บทที่ 140 อินทรีถลานางแอ่นเหินลม

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

บทที่ 140 อินทรีถลานางแอ่นเหินลม

ต่อให้เจาอู๋หยางจะโดนตบหัวเป็นร้อยครั้งพันครั้ง เขาก็ไม่มีวันคิดว่าหลินเป่ยเฉินจะเอ่ยคำขอเช่นนี้ออกมา

“แล้วใครคือจอห์น เวย์นกันล่ะนั่น?” คุณชายโรคจิตได้แต่คิดแล้วก็สงสัย

ส่วนเรื่องคัมภีร์ฝึกอาวุธลับนั้น…

หากสามารถทำให้รอดชีวิตได้ อย่าว่าแต่จะเป็นคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์เลย ต่อให้ต้องเผาคฤหาสน์ทิ้งเขาก็ยินดี

“การยิงอาวุธลับของข้า เรียกว่าวิชาอินทรีถลานางแอ่นเหินลม มันเป็นเคล็ดวิชาที่ถ่ายทอดกันในสำนักปรภพมืด ซึ่งเป็นสำนักอิสระที่ใหญ่สุดลำดับที่สามของมณฑลเฟิงอวี่ อาวุธลับจะถูกยิงออกมาจากกระบอกเล็กๆ ที่ติดตั้งอยู่บริเวณข้อมือ”

เพื่อความอยู่รอด เจาอู๋หยางจึงบอกเล่าความลับทุกประการให้หลินเป่ยเฉินรับทราบ รวมถึงบอกด้วยว่าคัมภีร์ฝึกยิงอาวุธลับก็อยู่ในกระเป๋าหนังใบนั้นเช่นกัน

มือกระบี่จากหอการค้าสามพันโยชน์หยิบคัมภีร์ออกมาจากกระเป๋าและยื่นส่งให้แก่หลินเป่ยเฉิน

“เจ้าถือเอาไว้ ค่อยๆ เปิดให้ข้าดูทีละหน้า” เด็กหนุ่มออกคำสั่ง

หลินเป่ยเฉินไม่มีทางชะล่าใจจนยอมสัมผัสสิ่งของจากฝ่ายตรงข้ามด้วยมือตนเองเด็ดขาด

“เกิดในคัมภีร์วางยาพิษเอาไว้ ฉันก็ซวยสิ”

มือกระบี่จากหอการค้าสามพันโยชน์ค่อยๆ พลิกหน้ากระดาษทีละหน้าตามคำสั่ง

ภาพที่เห็นทำให้เจาอู๋หยางรู้สึกหมดหวังมากกว่าเดิม

สำนักปรภพมืดถือเป็นผู้มีอิทธิพลใหญ่ในมณฑลเฟิงอวี่ นอกจากชำนาญเรื่องการวางยาพิษ ลอบสังหาร สร้างกลไก วางกับดักและอื่นๆ อีกมากมายแล้ว ยังถึงกับฉาบพิษไว้บนหน้าปกของคัมภีร์ฝึกยิงอาวุธลับอีกด้วย พิษจะไหลเข้าสู่ร่างกายผ่านทางปลายนิ้วของผู้ที่ถือคัมภีร์

เขาไม่คิดเลยว่าหลินเป่ยเฉินจะระวังตัวแจขนาดนี้

“แต่มีหรือที่มันจะรู้ตัวว่าคัมภีร์เล่มนี้มียาพิษเคลือบเอาไว้? ถ้ามันอยากเอาไปฝึกจริงๆ ก็ต้องหยิบคัมภีร์ไปเปิดดูแน่นอน แล้วมันก็จะต้องโดนพิษ…อะฮิอะฮิ”

เจาอู๋หยางวางแผนการอย่างชั่วร้าย

ถ้าหลินเป่ยเฉินโดนพิษเข้าไปเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไปทันที

เขาจะมีโอกาสได้เจรจาต่อรอง

ไม่นานหลังจากนั้น มือกระบี่จากหอการค้าสามพันโยชน์ ก็เปิดคัมภีร์อินทรีถลานางแอ่นเหินลมจนถึงหน้าสุดท้าย

เขากำลังจะเปิดกลับมาที่หน้าแรกอีกครั้ง

“ไม่ต้องแล้ว”

หลินเป่ยเฉินยกมือห้าม

“หืม?”

