บทที่ 90 พวกเรารวยแล้ว! (3)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างน่าสงสาร “วีรบุรุษทุกท่าน…เพื่อนร่วมกลุ่มที่รัก…พวกเจ้าคงจะไม่….”

สี่น้อยยักคิ้วใส่เขา “อืม…นั่นขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าแล้วล่ะ…”

โจวเหว่ยชิงมองไปที่อู่หยาอย่างอ้อนวอน “พี่อู่หยา ท่านพูดก่อนหน้านี้ว่าต้องการอยู่กับข้า…ท่านจะใจแข็งขนาดทนเห็นพวกเขารังแกเด็กหนุ่มผู้น่าสงสารและอ่อนแออย่างข้าได้หรือ?”

อู่หยามองเขาอย่างเหม่อลอย “อ่อนแอ? เจ้าเนี่ยนะ?”

ขี้เมาเป่ากล่าวอย่างโหดเหี้ยม “พอแล้ว อย่าปล่อยให้เจ้าอันธพาลคนนี้พูดพล่ามอีกต่อไป…ลงมือกันเถอะ!”

“อ๊าาาาาาาาาา! ม่ายยยยยยย…!” ไม่นานเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก็ดังขึ้นไปทั่วทั้งโรงเตี๊ยม

หลังจากจบรอบอุ่นเครื่องในงานประลองมณีสวรรค์ สำหรับประชาชนทั่วไป มันก็คล้ายกับงานนี้จบลงอย่างสมบูรณ์แล้วนั่นแหละ ถึงอย่างไรรอบก่อนรองชนะเลิศก็มักจะไม่ต้องคาดเดาผลลัพธ์ให้ยุ่งยากอยู่แล้ว แม้ว่ากลุ่มตัวเต็งทั้ง 4 อาจพบกับการต่อต้านจากกลุ่มอื่นๆ แต่พวกเขาก็มักจะชนะมาได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ

แน่นอนว่างานประลองมณีสวรรค์ในปีนี้แตกต่างไปจากปีก่อนๆ มาก การที่กลุ่มนักรบเฟยหลี่เอาชนะกลุ่มนักรบตันตุ้นทำให้ความแข็งแกร่งโดยรวมของพวกเขาลดลงอย่างน่าใจหาย แน่นอนว่ารอบรองชนะเลิศจะกลายเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เป็นเวลาหลายปีมาแล้ว หรืออาจกล่าวได้ว่าหลายสิบปีมาแล้วที่ไม่มีกลุ่มอื่นโผล่เข้าไปใน 4 อันดับแรกของงานประลองมณีสวรรค์ได้ และดูเหมือนว่าปีนี้จะต้องมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน

ในรอบรองชนะเลิศสำหรับเข้าสู่ 4 อันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักรบเฟยหลี่หรือคู่ต่อสู้ของพวกเขา นั่นก็ยังคงเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับงานประลองอยู่ดี

การจับฉลากรอบก่อนรองชนะเลิศจัดขึ้นตามกำหนดหนึ่งวันก่อนการต่อสู้จริง บางทีโชคของกลุ่มนักรบเฟยหลี่อาจถูกใช้ไปจนหมดเกลี้ยงในรอบอุ่นเครื่องเบื้องต้นแล้ว ด้วยเหตุนี้ หลังจากการจับฉลากเสร็จสิ้น พวกเขาทั้งหมดจึงมีสีหน้าน่าเกลียดขึ้นมาทันตาเห็น แน่นอนว่าพวกเขาจับฉลากได้คู่ต่อสู้ที่ทุกคนกังวลมาตั้งแต่ต้น กลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดนอกเหนือจากกลุ่มตัวเต็ง นั่นก็คือกลุ่มนักรบคาลิเซ

ตามการคาดเดาของพวกเขา กลุ่มนักรบคาลิเซได้รับการสนับสนุนอย่างลับๆ จากนิกายปีศาจสวรรค์ แม้ว่าพลังที่แท้จริงของพวกเขาอาจจะอ่อนแอกว่ากลุ่มนักรบตันตุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยข้อจำกัดเกี่ยวกับวิชาลับของพวกเขา แต่ทว่ากลุ่มนักรบเฟยหลี่ก็ไม่อาจมองข้ามอีกฝ่ายได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขายังมียอดฝีมือเช่นแม่มดน้อยอยู่ด้วย!

