บทที่ 288: คำพูดอันไหม้เกรียม
แสงสีแดงเข้มที่ส่องสว่างไปทั่วป่าค่อย ๆ กระจัดกระจาย เศษซากส่วนใหญ่ระเหยกลายเป็นหมอก นักเรียนในหอพักใกล้เคียงรีบออกจากห้องไปดูป่าบริเวณใกล้ ๆ แต่พวกเขาก็อดที่จะไม่ได้ที่จะสงสัยว่าตนเองกำลังฝันอยู่หรือเปล่า
ยักษ์เนื้อที่น่าสะพรึงกลัวได้กลายเป็นไออย่างสมบูรณ์ และโครงกระดูกยักษ์ที่เอาชนะมันได้ก็หายไปแล้วเช่นกัน สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงพลังเวทที่กระจัดกระจายไปตามสายลมอย่างรวดเร็ว ทำให้สภาพของป่าไม่เหมือนกับโลกแห่งความเป็นจริง
หากไม่ใช่เพราะยังปวดหัวอยู่ พวกเขาคงคิดว่ามันเป็นเพียงภาพลวงตา
คนเดียวในฝูงชนที่รู้เรื่องราวคือเมลตี้ และสมาชิกของชมรมสารพัดจ้างที่เพิ่งมาถึงที่เกิดเหตุ สมาชิกของชมรมสารพัดจ้างต่างชื่นชมยินดีกับชัยชนะของพวกเขา ในขณะที่ เมลตี้อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาด้วยความปิติยินดี
มันช่างยากเย็นเหลือเกิน แต่ในที่สุดแล้วความยุติธรรมก็มีชัยเหนือความชั่วร้าย หมัดอันงดงามของกรันด้าได้เอาชนะความกลัวที่ปรากฏอยู่ในใจของเมลตี้ และสมาชิกของชมรมสารพัดจ้างในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา
…
ภายในป่าโรเอล จ้องมองไปที่มาซีอุสอย่างเงียบ ๆ
ร่างกายของอีกฝ่ายนั้นเละไปหมด เสื้อคลุมของเขากลายเป็นผ้าขี้ริ้ว และร่างกายของเขาสกปรกไปด้วยเศษเนื้อและเลือดเลอะเทอะ อวัยวะรั่วไหลออกจากแผลที่หน้าท้องของเขาอย่างสิ้นหวัง พยายามที่จะทำงานต่อ แต่ความพยายามของพวกมันน่าจะไร้ประโยชน์ ด้วยเลือดที่ไหลออกจากหลอดเลือดที่ปริแตกของเขา
มาซีอุสยังไม่ตาย แต่เขาสูญเสียพลังชีวิตไปมากจากคาถาเวท ทำให้เขาไม่น่าจะรอดผ่านคืนนี้ไปได้ เมื่อรู้อย่างนั้นแล้วเขาจึงมองไปที่โรเอลและร้องขอความช่วยเหลืออย่างแผ่วเบา
“ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย…”
ดวงตาอันสั่นเทาของเขาสะท้อนให้เห็นถึงความกลัวต่อความตายอย่างลึกซึ้ง แต่โรเอลก็ไม่ได้หวั่นไหวกับคำวิงวอนของอีกฝ่าย
โรเอลคงจะโง่มากแน่ ๆ ถ้าเขาช่วยรักษาหรือสงสารผู้นับถือลัทธิชั่วร้าย ถ้าเขายอมให้มาซีอุสได้พักหายใจ อีกฝ่ายก็คงจะกลับไปหาเครื่องบรรณาการจากการฆาตกรรมอีกครั้งในภายหลังแน่
“ฉันดูเหมือนคนปัญญาอ่อนรึเปล่าล่ะ?”
“ข..ข้ามีข้อมูล! ข้าจะบอกข้อมูลให้เจ้า!”
“ข้อมูล?”
