บทที่ 260 การขัดเกลา

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 260 การขัดเกลา

“พวกแกจะต้องเสียใจ!”

ชายหนุ่มใส่ชุดสูทพูดขึ้นพร้อมท่าทางที่โหดเหี้ยม

ผัวะ!

เหลยเป้าตบหน้าชายหนุ่ม กระแทกหัวของเขากับพื้น จนพื้นเกิดหลุมลึก

วัยรุ่นพวกนั้นเริ่มกลัวจนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที

อย่างไรก็ตาม วัยรุ่นพวกนั้นจะไปทำอะไรได้ นี้คือจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิเลยนะ? แต่รอก่อนเถอะ…พวกแกได้ร้องไห้แน่ วัยรุ่นคิดในใจอย่างขมขื่น

ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรถหลายคันก็ขับเข้ามา แม้ยังไม่มีใครออกมาจากรถ แต่ความรู้สึกที่น่ากลัวก็แพร่กระจายออกมา

ฉู่ชวิ๋นไม่รู้สึกอะไร แต่ปันจือหาวหายใจไม่ออกหน้าผากของเขาเหงื่อไหลไม่หยุด

พวกมันคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่นักหรือไง? สายตาของฉู่ชวิ๋นเย็นชามาก เขาสะบัดมือไล่จิตสังหารของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิให้หายไป

ปันจือหาวและคนอื่น ๆ รู้สึกขอบคุณในขณะเดียวกันก็รู้สึกโชคดีที่มีฉู่ชวิ๋น ไม่งั้นพวกเขาจะไปต่อกรกับพวกจอมยุทธ์ได้ยังไง?

ประตูเปิดออกและชายชรา 2-3 คนแต่งตัวแตกต่างกันก็ออกมาจากรถร่างกายพวกเขาลล้อมรอบไปด้วยพลังลมปราณที่แข็งกร้าว

“พวกแกกล้ามากนะที่ทำร้ายศิษย์ของพวกเรา!” ชายชราผมขาวท่าทางใจร้อน ซัดฝ่ามือขนาดใหญ่เข้าใส่ฉู่ชวิ๋นและคนอื่น ๆ ทันที ส่งผลให้อากาศโดยรอบบิดเบี้ยวจนฉีกขาดเกิดเป็นเสียงที่น่ากลัว

ตระกูลฟางนั้นมีชื่อเสียงมากในตอนเหนือของประเทศจีน นับว่าเป็นขุมพลังอันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง ไม่นานหลังจากพวกเขาเข้าร่วม WTO ตระกูลฟางก็มีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิกว่า 20 คน จนทำตัวอันธพาลรบกวนผู้อื่นไปหมด

“อะไรนะ? ต่อหน้านายท่านของเรายังกล้าตะโกนอีกเหรอ?!” เหลยเป้ายกมือขึ้น จนเกิดฟ้าร้องกลายเป็นสายฟ้ารอบฝ่ามือจากนั้นก็ซัดมันออกไป

ตู้ม!

ฝ่ามืออันยิ่งใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัวหายไปทันทีด้วยสายฟ้าของเหลยเป้า

ชายชราของตระกูลฟางตกใจเล็กน้อย แต่ก็ยิ่งแปลกใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเขายังเห็นชายมีเคราร่างใหญ่โตกำลังถือกระบองขนาดใหญ่ที่มีเปลวเพลิงสีดำล้อมรอบพร้อมส่งเสียงคำรามออกมา

สมบัติลึกลับ?

เมื่อเขาได้สติ เขาก็เห็นว่าสายฟ้าผ่าตกลงมาที่เขา เสียงฟ้าร้องจากสายฟ้านั้นน่ากลัวมาก

ชายชราตระกูลฟางรู้สึกประหลาดใจ แต่การตอบสนองของเขาไม่ได้ช้าเลยแม้แต่น้อย ลมปราณของเขาเดือดพล่าน เขาซัดฝ่ามือที่รุนแรงออกไป พุ่งตรงไปยังกระบองยักษ์

ตู้ม!