ความจริงก็มีวิธีแก้ปัญหาง่ายๆ อยู่เช่นกัน รายงานอาณาจักรจ้งเทียนว่านิกายปีศาจสวรรค์อยู่เบื้องหลังอาณาจักรคาลิเซ การทำเช่นนั้นอาจส่งผลให้พวกเขาผ่านเข้ารอบเพราะคู่ต่อสู้โดนตัดสิทธิ์ แต่ถ้าหากพวกเขาทำเช่นนั้นจริงๆ มันจะทำให้นิกายปีศาจสวรรค์พิโรธขึ้นมาก็ได้ หรือบางทีอาจถึงขั้นฆ่าพวกเขาให้ตกตายเลยทีเดียว

พวกเขากลายเป็นศัตรูกับหุบเขาอเวจีสีเลือดไปแล้ว และหากพวกเขาผิดใจกับนิกายปีศาจสวรรค์อีก อาณาจักรเฟยหลี่จะยังมีวันคืนดีๆ อยู่อีกได้อย่างไร? นอกจากโจวเหว่ยชิงที่เป็นพลเมืองของอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์แล้ว สมาชิกคนอื่นๆ ของกลุ่มนักรบเฟยหลี่ก็รักบ้านเกิดของตนมาก พวกเขาจึงจะไม่ยอมเสี่ยงเช่นนี้แน่นอน

“เหว่ยชิง จัดการวางกลยุทธ์ได้หรือยัง พรุ่งนี้เราจะสู้อย่างไร?”

หลังจากพักผ่อนเพียงไม่กี่วัน โจวเหว่ยชิงก็ฟื้นตัวจนเกือบจะกลับมาเต็มร้อยแล้ว เห็นได้ชัดจากการที่ใบหน้าของเขากลับมาดูอิ่มเอิบอีกครั้ง วันรุ่งขึ้นเป็นการต่อสู้จริงในรอบก่อนรองชนะเลิศและคนทั้งกลุ่มก็ได้มารวมตัวกันอีกครั้งในห้องของหลินเทียนอ้าวเพื่อประชุมวางแผนหารือ

โจวเหว่ยชิงนั่งอยู่ที่มุมเก้าอี้นวม ใบหน้าของเขาดู ‘บึ้งตึง’ ขณะที่แค่นเสียงพูดว่า “ไม่มีแผน พวกเจ้าลุยกันเลย!”

เมื่อมองไปที่ท่าทางเศร้าสร้อยของเขา คนทั้งกลุ่มก็หัวเราะออกมา

ในวันนั้นโจวเหว่ยชิงถูกสหายในกลุ่มของเขาบุกล้อมโจมตี และในที่สุดเขาก็ถูกบังคับให้ยอมตกลงซื้อม้วนคัมภีร์ชุดศาสตรามณียุทธ์ระดับเทวะให้แต่ละคนเมื่อพวกเขาเข้าสู่เกาะมณีสวรรค์ และนั่นก็ให้เขาปวดใจเป็นอย่างมาก

ถึงอย่างไรม้วนคัมภีร์ชุดศาสตรามณียุทธ์ระดับเทวะแต่ละชุดก็มีมูลค่ามหาศาล แม้แต่ของธรรมดาที่สุดก็มีมูลค่าอย่างน้อยหนึ่งล้านเหรียญทอง ส่วนชุดที่มีคุณภาพสูงกว่านั้นก็มีราคาประมาณ 5-6 ล้านเหรียญทอง! ชุดศาสตรามณียุทธ์บางชิ้นอาจมีราคามากกว่า 10 ล้านเหรียญทองต่อชิ้นด้วยซ้ำ! แม้ว่าพวกมันจะมีค่าน้อยกว่าม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า แต่ก็ยังถือว่าเป็นสมบัติหายากจากเกาะมณีสวรรค์…

แม้ว่าเงินร้อยล้านเหรียญทองของโจวเหว่ยชิงอาจจะดูเป็นเงินจำนวนมาก แต่เพียงแค่ซื้อม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทวะทั้ง 6 ชุดเพียงอย่างเดียวก็ทำให้เขาต้องเสียเงินไปประมาณ 20-30 ล้านเหรียญทองแล้ว!

หลินเทียนอ้าวหัวเราะและพูดว่า “เอาล่ะ เหว่ยชิง หยุดแสดงละครได้แล้ว อธิบายแผนการมา”

โจวเหว่ยชิงมีสีหน้าหดหู่ในขณะที่เขากล่าวว่า “พวกท่าน…พวกท่านป่าเถื่อนเกินไปหน่อยแล้ว! นั่นคือเหรียญทองหลายสิบล้านเหรียญเลยนะ! หากเป็นจ้าวมณียุทธ์หรือจ้าวมณีธาตุธรรมดา ข้าก็สามารถซื้อศาสตรามณียุทธ์หรือทักษะกักเก็บให้ได้ทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ!”

