว่าเขาจะบ้าบิ่นและโหดร้าย ทว่าก็ยังมีศักดิ์เป็นลุงของรัชทายาท

กลางดึกเหนือเมืองหลันเยี่ยนมีเมฆมืดครึ้ม โชคดีที่ยังมีไฟส่องสว่างบนพื้นทำให้หลินมู่อวี่มองเห็นทุกอย่างจากบนหลังคา หลังจากปลดปล่อยทักษะชีพจรวิญญาณ เขาก็ซ่อนรัศมีของตนเองและเคลื่อนตัวอย่างระมัดระวัง ไม่กี่นาทีต่อมาก็ถึงโรงเตี๊ยมที่ซูฉินพักอาศัยอยู่ซึ่งเขาพักอยู่ในห้องที่สามทางซ้ายสุดของอาคาร

ด้านนอกประตูมีทหารเมืองหยาดสายัณห์แปดนายเฝ้าอยู่ขณะที่ห้องของซูมู่หยุนและซูอวี่อยู่ห่างออกไป

หลินมู่อวี่นั่งลงข้างปล่องไฟและนอนรออย่างเงียบงัน มันคงไม่ง่ายที่จะถูกเจอตัวที่นี่ อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับห้องซูฉินมากที่สุดจึงสามารถเข้าช่วยเหลือได้ทุกเมื่อ เขานอนรออยู่ทั้งคืนพร้อมคลื่นพลังไหลเวียนในแขนซ้าย พลังศักดิ์สิทธิ์กำลังพลุ่งพล่านและหลอมรวมเข้ากับเลือดมังกรก่อเกิดพลังมหาศาล แม้แต่หลินมู่อวี่ก็ตื่นเต้นเล็กน้อย หากเซี่ยงอวี้ไม่มาคืนนี้ เขาคงเสียโอกาสทองในการปะทะกับเซี่ยงอวี้ไป

ไม่รู้ว่าเวลาผันผ่านนานเพียงใด จู่ๆ ก็มีเสียงแหลมเกิดขึ้นจากการเปิดประตูที่ชั้นสามของโรงเตี๊ยม ก่อนจะมีเสียงพูดจากชายผู้หนึ่ง “ผู้หญิงที่ท่านแม่ทัพต้องการถูกนำมาให้แล้ว ซึ่งมีทั้งสิ้นสามคน ต้องการตรวจสอบหรือไม่ขอรับ?”

ทหารทั้งสองคนที่เฝ้าประตูก้าวออกไปด้านหน้า

พวกเขาชูโคมไฟขึ้นมองใบหน้าหญิงสาวทั้งสามและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “โอ้ ดูมีน้ำมีนวลมาก แต่…ปลอดภัยหรือไม่?”

“สาวงามเหล่านี้ถูกคัดเลือกจากสาวนับพันคน จึงมิต้องกังวล”

“ไม่ เราจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขามิได้มีอาวุธติดตัวไปที่ห้องของท่านแม่ทัพ”

“เช่นนั้นก็ค้นตัวเลยขอรับ”

“อืม”

ทหารคนหนึ่งก้าวออกไปและใช้มือตรวจสอบหาอาวุธตามร่างกายหญิงสาวอย่างเชื่องช้า ทันใดนั้นนางก็ยิ้มออกมาและพูดว่า “ท่านทหารสัมผัสข้าเชื่องช้าเช่นนี้ ทำให้ข้าจักจี้ไปทั้งหัวใจ…”

ทหารคนนั้นพลันรู้สึกกระปรี้กระเปร่าพร้อมบีบบั้นท้ายของนางอย่างแรงและพูดว่า “สาวน้อย เจ้าผ่านไปได้ คนต่อไปเข้ามา”

หลินมู่อวี่นอนข้างปล่องไฟท่ามกลางสายลมหนาวเหน็บและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเขาจะได้รู้จักตัวตนซูฉินมากขึ้น แม่ทัพผู้นี้มิต้องการอดทนกับความเหงาอย่างแท้จริง แม้อยู่ในเมืองหลันเยี่ยนเพียงคืนเดียว ก็ไม่ปรารถนาจะอยู่โดยปราศจากหญิงสาว