พลังฝ่ามือของชายชราระเบิด ระลอกคลื่นที่น่าสะพรึงกลัวกระจายออกไป

ใบหน้าของชายชราเปลี่ยนไปอย่างน่าตกใจ ฝ่ามือของเขาไม่สามารถหยุดยั้งพลังของกระบองยักษ์ได้ เขาถูกแรงกระแทกเข้าอย่างจัง กระบองยักษ์ก็ทุบเข้ามาที่ไหล่ของเขาอย่างรุนแรง

ตู้ม!

ละอองเลือดฟุ้งกระจายพร้อมกับกระดูกที่แตกร้าว ชายชรากรีดร้องออกมา ไหล่ของเขาระเบิดและร่างกายครึ่งหนึ่งของเขาถูกทุบลงไปที่พื้น

ผู้คนต่างตกตะลึง ชายหนุ่มกลุ่มนั้นตกใจกลัว แค่ประลองตัวต่อตัวไม่นาน จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของพวกเขาก็ถูกจัดการเสียแล้ว ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น

ฉิ้ง!

กระบอกยักษ์ยกขึ้นสูงเสียดฟ้า จิตสังหารกระจายไปทั่วทุกทิศทันที เขาจะเอากระบองฟาดหัวชายชราคนนี้เลยดีไหมนะ? คนที่ตามใจศิษย์ตัวเองทำอะไรก็ได้ตามใจจนทำร้ายผู้คนแบบนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เหลยเป้าคิดว่าชายชรานี่ไม่มีค่าอะไรเลย ต้องเป็นคนไม่ดีแน่ๆ เพราะงั้นต้องฆ่ามันซะ!

“หยุดนะ!”

คนพวกนั้นตะโกนออกมา พวกเขาจะปล่อยให้พวกพ้องของตัวเองตายไปต่อหน้าต่อตาได้ยังไง?

ในกลุ่มคนที่มากับชายชราตระกูลฟาง มีชายชราที่หน้าตาเหมือนลิงตะโกนออกมา ใช้ฝ่ามือกระแทกไปยังด้านหลังของเหลยเป้า

จริงๆแล้ว เขาโจมตีออกไปก่อนที่จะตะโกนมันเป็นการลอบโจมตี!!

เหลยเป้าหันหลังกลับไปมอง สีหน้าของเขาเย็นชาและโกรธมากสายฟ้ามากมายปรากฏรอบตัวเขา

ตู้ม!

ชายชราลอบโจมตีสำเร็จ ฝ่ามือของเขาที่ถูกซัดใส่หลังของเหลยเป้านั้นรุนแรงมาก ฝ่ามือนี้หมายจะฆ่าเหลยเป้าในครั้งเดียว!

แต่อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของชายชราก็ถอดสีทันที เขาเห็นสายฟ้ามากมายจากเหลยเป้าก่อตัวเป็นเกราะ ทำให้ฝ่ามือลมปราณของเขาไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ กล้ามเนื้อของเหลยเป้าถูกกระตุกโดยสายฟ้า

เหลยเป้าที่กินผลกีวี่ทองคำเข้าไป ทำให้ตอนนี้เขาใกล้เคียงกับจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 และด้วยพลังของกระบองยักษ์ แม้แต่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 ก็ยังไม่คณามือเขาเลย กับอีแค่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 1 จะมาลอบโจมตีเขาเนี่ยนะ?

ดวงตาของเหลยเป้าดุดัน สายฟ้าที่น่ากลัวระเบิดออกมา พุ่งตรงไปยังหัวของชายชราเจ้าเล่ห์คนนี้

มือไม้ของชายชราด้านชาไปหมด เขารีบพุ่งตัวไปด้านหลัง เหลยเป้ามองอย่างเยือกเย็น เขาปากระบองยักษ์ออกไป

ตู้ม!