เหล่าสหายร่วมกลุ่มส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอีกครั้ง

ในความเป็นจริงนั้น หากโจวเหว่ยชิงไม่เต็มใจมอบให้ก็คงจะไม่มีใครบังคับเขาได้จริงๆ อยู่ดี กระนั้นอันธพาลตัวน้อยคนนี้ก็ตอบตกลงอย่างรวดเร็ว ทว่าจากนั้นเขากลับแสดงละครก่อกวนพวกเขาอยู่ได้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทุกคนจะรู้สึกขบขันเช่นนี้

สี่น้อยยิ้มกว้างและกล่าวว่า “เหว่ยชิง หยุดโม้โอ้อวดได้แล้ว เร็วเข้า คิดแผนของพวกเราซะ นั่นไม่ได้เป็นเพียงแค่อาณาจักรคาลิเซหรอกหรือ? พวกเราเคยเอาชนะกลุ่มนักรบตันตุ้นมาแล้ว เช่นนั้นจะกลัวพวกเขาทำไม? ถ้าเราทำเต็มที่ พวกเราย่อมต้องชนะได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็มาถึงจุดนี้แล้ว พวกเราจะไม่ยอมหยุดจนกว่าจะไปถึงเป้าหมาย!”

ขี้เมาเป่าพยักหน้าอย่างเห็นด้วยและกล่าวว่า “ข้าเห็นด้วย เหว่ยชิง คราวนี้เจ้าต้องปล่อยให้ข้าและเซียวเอี๋ยนออกไปสู้นะ พวกเรายังไม่ได้แสดงความสามารถเลยนับตั้งแต่เราเข้ามาในเมืองจ้งเทียนแห่งนี้…เนื่องจากเจ้ามีน้ำใจกับพวกเรามาก ดังนั้นเจ้าจึงสามารถพักผ่อนให้เต็มที่ในการต่อสู้ครั้งนี้! พวกเราน่ะมีพลังปรานมากล้นเหลือจนเกินพออยู่แล้ว!”

โจวเหว่ยชิงหยุดแสดงละคร เขายิ้มกว้างขณะที่เอ่ยว่า “พลังงานล้นเหลือจนเกินพอ? นั่นแก้ได้ง่ายมาก! หาผู้หญิงมาสัก 2 คนก็เพียงพอแล้ว…อืม แต่พวกท่านอย่าลากข้าเข้าไปเกี่ยวด้วยจะดีกว่า! และถึงแม้พวกท่านจะทำจริงๆ ข้าก็จะไม่ไปอยู่ดี นั่นก็เพราะข้าน่ะทั้งซื่อสัตย์และแน่วแน่มากเลยทีเดียว”

ขี้เมาเป่าพ่นคำว่า ‘บ๊ะ!’ ออกมาดูถูก “เจ้าเนี่ยนะซื่อสัตย์และแน่วแน่? อย่าทำให้สองคำนั้นแปดเปื้อนจะได้ไหม? ใครกันที่บีบจับปีศาจน้อยเซินไปทั่วด้วยใบหน้าเบิกบานใจ?…เกือบทำให้กลุ่มนักรบตันตุ้นต่อสู้กับเราจนถึงตาย? เท่าที่ข้าเห็นน่ะ ตราบใดที่สิ่งนั้นเป็นเพศเมีย เจ้าก็จะไม่ปล่อยไปทั้งนั้น ในสมองของเจ้ามีข้อกำหนดสำหรับผู้หญิงเพียง 2 ข้อ หนึ่งคือมีชีวิต และอย่างที่สองคือเป็นผู้หญิง!”

เมื่อได้ยินคำพูดของขี้เมาเป่า อู่หยาก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เธอยิ้มแย้มขณะที่เอ่ยว่า “ในกรณีนั้น เหว่ยชิง เผ่าอีกาทองของเราสามารถทำให้เจ้าพอใจได้แน่นอน หลังจากจบงานประลองแล้ว เจ้าสามารถกลับไปที่เผ่ากับข้าได้ตลอด เช่นนั้นเป็นอย่างไร?”

สีหน้าของโจวเหว่ยชิงแปรเปลี่ยนไป เขากล่าวอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าขึงขัง “ถึงเวลาวางกลยุทธ์แล้ว ขี้เมาเป่า ข้าไม่คิดว่ามันจำเป็นสำหรับท่านที่จะต้องต่อสู้ในรอบนี้ ท่านคือไพ่ลับของพวกเรา พวกเราจะเก็บพลังของท่านไว้จนถึงรอบรองชนะเลิศ อู่หยา แล้วเจ้าล่ะ?”