ไม่นานหญิงสาวทั้งสามคนก็เข้าไปในห้องของซูฉิน

จากนั้นเสียงร้องอันเร่าร้อนก็ดังจากในห้อง ขณะที่ทหารรักษาการณ์ยังคงยืนนิ่งใบหน้าเคร่งขรึมราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

หลังจากผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมงเสียงก็เงียบลง แสงสว่างในห้องซูฉินถูกดับ คงถึงเวลาที่เขาจะไปพักผ่อน

หลินมู่อวี่ยังคงนอนข้างปล่องไฟขณะที่ปลดปล่อยทักษะชีพจรวิญญาณค้นหาปราณทั้งหมดที่อยู่รอบบริเวณ

เมื่อได้ยินเสียงกรนดังมาจากห้องซูฉิน หลินมู่อวี่ก็ขมวดคิ้วและเริ่มสงสัยว่าเขาจะเดาผิดหรือไม่ เซี่ยงอวี้สามารถอดทนรอจนกว่าซูฉินและคนอื่นๆ ออกจากเมืองหลันเยี่ยนแล้วจึงจัดการอย่างนั้นหรือ? ไม่น่าเป็นไปได้…เมื่อซูฉินออกจากเมืองหลันเยี่ยน กองทหารม้าหนักหลายพันนายที่รออยู่ในป่าล่ามังกรจะต้องติดตามและคุ้มกันเขา ซึ่งคงเป็นเรื่องยากสำหรับเซี้ยงอวี้ที่จะลอบสังหารซูฉิน

ขณะที่หลินมู่อวี่กำลังครุ่นคิด ทันใดนั้น! ทักษะชีพจรวิญญาณตรวจเจอรัศมีอันทรงพลัง…จะต้องเป็นเซี่ยงอวี้อย่างแน่นอน!

หลินมู่อวี่ตื่นตัวทันที และชักกระบี่วิญญาณมังกรออกมาเตรียมตัว

สองนาทีต่อมาก็มีเงาสีดำปรากฏขึ้นบนหลังคาระยะไกล ผู้มาเยือนสวมชุดรัดกุมและถือดาบในมือ เขาโหนตัวลงจากหลังคาไปยังชั้นสามของโรงเตี๊ยม ทว่ามีทหารแปดนายแห่งเมืองหยาดสายัณห์อยู่ที่ชั้นนั้น!

กระนั้นฉากที่ไม่คาดฝันก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าหลินมู่อวี่ ผู้มาเยือนตวัดกระบี่เพียงครั้งเดียว ‘ชิ้ง!’ ก็ทำให้ร่างทหารทั้งแปดก็ลงไปกองกับพื้นอย่างเงียบงัน

“ท่าไม่ดีแล้ว นี่มันเร็วเกินไป!”

หลินมู่อวี่ลุกขึ้นยืนและกระโดดลงจากหลังคา ทว่าคนผู้นั้นดันเปิดประตูห้องของซูฉินพร้อมตวัดดาบอย่างรวดเร็ว!

‘ชิ้ง!’

รัศมีดาบกวาดออกไปจนทำให้เกิดเปลวไฟ เมื่อหลินมู่อวี่ก้าวเข้าไปในห้องก็พบว่าซูฉินถอยออกไปที่มุมหนึ่งของห้องพร้อมดาบยาวของเขา ขณะที่หญิงสาวสองคนนั่งกอดกันตัวสั่นเทา บนผ้าห่มมีกองเลือดขนาดใหญ่พร้อมร่างไร้ศีรษะหญิงสาวนอนอยู่บนฟูก!

“ตายซะ!”

นักฆ่าตวัดดาบออกไป ‘เคร้ง!’ มันกระทบกับดาบยาวของซูฉิน ทันใดนั้น! นักฆ่าก็ปล่อยหมัดที่ปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงเข้าใส่หน้าอกของซูฉินเต็มแรงจนเกิดเสียงกระดูกหัก ผู้แข็งแกร่งอย่างซูฉินไม่สามารถหยุดการโจมตีของศัตรูได้อย่างนั้นหรือ?

ครานี้หลินมู่อวี่มั่นใจแล้วว่ามือสังหารคือเซี่ยงอวี้ พลังนี้เป็นของเขาอย่างแน่นอน!

