บทที่ 284
บทที่ 284
เมื่อเห็นว่าทหารนายนั้นไม่ตื่นขึ้นมา ถังหยิน เฉิงจิน และคนอื่น ๆ จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนถังหยินจะนั่งยอง ๆ อยู่ตรงนั้นและสังเกตอย่างเงียบ ๆ สักพัก และหลังจากที่ยืนยันได้แล้วว่าไม่มีใครค้นพบร่องรอยของเขา ชายหนุ่มก็พลันทำการส่งสัญญาณให้เฉิงจินและคนอื่น ๆ พร้อมกับใช้วิชาสลับเงาอีกครั้งเพื่อเข้าไปในเมือง
เมื่อเขามาถึงด้านล่างของเมือง ขาของถังหยินก็อ่อนลงราวกับว่ากำลังเหยียบใครบางคน ทำให้หัวใจของเขาสั่น และโดยไม่ได้คิดอะไร เขาก็พลันหมอบลงทันที โดยในขณะเดียวกันนั้น ชายหนุ่มก็ได้ก็ยืดฝ่ามือที่ปกคลุมด้วยเกราะปราณออกไป
“ตุ๊บ!” แรงผลักดันนี้ตกลงบนวัตถุที่อ่อนนุ่มด้านล่างของเขาอย่างเต็มที่ ทำให้ทั้งฝ่ามือจมลงไป และเมื่อมองสิ่งที่อยู่ข้างใต้ ท่าทีของชายหนุ่มก็พลันเปลี่ยนไป เพราะสิ่งที่เขาเหยียบอยู่คือศพของคนผู้หนึ่ง !
เพียงแค่มองไปที่คราบเลือดรอบ ๆ ศพ เขาก็สามารถระบุได้ในทันทีว่าคนเหล่านี้เสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้ และโดยไม่ต้องสงสัยเลย พวกเขาต้องเป็นกลุ่มทหารกล้าตายกลุ่มแรกอย่างแน่นอน !
และเมื่อเขามองไปรอบ ๆ ชายหนุ่มก็พบว่ามีซากศพไร้ศีรษะกระจัดกระจายอยู่อย่างน้อย ๆ นับร้อยศพ
เขาค่อย ๆ กำหมัดที่เปื้อนเลือดแน่น
ในตอนนั้นเอง ก็เป็นเฉิงจินและคนที่เหลือที่ได้ลงมา และเมื่อพวกเขาทราบถึงตัวตนของเจ้าของร่าง เฉิงจินและคนอื่น ๆ ต่างก็พากันกัดฟันแน่น ก่อนเดินไปหาถังหยินและเฝ้ารอคำสั่งต่อไปของเขา
ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา ! ถังหยินค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น แล้วจึงหันไปบอกกับเฉิงจินและคนอื่น ๆ ให้พวกเขามุ่งหน้าไปที่ประตูเมือง
ภายใต้การปกคลุมของเงามืด พวกเขาไม่ได้ดึงดูดความสนใจของใครเลยจนสามารถผ่านไปยังหอคอยประตูเมืองได้อย่างราบรื่น
ซึ่งคราวนี้ก็มีทหารยามหลายคนอยู่บริเวณประตูเมือง แต่ทว่าพวกเขาเหมือนกับกองทัพเปิงบนกำแพงเมือง ที่ตอนนี้อยู่ในสภาพหลับใหล บางคนถึงกับนอนพิงกำแพง ในขณะที่คนอื่น ๆ นั่งบนพื้น
ถังหยินหยุดดู และเมื่อตัดสินใจได้แล้ว เขาก็พลันหันกลับมาและชี้ไปที่เฉิงจินจากนั้นก็ชี้ไปที่ด้านซ้ายของประตู ก่อนที่ชายหนุ่มจะชี้ที่ตัวเองแล้วชี้ไปที่ด้านขวาของประตู
เฉิงจินเข้าใจว่าถังหยินหมายถึงอะไร เขาพยักหน้าและพาคนสิบคนเดินไปข้างหน้าอย่างเงียบ ๆ เช่นเดียวกับถังหยินที่นำคนที่เหลือไปอีกทาง ก่อนพวกเขาจะปรากฏตัวที่อีกด้านหนึ่งของประตูเมืองและเริ่มโจมตีพร้อม ๆ กัน !