“แค่นี้เองหรือ?”

เจาอู๋หยางรู้สึกผิดหวังนัก

หลินเป่ยเฉินถามอยู่ในใจว่า “เสี่ยวจี้ สแกนไว้ทั้งหมดแล้วใช่ไหม?”

เสี่ยวจี้ตอบกลับมาว่า “เรียบร้อยเจ้าค่ะ ขณะนี้กำลังสร้างแอปพลิเคชั่นขึ้นมาแล้ว”

ชั่วน้ำเดือดหลังจากนั้น

แอปอินทรีถลานางแอ่นเหินลมก็ถูกดาวน์โหลดลงโทรศัพท์เรียบร้อย

ต้องใช้การโอนถ่ายข้อมูลทั้งหมด 1 GB

ดูจากการผลาญพลังลมปราณแล้ว ปรากฏว่าวิชาอินทรีถลานางแอ่นเหินลม เป็นคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์ระดับสองดาว

เด็กหนุ่มกดเข้าไปในตัวแอปไม่รอช้า

หน้าตาของแอปพลิเคชั่นไม่ได้ต่างไปจากที่หลินเป่ยเฉินคาดเดาเอาไว้สักเท่าไหร่

มีตัวการ์ตูนกำลังยืนอยู่ในลานฝึกวิชา ตัวการ์ตูนบนหน้าจอมีลักษณะเหมือนหลินเป่ยเฉินทุกกระเบียดนิ้ว ท่อนแขนข้างหนึ่งของเขาแนบติดด้วยกระบอกยิงลูกดอก เมื่อตัวการ์ตูนนั้นยกมือขึ้น ลูกดอกก็จะถูกยิงออกมา ลูกดอกจะลอยยาวไปไกลประมาณ 10 วาก่อนที่จะร่วงลงกระทบพื้นดิน

หลินเป่ยเฉินยังไม่เคยฝึกวิชานี้มาก่อน ตัวแอปเพิ่งจะเริ่มเปิดการใช้งานเท่านั้น ฝีมือการใช้อาวุธลับของเขากับเจาอู๋หยาง จึงมีช่องว่างห่างกันอยู่พอสมควร

“เสี่ยวจี้ สลับมือฝึกทุกครึ่งชั่วยามนะ ฉันจะได้ซัดอาวุธลับได้จากทั้งมือสองข้าง”

“รับทราบเจ้าค่ะ”

เมื่อการสนทนาจบลง การตั้งค่าก็เสร็จสิ้นพอดี

หลินเป่ยเฉินหันไปพูดกับมือกระบี่จากหอการค้าสามพันโยชน์ว่า “แกะกระบอกยิงลูกดอกออกมาจากข้อมือเขาซะ”

มือกระบี่คนนั้นไม่กล้าเสียเวลา รีบปฏิบัติตามคำสั่งอย่างว่าง่าย

กระบอกยิงอาวุธลับนั้นจัดทำขึ้นอย่างปราณีต มันมีสีสันกลืนไปกับสีผิว และมีความยาวเพียงฝ่ามือเดียวเท่านั้น เมื่อซ่อนเอาไว้ในแขนเสื้อ จึงเป็นเรื่องยากที่จะถูกพบเห็น