โรเอลเลิกคิ้วขึ้นอย่างสนใจเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เมื่อเห็นแสงแห่งความหวัง มาซีอุสก็รีบพูดต่อ
“เจ้าคิดว่ามันจะจบจริง ๆ เหรอ หลังจากที่ฆ่าข้า? ลัทธิสังเวยโลหิตของเราเป็นเพียงองค์กรขนาดเล็ก เราไม่มีค่าอะไรเลยต่อองค์กรรายใหญ่ที่แท้จริง พวกที่อยู่ด้านบนกำลังวางแผนใหญ่บางอย่าง คล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสี่ร้อยปีก่อน… อั้ก!”
“มาซีอุส?”
คำพูดของมาซีอุส หยุดชะงักไปครึ่งทาง ทำให้โรเอลรู้สึกทึ่ง ก่อนที่เขาจะสามารถตรวจสอบได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ร่างของมาซีอุสก็ขยายตัวราวกับบอลลูน ก่อนที่เปลวไฟสีดำจะระเบิดออกมาจากส่วนลึกของร่างกายเขาอย่างรวดเร็ว กลืนร่างกายของเขาหายไปในทันที
“อ๊ากกกกกก!”
“มาซีอุส!”
โรเอลรีบเร่งไปข้างหน้าด้วยความตั้งใจที่จะดับไฟ แต่มันก็สายเกินไปแล้ว ด้วยเสียงกรีดร้องแห่งความเจ็บปวด ร่างกายของมาซีอุสสั่นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะล้มลงอย่างสมบูรณ์ ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ร่างกายของเขาถูกลดขนาดลงเหลือเพียงแค่กองกระดูก
เขาตายแล้ว
โรเอลมองดูศพที่ไหม้เกรียมต่อหน้าเขาด้วยความโมโหสุดขีด
เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยเกี่ยวกับการตายของคนที่ฆ่าผู้บริสุทธิ์อย่างไร้ความปราณีจำนวนมาก แต่มาซีอุสกำลังจะให้ข้อมูลที่สำคัญบางอย่างแก่เขา! ดูเหมือนว่ามีใครบางคนร่ายคาถาเวทใส่มาซีอุส ซึ่งจะถูกกระตุ้นทันทีที่เขาเริ่มพูดข้อมูล โดยที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้
“บ้าเอ๊ย!”
พูดเร็วกว่านี้ไม่ได้เหรอ? อย่างน้อย ๆ ก็พูดให้จบประโยค! สี่ร้อยปีที่แล้ว…แค่ปีมันจะไปมีประโยชน์อะไรเล่า ? นายน่าจะให้คำที่สำคัญกว่านี้กับฉันก่อนสิ!
โรเอลกำไม้เท้าแน่นด้วยความหงุดหงิด แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เด็กหนุ่มจ้องไปที่กระดูกของมาซีอุสเป็นเวลานานก่อนจะเดินจากไป
…
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เด็กหนุ่มผมดำก็ลงมาจากรถม้าที่จุดหยุดพักฟูลเต้
หลังจากเอาชนะมาซีอุสได้แล้ว โรเอลก็มุ่งหน้ากลับไปที่เขตที่อยู่อาศัยที่ 3 ก่อนเพื่อยืนยันว่าเมลตี้อยู่ภายใต้การคุ้มครองของชมรมสารพัดจ้างอย่างปลอดภัยแล้ว ก่อนที่จะรีบมายังสนามรบถัดไป
เมื่อมาซีอุสเสียชีวิตไปแล้ว มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้สำหรับสมาชิกลัทธิชั่วร้ายคนอื่น ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องเก็บไวน์ ที่จะสามารถระดมกำลังเสริมตอบโต้กับหน่วยรักษาความปลอดภัยได้ แม้จะรู้ถึงเรื่องนี้ แต่โรเอลก็อดที่จะกังวลไม่ได้