ถังหยินและเฉิงจินเป็นผู้นำ ในความมืดพวกเขาทั้งสองราวกับเสือดำสองตัวพุ่งเข้าหาทหารยามสองคนที่ด้านข้างของประตู !
เป็นถังหยินที่เคลื่อนไหวราวกับสายฟ้า ปิดปากของทหารยามคนหนึ่งก่อน จากนั้นมืออีกข้างของเขาก็พลันเข้าไปเฉือนที่ลำคอของเหยื่อ โดยที่ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถส่งเสียงได้แม้แต่นิดเดียว
ถังหยินรวดเร็ว เช่นเดียวกับเฉิงจินและคนที่เหลือที่ก็ไม่ช้าเช่นกัน ด้วยเมื่อเห็นเป้าหมายแล้ว พวกเขาก็พากันเข้าสังหารทหารยามในเวลาที่ไล่เลี่ยกันอย่างแม่นยำ
แม้ว่ามันจะฟังดูช้า แต่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วมาก การกระทำของพวกเขาใช้เวลาเพียงชั่วครู่เท่านั้น !
หลังจากเก็บกวาดเรียบร้อย ถังหยินก็ไม่เสียเวลาใด ๆ อีก เขาทำการอุ้มศพและรีบวิ่งเข้าไปในอุโมงค์บริเวณประตู ก่อนจะเป็นกลุ่มศรทมิฬที่รีบตามเข้ามา
เมื่อเดินไปที่หน้าประตูเมือง ถังหยินก็ได้มองไปที่สลักซึ่งอยู่ด้านบนแล้วยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ด้วยสลักขนาดใหญ่นี้น่าจะมีน้ำหนักอย่างน้อย 1 ถึง 5 ร้อยชั่งเลยก็ว่าได้ ทำให้ถังหยินหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนยื่นมือไปยกมันขึ้น
ด้วยพละกำลังของชายหนุ่ม เขาทำได้เพียงยกมุมสลักขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เสียงของสลักที่ขยับนั้นก็กลับดังลั่นเอี๊ยดอ๊าดโหยหวนในความเงียบของคืนนี้ ทำให้ถังหยินต้องรีบถอนมือออกและหันไปพูดกับเฉิงจินด้วยเสียงต่ำ “ถอดสลักออก ! เร็วเข้า !”
“ขอรับ !” เฉิงจินโบกมือไปทางเหล่าผู้ติดตามที่ซ่อนอยู่รอบตัวเขา ก่อนจะเป็นกลุ่มคนกว่า 20 คนที่ช่วยกันยกและดันจากด้านบน จนสลักประตูเริ่มขยับ และไม่ว่าสลักประตูจะหนักแค่ไหน มันก็ไม่สามารถทนต่อการยกของผู้ฝึกฝนพลังปราณได้หรอก !
เมื่อประตูบานใหญ่ถูกบังคับให้เปิดออก มันก็พลันเกิดเสียง ‘ตูม !’ ขึ้นตามมาติด ๆ!
ในเวลาที่เสียงของประตูเมืองที่ถูกเปิดออกดังขึ้น ทหารที่อยู่ด้านบนของประตูเมืองต่างก็ตื่นจากนิทรา ด้วยพวกเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีเสียงเปิดประตูเมืองกลางดึกได้กัน ?
คนแรกที่ค้นพบสถานการณ์ของศัตรูคือหน่วยลาดตระเวนประจำเมือง เพราะเมื่อพวกเขาไปตรวจสอบ ก็ไม่เห็นทหารรักษาการณ์ใด ๆ อยู่ในบริเวณนั้นเลย !