“มีพิษหรือเปล่า?” หลินเป่ยเฉินก้มหน้าถามอย่างระมัดระวัง

เจาอู๋หยางรีบตอบออกมาโดยเร็วว่า “ไม่มีพิษแน่นอนขอรับ ข้าขอสาบานด้วยชีวิต กระบอกยิงอาวุธลับนี้ต้องแนบติดอยู่กับข้อมือของข้า ถ้ามันมีพิษอยู่จริงๆ พิษก็คงซึมเข้าสู่ร่างกายข้าไปแล้ว ยาคชสารนิทราที่อยู่ในตัวลูกดอกนั้น จะทำให้ผู้ที่ถูกเล่นงานมีร่างกายเป็นอัมพาต ไม่สามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้ แต่มันไม่ใช่ยาพิษที่จะทำให้ถึงตาย”

เจาอู๋หยางตอบตามความจริง

แต่ถึงอย่างนั้น หลินเป่ยเฉินก็ไม่ค่อยอยากเชื่อสักเท่าไหร่

“ลองเลียให้ดูก่อน” หลินเป่ยเฉินออกคำสั่งอีกครั้ง

“หา?” เจาอู๋หยางเบิกตาโตด้วยความพิศวง

“นี่มันคำสั่งประเภทไหนกัน”

“เพื่อพิสูจน์ว่ากระบอกยิงอาวุธลับไม่ได้อาบยาพิษเอาไว้ เจ้าต้องเลียมันให้ข้าดูเดี๋ยวนี้!” หลินเป่ยเฉินคำรามเสียงเข้ม

เมื่อถูกข่มขู่คุกคาม เจาอู๋หยางก็ต้องจำยอมเลียกระบอกยิงอาวุธลับตามคำสั่ง มือกระบี่ของหอการค้าสามพันโยชน์ที่คอยถือกระบอกให้คุณชายแลบลิ้นเลีย ถึงกับน้ำตาไหลออกมาตลอดเวลาแล้ว

ภาพลักษณ์ของเจาอู๋หยางพังยับเยินไม่เหลือชิ้นดี

ตั้งแต่เกิดมา เขายังไม่เคยพบเจอใครวิกลจริตเท่านี้มาก่อน

“เจ้าลูกเต่าตัวนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่?”

นี่คือคำถามเดียวที่เกิดขึ้นในจิตใจของเจาอู๋หยาง

“เลียอีกรอบ” หลินเป่ยเฉินยังคงระแวงกระบอกยิงอาวุธลับไม่เสื่อมคลาย

สุดท้าย เจาอู๋หยางก็ต้องเลียกระบอกนั้นถึง 10 รอบด้วยกัน เรียกได้ว่าเลียจนลิ้นถลอกกว่าจะทำให้หลินเป่ยเฉินโล่งใจได้สำเร็จ แต่หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็สั่งให้มือกระบี่ของหอการค้าไปต้มน้ำเดือด และนำกระบอกยิงอาวุธลับ รวมถึงลูกดอกอีก 20 ลูก ลงไปต้มเป็นเวลา 1 ชั่วยามเต็ม

เมื่อกระบอกนั้นตกไปอยู่ในมือของหลินเป่ยเฉินในที่สุด เจาอู๋หยางก็ต้องส่งเสียงร้องครวญครางออกมาด้วยความเศร้า

คุณชายโรคจิตไม่เคยเห็นใครระมัดระวังตัวขนาดนี้มาก่อน

จังหวะนั้น เจาอู๋หยางพบว่าหลินเป่ยเฉินกำลังผูกกระบอกยิงอาวุธลับเข้ากับข้อมือ และกำลังจะลองยิงลูกดอกออกมาเป็นครั้งแรก คุณชายโรคจิตก็อดเย้ยหยันอยู่ในใจไม่ได้

แม้วิชาอินทรีถลานางแอ่นเหินลม จะเป็นวิชาระดับต่ำสุดของสำนักปรภพมืด แต่ก็ใช่ว่าจะฝึกกันได้ง่ายๆ

เจาอู๋หยางต้องเสียเวลาทั้งเดือน กว่าจะสะบัดแขนยิงลูกดอกได้อย่างแม่นยำ และมันก็ทำให้เขาถูกยกย่องเป็นหนึ่งในลูกศิษย์อัจฉริยะของสำนักไปโดยปริยาย

“เพียงมีเวลาอ่านคัมภีร์แค่ครึ่งชั่วยาม เจ้าก็คิดว่าตนเองจะสามารถยิงลูกดอกออกมาได้แล้วหรือ? เจ้ากำลังฝันกลางวันอยู่รู้ตัวหรือเปล่า…?”