อู่หยารีบพูดอย่างรวดเร็ว “อืม เจ้าย่อมต้องเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะมาที่เผ่าอีกาทองหรือไม่ ข้าจะไม่บังคับเจ้าแน่นอน” เมื่อเพูดอย่างนั้น เธอหัวเราะคิกคักจากนั้นก็ตบไหล่ของโจวเหว่ยชิงราวกับพี่น้อง “เหว่ยชิง ข้าผิดเอง”

ตอนนี้ขี้เมาเป่าหันมาจ้องเขาอย่างน่าสงสาร

ในขณะที่คนในกลุ่มกำลังหัวเราะและหยอกล้อกัน ทันใดนั้นพวกเขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตูอย่างกะทันหัน

เมื่อได้ยินเสียงนั้นดังขึ้น ใบหน้าของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนไปในพริบตา แม้ว่าพวกเขาจะกำลังหยอกล้อกันอยู่ แต่ทุกคนก็ยังคงแผ่การรับรู้ของตนออกไปอยู่เสมอ และแม้แต่ระดับพลังปราณที่สูงที่สุดในหมู่พวกเขาอย่างหลินเทียนอ้าวก็ยังสัมผัสไม่ได้ว่ามีใครบางคนเข้ามาใกล้ เห็นได้ชัดว่าใครก็ตามที่อยู่นอกประตูจะต้องมีระดับพลังปราณที่สูงกว่าพวกเขาทุกคน

หลินเทียนอ้าวส่งสัญญาณให้คนที่เหลือ จากนั้นภายในห้องก็เงียบกริบลงทันที ส่วนเขาก็หันไปเปิดประตู

แม่มดน้อยกำลังยืนอยู่ข้างนอกในชุดสีดำ เมื่อเธอเห็นประตูเปิดออกและเผยให้เห็นกลุ่มคนด้านใน หญิงสาวก็ยิ้มอย่างเก้อเขินด้วยรอยยิ้มสดใสพลางพูดว่า “สวัสดีทุกคน”

เมื่อเห็นว่าเป็นแม่มดน้อย ใบหน้าของสมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่ก็แปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซียวเอี๋ยนและขี้เมาเป่า ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ พวกเขาก็คงจะไม่ได้รับบาดเจ็บจนออกไปต่อสู้ไม่ได้แม้แต่นัดเดียวในรอบอุ่นเครื่อง

โจวเหว่ยชิงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่? เจ้ามาที่นี่เพื่อสืบเรื่องของพวกเราหรือ?”

อู๋เยว่หาน (แม่มดน้อย) กล่าวอย่างปวดใจ “ในสายตาของเจ้า ข้าดูแย่ขนาดนั้นเลยหรือ?” ทั้งคู่ต่างก็ทำตัวน่าสงสาร ทว่าแม่มดน้อยนั้นมาพร้อมกับความงามจับใจของเธอ เธอจึงทำได้ดีกว่าอู่หยาอย่างไม่ต้องสงสัย นั่นทำให้แม้แต่จิตใจที่โกรธเกรี้ยวของพวกเขาก็ต้องรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย

อู๋เยว่หานกล่าวต่อว่า “ก่อนหน้านี้ถ้าไม่ใช่เพราะคำเตือนของข้า เจ้าก็อาจจะไม่ฟื้นคืนพลังมาได้ง่ายๆ หรอกนะ อันที่จริงการที่ข้ามาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อสอดแนมเจ้า แต่มาเพื่อหารือเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างข้ากับพวกเจ้าทั้งหมด เช่นนั้นข้าขอเข้าไปได้ไหม?” ขณะที่พูดเช่นนั้น เธอก็กัดนิ้วชี้ขวาเบาๆ อย่างน่ารักน่าชัง

หลินเทียนอ้าวทำท่าทางเชิญชวนให้เธอเข้าไปข้างใน สมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่ทั้งหมดอยู่ที่นี่และอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมที่สุด แม้ว่าแม่มดน้อยจะลงมือทำอะไรบางอย่าง แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำสำเร็จแน่ เพราะถึงอย่างไรพวกเขาทั้งหมดก็ตั้งท่าระมัดระวังแม่มดน้อยอย่างเต็มที่

อู๋เยว่หานเข้ามาในห้องและนั่งลงข้างๆโจวเหว่ยชิงอย่างอาจหาญ เธอชี้ไปที่ถ้วยน้ำชาตรงหน้าพลางถามโจวเหว่ยชิงอย่างอ่อนหวาน “นี่คือถ้วยของเจ้าใช่หรือเปล่า?”