“อื้มม ”
ก่อนที่ทหารนายหนึ่งจะได้เปิดปากพูดอันใด ก็เป็นถังหยินที่คว้าหมับจับเข้าที่ลำคอของเขาจากด้านหลัง
ซุ่มมม !
ไฟแห่งความมืดลุกลามไปตามคอของหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนและห่อหุ้มทั้งร่างของเขา ก่อนที่ถังหยินจะโยนศพนั้นเข้าไปในกลุ่มคนที่อยู่ข้างหน้าพร้อมกับตะโกนว่า “ข้าคือคนที่จะมาเอาชีวิตพวกเจ้า !”
ด้วยเหตุนี้ ในหน่วยลาดตระเวนกองทัพเปิงจึงเกิดวุ่นวาย ก่อนที่ทุกคนจะพร้อมใจกันร้องตะโกนออกมา “ข้าศึกโจมตี !”
เสียงตะโกนของพวกเขากระตุ้นเจตนาฆ่าของถังหยิน ก่อนที่มือทั้งสองข้างของเขาจะฟาดไปข้างหลังพร้อมด้วยดาบวงพระจันทร์สองเล่มที่ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ !
และภายใต้การล้อมรอบของไอปราณสีดำ ดาบทั้งสองเล่มก็ได้หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง กลายเป็นเคียวยาว ก่อนถังหยินจะพุ่งเข้าไปในฝูงศัตรูพร้อมเหวี่ยงเคียวไปในแนวนอน ทำให้เกิดแสงสีดำวูบวาบ ที่ตามมาด้วยร่างของทหาร 4 นายที่ถูกตัดขาดกลางลำตัว
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น การแสดงของพวกเขาก็พลันเปลี่ยนไป และเมื่อหนึ่งในนั้นคำราม คนอื่น ๆ ก็พากันร้องคำรามและยกแทงหอกในมือไปทางถังหยิน !
ถังหยินไม่แม้แต่จะพยายามหลบ เขาเพียงยกฝ่ามือขึ้นเพื่อปิดกั้นปลายแหลมของหอก จากนั้นก็ทำการสะบัดข้อมือเข้าคว้าจับปลายหอกแล้วพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่ากำลังคนที่มีเพียง 2-3 คนไม่สามารถที่จะต่อกรกับอีกฝ่ายได้ พวกเขาก็พากันกรีดร้องด้วยความกลัวและหันหลังวิ่งหนีหนีไป ทำให้ถังหยินตะคอกเสียงดัง จากนั้นก็ทุบเคียวลงบนพื้น ก่อนร่างเขาจะไปปรากฏที่ด้านหลังของทั้งสอง เข้าคว้าจับไปที่ลำคอของคนทั้งคู่
หมอกสีดำหนาแน่นห่อพวกเขาเอาไว้ ก่อนที่พลังนั่นจะพากันเข้าสู่ร่างกายของพวกเขาผ่านรูขุมขน ทำให้ร่างกายของพวกเขาบวมพอง กลายเป็น ‘ลูกโป่งมนุษย์’ สองลูก !!!
เมื่อถังหยินปล่อยมือ ‘ลูกโป่งมนุษย์’ ทั้งสองก็พลันลอยเข้าไปหากองทัพเปิงจำนวนมากที่กำลังพุ่งเข้ามา
ตู้มมมม !
ทหารทั้งสองระเบิดในเวลาเดียวกัน ทำให้เลือดและเนื้อซึ่งมีพลังแห่งความมืดกระเซ็นไปทุกหนทุกแห่ง ส่งผลกระทบต่อกลุ่มคนในทันที ทำให้คนเหล่านั้นตัวบวมพอง พร้อมที่จะระเบิดและแพร่กระจายความเสียหายออกไปอีกต่อ !!