การสังเวยเลือดของมาซีอุส เพื่ออัญเชิญเทพเจ้าชั่วร้ายทำให้เขานึกถึงวิธีการที่ยากจะหยั่งรู้ของเหล่าผู้นับถือลัทธิชั่วร้ายเมื่อถูกผลักไปจนหลังชนฝา พวกลัทธิชั่วร้ายอาจจะหันไปใช้วิธีการที่รุนแรงและสวนกลับอย่างแรงกลับไป
แน่นอนว่าพอลและคนอื่น ๆ เองก็ไม่ได้เป็นคนใจร้อน แต่พวกเขาก็ยังขาดประสบการณ์ แม้ว่ามันจะไม่น่าเป็นไปได้ที่พวกเขาจะพลาดพลั้งอย่างเลวร้ายถึงขนาดต้องตายจากพวกลัทธิชั่วร้าย แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง ถ้าเป็นเช่นนั้นโรเอลก็สามารถทำการรักษาฉุกเฉินได้โดยใช้พลังของเอสเซนด์วิงและเปตรา เพื่อบรรเทาความทุกข์ทรมานของพวกเขา
นอกจากนี้ โรเอลยังรู้สึกไม่สบายใจกับคำพูดทิ้งท้ายก่อนตายของมาซีอุส
เด็กหนุ่มรู้สึกว่ามีขุมกำลังที่น่ากลัวยิ่งกว่าลัทธิสังเวยโลหิตซุ่มซ่อนอยู่ในเงามืดของเมืองนี้ และพวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะมีพลังมากกว่าลัทธิสังเวยโลหิตมาก และก็อาจเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขาได้ โรเอลจึงรู้สึกว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนเขาจะต้องตามหาลิเลียนเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลังจากการตรวจสอบอย่างรวดเร็ว โรเอลก็สังเกตเห็นว่ามีควันไฟลอยมาจากคฤหาสน์หลุยส์ ดังนั้นเขาจึงไต่ข้ามเนินเขาสองลูกอย่างรวดเร็ว ทันทีที่มาถึง เขาก็ได้ยินเสียงร้องดังมาจากคฤหาสน์
ด้วยความตื่นตระหนก โรเอลรีบพุ่งเข้าไปทันที ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม
สมาชิกของหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ล้อมรอบจุดสำคัญของอาคาร ดูเหมือนจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ พวกเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าให้โรเอลเพื่อรับทราบการมีอยู่ของเขา แม้ว่าจะมีหน้าตาที่แย่มากก็ตาม
สมาชิกไม่กี่คนของฝ่ายกุหลาบน้ำเงินเองก็ดูดีเช่นกัน แม้ว่าผิวของพวกเขาจะดูซีดเล็กน้อย และพวกเขาทุกคนล้วนเอนตัวพิงกำแพงอย่างหมดแรง
“ไม่ไหว… ฉันอ้วกไม่ไหวแล้ว”
“อ๊อก! ลูกพี่โรเอล คุณมาถึงแล้วเหรอ ขอโทษครับ ผม… แหวะ!”
เมื่อเห็นโรเอล พอลที่พยายามจะรายงานสถานการณ์ให้เขาทราบ ก็จะถูกขัดขวางด้วยการอ้วก ส่วนเกอรัลนั้นอ่อนแอเป็นอย่างมากจากการอ้วกทั้งหมดที่เขาทำจนไม่สามารถยืนตัวตรงได้อีกต่อไป
“ไม่เป็นไร พวกนายไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ฉันเข้าใจ”
ไม่มีทางที่โรเอลจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกลิ่นเหม็นที่แผ่ซ่านไปทั่วคฤหาสน์ และเสียงสะอื้นจากนักเรียนหญิงของหน่วยรักษาความปลอดภัย เขาเหลือบมองไปที่ทางเข้าห้องเก็บไวน์ที่เปื้อนเลือดและขมวดคิ้ว
ในที่สุดเราก็มาถึงสถานที่ต้องสาปแห่งนี้แล้วสินะ