เลือดและเนื้อกระจายกลางท้องฟ้า เสียงร้องอันเจ็บปวดของชายชราดังก้อง ขาของเขาถูกกระบองฟาดจนระเบิด

มันเป็นการจู่โจมที่โหดร้ายมาก ทำให้ผู้คนตายได้ภายในพริบตาเดียวแทบจะสังหารจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ 2 คนในทันที

กลุ่มชายหนุ่มเงียบด้วยรู้สึกผิดที่ทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้น พวกเขาอยากจะเอาหัวของตัวเองมุดหนีเข้าไปในดิน

เหลยเป้าไม่หยุดแค่นั้น ชายชราที่หน้าคล้ายลิงคนนี้มีดวงตาที่มืดมน ชอบลอบโจมตี คนชั่วร้ายเช่นนี้ไม่ควรปล่อยมันเอาไว้ เขาพุ่งตัวเข้าไปแล้วใช้กระบองฟาดลงในทันที

ตู้ม!

เสียงกรีดร้องที่น่าสยดสยองดังขึ้น ศีรษะของชายชราถูกระเบิดโดยกระบอง เศษกระดูกและเศษสมองปลิวว่อนไปหมด

“ไอ้แก่ แกกล้ามากนะที่มาลอบโจมตีท่านเหลยคนนี้!” เหลยเป้าถือกระบองยักษ์พูดออกมาด้วยใบหน้าจริงจัง ขณะมองไปที่คนอื่นๆ

“ไม่ต้องห่วงสหาย พวกเรามาที่เพื่อไถ่ตัวคนของเราเท่านั้น” ชายชราคนหนึ่งพูดอย่างรวดเร็ว

“ไถ่ตัว? เขาทำกันแบบนี้หรือไง?!” เหลยเป้าไม่ได้โง่แบบนี้มันบ้าไปแล้ว!

“นายกำลังถูกความโกรธบังตา พวกเรามาด้วยเหตุนั้นจริงๆ คนพวกนี้มาถึงพร้อมพวกเราพร้อมกันเท่านั้น พวกเราไม่ได้รู้จักกันเลย” ชายชรามองหน้าเหลยเป้าและพยายามโน้มน้าว ขณะที่ก้าวถอยหลังไปด้วย 2 ก้าวด้วยความหวาดกลัว

“ไอ้แก่ แกมันหน้าไม่อายจริง ๆ คิดว่าฉันโง่นักหรือไง? ออกมาจากรถกลุ่มเดียวกันแล้วบอกว่าไม่รู้จักกันเนี่ยนะ!” เหลยเป้าแสยะยิ้ม

ชายชราพอรู้ตัวก็ได้แต่เยาะเย้ยตัวเอง สิ่งนี้ทำให้เขาหายใจไม่ทั่วท้อง

ชายชรามองไปยังกลุ่มของเด็กหนุ่มที่กำลังคุกเข่าหลบหน้าหลบตาด้วยความโกรธเคือง

“สหาย ใจเย็นๆ พวกฉันมาแลกคนของตัวเองจริงๆ” เขายังยืนยันคำเดิม เขาทำได้แต่แกล้งแบบนี้ต่อไปเท่านั้น

“เหลยเป้า” ฉู่ชวิ๋นเรียก

เหลยเป้าจ้องมองที่ชายชรา 2-3 คนและพูดพึมพำว่า “แกโชคดีนะ”

เขาหันหลังกลับและเดินไปอยู่ข้างหลังฉู่ชวิ๋น ยืนตัวตรง แม้แต่ความดุร้ายก่อนหน้านี้ก็หายไป

ชายชราหลายคนตกตะลึง พวกเขาคิดว่าเหลยเป้าเป็นหัวหน้าแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาเป็นเพียงผู้ติดตามชายหนุ่มคนนี้เท่านั้น

ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่?

พวกศิษย์โง่ ๆ ของพวกเขาไปทำให้ใครโกรธกัน? ชายชราหลายคนคิด

“ใครในพวกนายเคยเห็นซามูไรญี่ปุ่นบ้าง?” ฉู่ชวิ๋นเปิดประเด็นทันที

ชายชราหลายคนตกตะลึงและได้แต่ส่ายหัว

ท่าทางของฉู่ชวิ๋นไม่สนใจและพูดต่อไปว่า “หัดฝึกวินัยศิษย์ตัวเองให้มันดี ๆ ด้วย”

“ครับ ครับ ครับ….”