“ฟ้าว!”

“ฟึบ!”

“วูบ! วูบ! วูบ!”

เสียงที่ต่างกันสามชนิดดังขึ้นแทบพร้อมกัน

เจาอู๋หยางเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ

เขาคุ้นเคยกับเสียงเหล่านี้เป็นอย่างดี

มันเป็นเสียงของลูกดอกที่พุ่งผ่านอากาศ กระทบกับเป้าหมาย แล้วส่วนปลายก็พริ้วไหวด้วยแรงสั่นสะเทือน

นี่คือเสียงที่จะดังขึ้นได้ก็ต่อเมื่อยิงลูกดอกสำเร็จเท่านั้น

เจาอู๋หยางจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยความอัศจรรย์ใจ

“เจ้าลูกเต่าตัวนี้มันยิงออกมาได้อย่างไรกัน! หรือว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ?”

แต่ในจังหวะต่อมา

“ฟ้าว! ฟ้าว! ฟ้าว!”

เสียงลูกดอกแหวกอากาศดังขึ้นอีกครั้ง

แต่ละครั้งที่หลินเป่ยเฉินยกแขน ลูกดอกก็จะถูกยิงออกมาอย่างแม่นยำ

“ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ!”

ลูกดอกเงินปักตัวเองอยู่บนต้นไม้ที่ห่างออกไปสิบวา

“ไม่เลวเหมือนกันนี่นา” หลินเป่ยเฉินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

แอปวิชาอินทรีถลานางแอ่นเหินลม เพิ่งจะเปิดใช้งานในโทรศัพท์แค่ชั่วยามเดียวเท่านั้น แต่เขากลับมีทักษะการยิงลูกดอกแม่นยำถึงเพียงนี้แล้ว

ถ้าฝึกฝนต่อเนื่อง หลินเป่ยเฉินก็จะเก่งกาจมากกว่าเจาอู๋หยางได้อย่างไม่มีปัญหา

“แต่ยังไงฉันก็เป็นมือกระบี่อยู่ดี อาจารย์จะโกรธไหมวะ ถ้ารู้ว่าแอบมาฝึกวิชาอาวุธลับเนี่ย?”

หลินเป่ยเฉินเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย

เหตุผลก็คือ นับตั้งแต่เป็นสักขีพยานที่อาจารย์ติงสังหารมือกระบี่อาวุโสทั้งสามคนในงานประลอง หลินเป่ยเฉินก็นอนฝันร้ายอยู่บ่อยครั้ง

หากอาจารย์ติงโกรธ อาจารย์ก็สามารถฆ่าคนได้ทุกเมื่อ

ทันใดนั้นเอง บังเกิดเสียงฝีเท้าคนกลุ่มใหญ่ดังขึ้นรอบตัวคฤหาสน์

แล้วประตูหน้าที่อยู่ห่างออกไปก็เปิดออก มือกระบี่หลายร้อยคนกรูเข้ามาเหมือนสายน้ำไหลทะลัก

มือกระบี่สิบกว่านายทำหน้าที่อารักขาชายวัยกลางคนร่างอ้วนเตี้ย ผมขาวหนวดยาวพริ้วไสวขณะวิ่งเต็มกำลังเข้ามาคนหนึ่ง

“เจ้าเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรถึงทำร้ายลูกชายข้าอย่างนี้?”

ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานผู้นั้น คำรามออกมาด้วยความเดือดดาลขณะกวาดสายตามองรอบบริเวณ