เมื่อทหารกองทัพเปิงหวาดกลัวและหลบหลีกออกจากระยะการโจมตีของมนต์ดำทำลายล้าง ก็มีมากกว่า 2 หรือ 3 ร้อยคนแล้วที่ถูกสังหาร และจะทิ้งไว้ก็เพียงชุดเกราะและอาวุธ กับซากศพเปื้อนเลือดเกลื่อนอยู่เต็มพื้น
ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เมื่อเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น และในขณะที่มนต์ดำทำลายล้างกำลังสร้างความเสียหายให้กับพวกเปิง ก็เป็นคนผู้หนึ่งที่ตะโกนออกมาจากท่ามกลางฝูงชน “ข้าขอคืนให้เจ้า !”
หลังจากสิ้นเสียงตะโกน ทหารที่ได้รับผลกระทบจากมนต์ดำทำลายล้างก็พลันถูกส่งมาทางชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
โดยยังไม่ทันแม้แต่จะหลบ ลูกโป่งมนุษย์เหล่านั้นก็พลันระเบิดออก ส่งชิ้นเนื้อและเลือดให้กระเด็นไปทั่วใบหน้าและร่างกายของถังหยิน
เกราะพลังปราณที่ติดอยู่กับเนื้อของเขาดูเหมือนจะถูกกัดกร่อนด้วยน้ำกรดและปล่อยควันสีเขียวหนาทึบออกมา ทว่าถังหยินก็ยืนคงอยู่ที่ตำแหน่งเดิมของเขา ไม่แม้แต่จะขยับสักนิ้ว ขณะที่จ้องมองไปที่ฝูงชนที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยดวงตาสีเขียว ราวกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ด้วยเสียงคำรามอันอึกทึก แม่ทัพของกองทัพศัตรูก็พลันวิ่งออกจากฝูงชนและตรงไปที่ถังหยินพร้อมด้วยหอกปราณในมือ ก่อนที่เขาจะส่งแรงทั้งหมดไปที่การพุ่งโจมตีใส่ชายหนุ่มอย่างไม่กลัวตาย
ชายหนุ่มคิดกับตัวเองก่อนพูดว่า “ดี !” พร้อมกับโบกมือของเขาแล้วคว้าเอาเคียวข้าง ๆ เพื่อโบกมันขึ้นด้านบนและตะโกน “เปิด !”
แคร้ง ! แคร้ง !
คมเคียวฟาดเข้าที่ปลายหอกปราณนั่น ส่งให้แม่ทัพที่โดนสกัดเดินโซเซไปข้างหน้าสองก้าว ในขณะที่ถังหยินยืนคงอยู่ที่เดิมอย่างมั่นคง
อันที่จริงคนคนนั้นที่ว่าก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากหลูฉิงเฟิงที่รับผิดชอบดูแลกำแพงเมืองด้านหลังนั่นเอง !
เขาเปิดการโจมตีก่อน แต่อีกฝ่ายกลับปัดหอกของได้อย่างง่ายดาย แสดงให้เห็นว่าขั้นพลังของเขาต้องสูงเป็นอย่างมาก ! หลูฉิงเฟิงถึงกับพูดไม่ออก แต่เมื่อเขาเห็นกลุ่มชายชุดดำที่กำลังเปิดประตูเมือง หัวใจของเขาก็พลันสั่นสะท้าน และไม่มีเวลามาสนใจถังหยินอีกต่อไป ก่อนรีบวิ่งไปที่ประตูเมืองเพื่องสกัดกั้น !
ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้จะถูกตัดสินในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ดังนั้นก็เป็นที่แน่นอนว่าถังหยินจะไม่ปล่อยเขาไป ชายหนุ่มใช้สลับเงาไปปรากฏตัวต่อหน้าหลูฉิงเฟิง ขวางเส้นทางของเขา และในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้เหวี่ยงเคียวกวาดออกพร้อมร้องตะโกน “ตายเสีย ! ไอ้เศษสวะ !”