โจวเหว่ยชิงเผลอพยักหน้าให้อีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว อู๋เยว่หานทำตัวราวกับว่ามองไม่เห็นสายตาของคนอื่นๆ หญิงสาวหยิบถ้วยของเขาขึ้นมาดื่มต่ออย่างเป็นธรรมชาติก่อนจะวางลงดังเดิม เธอเหลือบมองไปที่เจ้าแมวอ้วนซึ่งกำลังพักผ่อนอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของโจวเหว่ยชิง ดวงตาฉายแววยั่วยุเล็กน้อย

เมื่อพวกเขาเห็นหญิงสาวเลียริมฝีปากสีแดงสดของตนเอง สมาชิกชายในกลุ่มนักรบเฟยหลี่รวมถึงโจวเหว่ยชิงก็รู้สึกว่าคอของพวกเขาพลันแห้งผาก ผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์มากเกินไปแล้ว!

โจวเหว่ยชิงเหลือบมองเธอเล็กน้อย แต่เพราะเขายังคงยืนอยู่ จากมุมของเขา เด็กหนุ่มจึงบังเอิญได้เห็นสิ่งที่ดูเหมือนว่า…จะไม่ใหญ่มาก…แต่ก็ยังสมบูรณ์แบบ…*อึก* เขากลืนน้ำลาย พยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมการแสดงออกบนใบหน้าของตนเอง “เอ่อ แม่มดน้อย ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่? พูดมาตรงๆเถอะ”

แม่มดน้อยเหลือบมองเขาอย่างไม่พอใจและพูดว่า “พวกท่านทุกคนไม่จำเป็นต้องมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้นหรอก…ข้าอายนะ…อันที่จริงข้ามาที่นี่ก็ไม่มีเจตนาร้าย”

โจวเหว่ยชิงแสยะยิ้มและพูดว่า “หึ…เจ้าก็น่าจะรู้เกี่ยวกับผลการจับฉลากแล้วว่ากลุ่มของพวกเราจะพบกันในรอบก่อนรองชนะเลิศ แต่ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ได้ซุ่มโจมตีและทำให้เพื่อนของข้าบาดเจ็บมาก่อน ตอนนี้เราก็ถือว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามและไม่ใช่สหายอยู่ดี การที่เจ้ามาหาพวกเราในเวลาเช่นนี้ เจ้าจะไม่ให้พวกเราระวังตัวได้อย่างไร? ข้ารู้ว่านิกายปีศาจสวรรค์ต้องการเข้าสู่เกาะมณีสวรรค์จริงๆ ดังนั้นเจ้าย่อมไม่ยอมให้อาณาจักรคาลิเซพ่ายแพ้ใช่หรือไม่? เอาเถอะ ข้าอยากให้เจ้าพูดอย่างไปตรงมาและอย่าได้โยกโย้อีกเลย ถึงอย่างไรข้าก็ไม่เชื่อจริงๆ ว่าเจ้าจะมาที่นี่เพื่อแจ้งข่าวดีให้เราทราบ”

อู๋เยว่หานเหยียดยิ้มก่อนจะหัวเราะคิกคัก เธอกล่าวว่า “เจ้าเดาถูกจริงๆ นั่นแหละ จะเป็นอย่างไรถ้าข้าบอกว่าข้าเต็มใจจะให้อาณาจักรคาลิเซยอมแพ้และปล่อยให้กลุ่มของเจ้าเข้าสู่ 4 อันดับแรกโดยไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้น”

ทันทีที่เธอพูดเช่นนั้น กลุ่มนักรบเฟยหลี่ทั้งหมดก็ตกตะลึงไป อย่างไรก็ตาม พวกเขาพลันสงบลงอย่างรวดเร็วและหลินเทียนอ้าวก็กล่าวอย่างเฉยชาว่า “ไม่มีสิ่งใดได้มาง่ายๆ โดยไม่ต้องตอบแทน…แม่นางอู๋ เจ้ากำลังพยายามทดสอบพวกเราหรือ?”

อู๋เยว่หานยิ้มจางๆ ส่ายหัวขณะที่เธอพูดต่อ “ข้าต้องพยายามอย่างเต็มที่ มาที่นี่เพื่อทดสอบอะไรบางอย่างหรือ? แน่นอนว่าเจ้าได้แสดงพลังที่น่าประทับใจระหว่างการต่อสู้กับกลุ่มนักรบตันตุ้น ทว่าสิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็ยังคงเป็นกลยุทธ์ หากข้าเอาจริง ข้าก็เชื่อว่าพวกเราทั้ง 2 กลุ่มก็คงจะสูสีกันมากและอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ ถึงอย่างไรข้าก็ไม่จำเป็นต้องทดสอบเจ้า!”

………………………………………………………