‘พลั่ก!’

ซูฉินลอยกระแทกกำแพงจนเกิดเสียงดังก้องก่อนจะลอยทะลุออกไปนอกโรงเตี๊ยม!

เซี่ยงอวี้รีบพุ่งตัวไปพร้อมดาบ ทว่าเขากลับรู้สึกได้ถึงลมเย็นจากด้านหลังพร้อมเสียงใบมีดที่ตัดผ่านลม!

ทันใดนั้น! เซี้ยงอวี้ก็รีบหันกลับพร้อมเรียกวิญญาณยุทธ์ออกมา จากนั้นเปลวไฟลุกโชนบนแขนของเซี่ยงอวี้ขณะที่ใบดาบปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง มันคือกระบวนท่าเก้าโกลาหลท่าที่หนึ่ง บัวอัคคีโกลาหล!

หลินมู่อวี่รีบไขว้แขนพร้อมกำแพงน้ำเต้าสีทองออกมาปิดกั้นการโจมตีบัวอัคคีโกลาหลอย่างรวดเร็ว!

“เปรี้ยง!”

เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องและส่งทั้งคู่ถอยหลังไปหลายก้าว ครานี้พลังของทั้งคู่ถูกกระจายออกไปเท่าๆ กัน มิได้มีฝ่ายไหนได้เปรียบหรือเสียเปรียบเหมือนก่อนหน้า

ทันทีที่เห็นน้ำเต้าทองเซี่ยงอวี้ก็รู้ได้ทันทีว่าคนตรงคือใคร ส่วนหลินมู่อวี่ก็รู้ว่าเขาคือใครเช่นกัน ทั้งคู่พลันระเบิดพลังส่งการโจมตีที่สองออกไปทันทีโดยไม่พูดสิ่งใด

พลังโกลาหลแผ่ซ่านรอบตัวขณะเซี่ยงอวี้ถือดาบด้วยสองมือพร้อมเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงปกคลุมร่างกาย พลังที่รุนแรงของเขากวาดพื้นออกไปเป็นวงกว้าง ในพริบตาเดียวก็แผ่กว้างทะลวงชั้นสองจนทำให้ผู้คนกรีดร้องและหนีตาย

ทว่าหลินมู่อวี่ถือดาบสงบนิ่งอย่างไม่เกรงกลัว สายฟ้าแล่นแปลบปลาบบนกระบี่วิญญาณมังกร ก่อนที่เซี่ยงอวี้จะรวบรวมปราณสำเร็จ หลินมู่อวี่ก็พุ่งเข้าโจมตีอย่างรุนแรง!

‘เปรี้ยง!’

เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งจากชั้นสามของโรงเตี๊ยม หลังจากโจมตีอย่างรุนแรง เซี่ยงอวี้ยืนอยู่บนอากาศอย่างมั่นคง ปราณยุทธ์ควบแน่นอยู่ใต้เท้าช่วยเขาทรงตัวอยู่บนอากาศ ในขณะที่หลินมู่อวี่สั่นสะท้านถอยหลังออกไปหลายก้าวครูดไปกับกำแพง

เซี่ยงอวี้คำรามลั่นและโจมตีอีกครั้งพร้อมพลังโกลาหลที่ส่งออกไปอย่างรุนแรง!

เมื่อเห็นใบดาบที่ตรงเข้ามา หลินมู่อวี่ก็ไม่นั่งรอความตาย เขาพลันขยับแขนซ้ายที่มีภาพมายามังกรสีทองล้อมรอบแขน และควบแน่นปราการเกล็ดมังกรก่อเกิดโล่รูปมังกรขนาดใหญ่ หลินมู่อวี่คำรามเสียงทุ้มต่ำพร้อมพลังเจ็ดประทีปหลั่งไหลเข้ามา ทันใดนั้น! ก็พุ่งปะทะการโจมตีของเซี่ยงอวี้อย่างรวดเร็ว!

แขนมังกรผนวกพลังกับสองประทีประบำปีศาจ

‘เปรี้ยง!’