ชายชราลายคนพยักหน้าในเวลาเดียวกันเมื่อมองเห็นเหลยเป้าที่กำลังจ้องมองพวกเขาด้วยความโกรธ พวกเขาก็ไม่กล้าพูดมากอะไร เพราะกลัวกระบองยักษ์นั้น

พวกเขาที่เป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิได้นั้นเพราะทะลวงพลังหลังจากที่โลกกลายพันธุ์ พวกเขายิ่งใหญ่นับ 10 ปี ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบวันนี้ขึ้น เขากำลังถูกสอนโดยเด็กหนุ่ม ความรู้สึกนี่มันบ้าจริง ๆ พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิที่เจ็บปวดที่สุดในโลกแล้ว

“เงิน 1 ล้าน ต่อสัตว์ที่ตาย 1 ตัว แล้วไปขอโทษครอบครัวคนเลี้ยงสัตว์ด้วย”

กลุ่มชายหนุ่มถูกผลักไปที่บ้านของคนเลี้ยงสัตว์โดยชายชราหลายคนบังคับให้พวกเขาขอโทษ

กลุ่มคนเลี้ยงสัตว์เป็นคนธรรมดาเมื่อมาเห็นพวกคนที่โหดเหี้ยมเหล่านี้มาก้มหัวขอโทษ พวกเขาก็รู้สึกประหม่าไม่รู้จะทำยังไงดี แต่เมื่อพวกเขารับเช็คมานับสิบล้าน พวกเขาก็หายกลัว

“ทำความสะอาดที่แห่งนี้ซะแล้วจะไปไหนก็ไป จำไว้ว่าถ้ามีข่าวเกี่ยวกับซามูไรพเนจร ให้แจ้งมาที่ฉันทันที และถ้ามามีเรื่องกับทหารก็เท่ากับมีเรื่องกับฉันคนนี้ด้วย” ฉู่ชวิ๋นพูดออกมา

“ครับ…ครับ” คนพวกนั้นรีบพยักหน้าอย่างหนักแน่น

ไม่นานนักพวกเขาก็ตระหนักว่า ถึงแม้จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิจะยิ่งใหญ่ แต่ก็มีบางคนที่สามารถฆ่าจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิได้ราวกับการฆ่าไก่

ชายชราตระกูลฟางได้รับบาดเจ็บ อีกคนหนึ่งถูกตีที่ศีรษะตายจนแทบไม่มีใครรู้ว่าเขาคือจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิมาก่อนที่หัวจะระเบิด

ชายหนุ่มพวกนั้นร้องไห้และโศกเศร้า ลากศพของสัตว์ร้ายของตนที่มีขนาดใหญ่เท่าภูเขาออกไปจากฟามอย่างเงียบๆ แม้พวกเขาจะเป็นจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ แต่มันก็เหนื่อยมากที่ต้องมาลากอะไรใหญ่โตขนาดนี้ชายชราดุพวกวัยรุ่นแล้วรีบไปกล่าวคำอำลาฉู่ชวิ๋น จากนั้นก็ขับรถออกไป

“มันฆ่าสัตว์เลี้ยงฉัน ฉันจะต้องล้างแค้นให้ได้” ชายหนุ่มคนหนึ่งมองไปยังร่างไร้หัวของสัตว์เลี้ยงด้วยความเกลียดชัง

ชายหนุ่มคนอื่น ๆ ก็รู้สึกเหมือน ๆ กัน บทเรียนในวันนี้เป็นอะไรที่หนักมาก แต่จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้น

“จอมยุทธ์ในเมืองไห่ชิงโปรดฟัง ภายในครึ่งชั่วโมงต่อจากนี้ ให้เอาสัตว์เลี้ยงออกไปจากเมือง หากพวกมันยังอยู่ในเมืองจะไม่มีการลดโทษใด ๆ ทั้งสิ้น มีแต่ฆ่าทิ้งเท่านั้น!” เสียงของฉู่ชวิ๋นดังกึกก้องไปทั่วทั้งเมืองด้วยการใช้ลมปราณจำแลงในการขยายเสียงให้ไปถึงทุกซอกทุกมุมของเมือง

ชายชราที่นั่งขับไปได้ไกลนักก็ยินจนพวกเขาตะลึง พวกเขามองหน้ากันนี่มันเกินไปแล้ว พวกนั้นกล้าท้าทายจอมยุทธ์ทั้งเมืองไห่ชิงเลยเหรอ?