เปลวไฟแตกกระจายขณะที่ปะทะกับการโจมตีเก้าโกลาหลกระบวนท่าที่สี่อย่างรวดเร็ว ภายในพริบตาหลินมู่อวี่ก็ส่งหมัดเข้าที่อกเซี่ยงอวี้เสียงดัง ‘เปรี้ยง!’ เกราะปราณยุทธ์ของเซี่ยงอวี้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ!

หลังจากถูกกระแทกออกไปหลายก้าว เซี่ยงอวี้ก็ตวัดดาบออกไปพร้อมหลุมดำปรากฏขึ้นระหว่างแขนทั้งสอง ก่อเกิดพลังเก้าโกลาหลกระบวนท่าที่หก!

หลินมู่อวี่ไม่กล้าประมาท เขาพลันสละแก่นเพลิงมังกรและเกลียวเพลิงมังกรคลั่ง ขณะที่เรียกสี่ประทีปออกมาอย่างรวดเร็ว ภาพมายาปีศาจและดวงดาราปรากฏขึ้นรอบตัวก่อนจะควบแน่นอยู่บนใบดาบ ทันใดนั้น! เขาก็ฟาดกระบี่ออกไปปะทะการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเซี่ยงอวี้!

‘เปรี้ยง!’

เสียงระเบิดดังกึกก้องจนทำให้หลังคาโรงเตี๊ยมถล่มลงมาทันที ชั้นสองและชั้นสามของโรงเตี๊ยมถูกแรงระเบิดจนพังทลาย วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าและพยัคฆ์เพลิงอัคนีพวยพุ่งสู่ท้องนภายามค่ำคืนปะทะกันครั้งแล้วครั้งเล่า ทันใดนั้น! พลังของเซี่ยงอวี้ก็ถอยกลับก่อนจะพุ่งปะทะร่างหลินมู่อวี่อย่างเต็มแรงส่งเขาร่วงกระแทกก้อนอินและกระอักเลือดกองโต

“อึ่ก…”

เซี่ยงอวี้ถอยออกไปสองสามก้าวขณะที่มีเลือดไหลออกมุมปาก และดวงตาฉายแววอาฆาต เขารู้ดีว่าหากไม่สามารถฆ่าหลินมู่อวี่วันนี้ มันคงกลายเป็นเรื่องยากที่จะฆ่าจอมยุทธ์ที่มีความสามารถก้าวกระโดดเช่นนี้ในภายภาคหน้า

ทว่าทันใดนั้นบนถนนหน้าโรงเตี๊ยมก็สว่างไสวไปด้วยคบเพลิงขณะที่พลธนูวิ่งเข้ามาอย่างคับคั่งพร้อมตะโกนเสียงดัง “นักฆ่าอยู่ที่นี่! จัดการมันซะ!”

‘ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว…’

เสียงลูกธนูแหวกอากาศดังขึ้น เซี่ยงอวี้คำรามอย่างไม่พอใจพร้อมหมุนตัวกระโดดหายไปในความมืด

ลูกศรแหลมเหล่านั้นพุ่งตรงมาที่หลินมู่อวี่ซึ่งอยู่ในชุดดำ เขามิได้เรียกวิญญาณยุทธ์ออกมา แต่เพียงปิดกั้นด้วยเกราะปราณยุทธ์เท่านั้น ขณะเดียวกันก็มีดาบยาวแทงทะลุกำแพงด้านหลังหลินมู่อวี่ เขารีบหมุนตัวและกระโดดออกไปรวดเร็วยิ่งกว่าเซี่ยงอวี้ ก่อนจะหายไปในความมืด

เลือดในตัวหลินมู่อวี่พลุ่งพล่านขณะที่วิ่งหนีออกมา ภายในใจของหลินมู่อวี่กระวนกระวาย แน่นอนว่าชีวิตซูฉินได้รับการช่วยเหลือแล้ว ทว่าพลังยุทธ์ของเซี่ยงอวี้ขณะนี้คงทะลวงขอบเขตปราชญ์แล้ว เป็นไปตามที่ชวีฉู่พูดไว้ก่อนหน้า เซี่ยงอวี้กลายเป็นจอมยุทธ์คนแรกในรอบหลายร้อยปีที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์ก่อนอายุสี่สิบ!

…………………..