กลุ่มวัยรุ่นที่กำลังลากสัตว์เลี้ยงของตัวเองก็กลัวขึ้นมาจนรีบวิ่งหนีทันที

“เขาเป็นใครกันแน่นะ?” ความตกใจในสายตาของชายชราในรถไม่ได้เหือดหายไป

เมื่อซากปรักหักพังโบราณถูกค้นพบนอกเมืองไห่ชิงก็ดึงดูดจอมยุทธ์จำนวนมาก ขณะนี้มีจอมยุทธ์ 8,000 ถึง 10,000 คนในย่านใจกลางเมืองแต่กลับมีคนกล้าส่งคำเตือนอย่างเปิดเผยแบบนี้ไม่เป็นคนบ้าก็เป็นคนไม่มีความกลัวอะไรแล้วละ

คำเตือนที่ยิ่งยโสของฉู่ชวิ๋นทำให้จอมยุทธ์ทั้งหมดในเมืองไห่ชิงตกตะลึง หลังจากนั้นจอมยุทธ์ก็ไม่ได้สนใจ พวกเขาทั้งหมดเป็นของเจ้านายตัวเอง แถมคำเตือนที่อธิบายไม่ได้แบบนี้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรทั้งนั้น!

ในเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือของเหลยเป้าก็ดังขึ้น เขาพูดสั้น ๆ ไม่กี่คำหลังจากกดรับสาย

“นายท่าน เหยียนชงและหญิงหม้ายมาถึงแล้วครับ”

ฉู่ชวิ๋นขมวดคิ้ว “อย่าให้พวกเขาอยู่ลำพัง นายและจิ่วโยวไปหาพวกเขาซะ อีกครึ่งชั่วโมงถ้ายังมีสัตว์อยู่อีก ในเมืองไห่ชิงจะเกิดสงคราม”

“รับทราบครับ!” เหลยเป้าเปิดปากกว้างก่อนที่จะยิ้มอย่างกระหายเลือด

หลังจากที่จิ่วโยวและเหลยเป้าออกไป ฉู่ชวิ๋นขอให้ปันจือหาวแจ้งทหารทั้งหมดหลังจากนี้ครึ่งชั่วโมง ถ้าเจอสัตว์ร้ายสามารถฆ่าได้ทันที

หลังจากปันจือหาวออกคำสั่งแล้วเขาก็เห็นติงจ๋งและคนอื่นๆ กระตือรือร้นที่จะทำตามคำสั่งนี้ หลังจากถามฉู่ชวิ๋น ว่าจะให้เขาทำยังไงดีตอนลงมือ

ฉู่ชวิ๋นก็พูดว่า “จำไว้ว่าเล็งไปที่ดวงตาของสัตว์ร้าย”

“ครับผม!” ติงจ๋งตอบรับเสียงดัง จากนั้นก็นำทหารนับสิบไปยังเขตเมือง

โดยปกติแล้วพวกเขาไม่กล้าต่อต้านเหล่าจอมยุทธ์ แต่ตอนนี้พวกเขามี

ฉู่ชวิ๋นอยู่ด้วยแล้วจะต้องกลัวอะไรอีก? มีใครกันที่เก่งกล้ากว่าจอมมารฉู่!

ฉู่ชวิ๋นและปันจือหาวขับรถไปยังเขตเมือง สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยจะกลับสู่ประชาชนหลังจากนี้ภายในครึ่งชั่วโมง!

เวลาผ่านไป 1 นาที 1 วินาที

จอมยุทธ์ในเมืองไห่ชิงทั้งหมดต่างก็หัวเราะเยาะเย้ยต่อคำเตือน

ทหารทั้งหมดยกปืนขึ้นและบรรจุกระสุนรอ

เหลยเป้าเช็ดกระบองยักษ์ในมือของเขา เหยียนชงและคนอื่น ๆ ก็ลับคมดาบของพวกเขารอเวลาที่จะมาถึง