ตอนที่ 276 : หุบเขาหิมะ

“ฉันยอมแพ้” เสียงของติงหยูดังก้องไปทั่ว

เพิ่งจะเริ่มการต่อสู้ ยังไม่ทันได้ทำอะไรติงหยูก็ยืนนิ่งอย่างกับรูปปั้น จากนั้นเจิ้นเหลิ่งเทียนแค่เดินเข้าไปหาติงหยูและสะบัดมือเล็กน้อย ติงหยูก็ยอมแพ้เสียละ

มันกินเวลาไม่ถึง 1 นาที ทั้งสองยังไม่ได้เริ่มสู้กันด้วยซ้ำแต่การต่อสู้ก็จบลงแล้ว

แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนยอมแพ้ง่าย ๆ แบบนี้ แต่คนก่อนหน้านี้ก็ยังได้ทำการต่อสู้กันบ้าง ไม่ใช่แค่ยืนมองหน้ากันแล้วยอมแพ้ไป

หรือว่ามันมีอะไรที่ไม่อาจจะพูดออกมาได้….

ผู้คนอดคิดไม่ได้

เพราะเจิ้นเหลิ่งเทียนเล็งใช้พลังกับติงหยูเท่านั้น พลังของเขาไม่ได้แผ่ออกไปภายนอก ดังนั้นคนทั่วไปจึงไม่รู้ว่าติงหยูต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน

คนทั่วไปที่ไม่ได้แข็งแกร่งนักไม่อาจจะมองออกว่าเกิดอะไรขึ้น

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงไม่พอใจกับการต่อสู้นี้

“คู่ที่ 50 ผู้ชนะ เจิ้นเหลิ่งเทียน”

ไม่ว่าผู้คนจะคิดยังไงแต่ผลลัพธ์ของการต่อสู้ก็ออกมาแล้ว

ชายแก่ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับการยอมแพ้นี้ เป็นธรรมดาที่คนอื่นจะแย้งอะไรไม่ได้ด้วยเช่นกัน

เมื่อได้ยินแบบนั้น ผู้ชมก็ไม่สนใจเรื่องนี้ต่อ พวกเขากลับไปพูดคุยถึงการต่อสู้ในรอบต่อไป

เจิ้นเหลิ่งเทียนค่อย ๆ เดินลงจากเวที สายตาของเขาราวกับน้ำแข็งที่ไม่มีวันสั่นไหว เหมือนกับว่ามีแค่ไม่กี่อย่างที่ทำให้สายตาของเขาหวั่นไหวได้

ชายแก่มองเจิ้นเหลิ่งเทียนด้วยสายตาแปลกใจ

ติงหยูที่ได้สติขึ้นมาแล้วก็รีบลงจากเวทีไปในทันที เขาไม่อาจจะเป็นศัตรูกับเจิ้นเหลิ่งเทียนได้ สำหรับเขาแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อตะกี้มันไม่ต่างอะไรจากฝันร้าย

“การต่อสู้รอบแรกจบลงแล้ว พัก 30 นาทีจะมีการจับฉลากรอบที่สอง”

รายชื่อทั้ง 51 คนโผล่ขึ้นมาบนจอหลังจากที่ชายแก่พูดจบ

นี่คือคนที่ผ่านเข้ารอบต่อไป ตอนแรกมันควรจะมีแค่ 50 คนแต่เพราะหลี่ฟางและหลิวหมิงผ่านเข้ารอบทั้งคู่จึงทำให้มีผู้ที่ผ่านเข้ารอบ 51 คน

เมื่อเห็นรายชื่อเหล่านั้น ผู้ชมก็พากันคาดการณ์ว่าใครจะชนะผ่านเข้ารอบต่อไปได้

พวกเขาถึงกับเดาว่าใครจะเป็นแชมป์ด้วยซ้ำ

ลู่หาน, เซี่ยงหยางและหลิวหยวนจือก็เป็นหนึ่งในนั้น

ในสายตาของคนส่วนมากแล้ว สามคนนี้มีโอกาสที่จะเป็นแชมป์มากที่สุด

สำหรับการต่อสู้เมื่อตะกี้แล้ว เพราะเจิ้นเหลิ่งเทียนเหมือนไม่ได้ทำอะไรที่น่าทึ่ง ชัยชนะก็ดูไม่ชัดเจน ดังนั้นผู้คนจึงไม่ได้สนใจเขามากนัก แต่ในสายตาคนที่แข็งแกร่งแล้ว เจิ้นเหลิ่งเทียนน่ะไม่ธรรมดา…

ในช่วงพักผู้ชมก็ได้ลุกออกจากที่นั่งเพื่อไปเข้าห้องน้ำ

คนของกลุ่มทหารรับจ้างโลกาเองก็เหมือนกัน

จ้าวเมิ่งซีและฟ่านฉิงเหมยพาพวกผู้หญิงไปเข้าห้องน้ำ มีแค่หวังเย่าเท่านั้นที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมคอยนึกถึงการต่อสู้ที่จบลงไปเมื่อตะกี้อย่างสับสน

“นี่คือพลังธาตุน้ำแข็งงั้นหรือ…” ด้วยสายตาของเขาแล้วเป็นธรรมดาที่เขาจะมองออกว่าเกิดอะไรขึ้น

“ไม่คิดเลยว่าจะมีคนที่มีธาตุน้ำแข็งที่ทรงพลังแบบนี้อยู่ หากเทียบกับเมิ่งเอ๋อร์แล้ว ชายคนนั้นกับเธอ ไม่รู้ว่าความแข็งแกร่งจะห่างชั้นกันขนาดไหน” หวังเย่าพึมพำออกมา เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงความสามารถในการใช้น้ำแข็งของจ้าวเมิ่งซี

“ไม่รู้ว่าความสามารถของเธอจะพัฒนาขึ้นมาถึงระดับไหน มันเทียบกับชายคนนี้ได้รึเปล่า..” หวังเย่าส่ายหน้าก่อนจะสลัดความคิดนี้ออกจากหัว ต้องบอกว่าตอนนี้เขาสนใจเจิ้นเหลิ่งเทียนอย่างมาก

“ฉันไม่เคยเห็นเขามาก่อน เขาเหมือนกับโผล่มาจากอีกโลก เขามาจากไหนกัน รึเป็นพวกเก็บตัวที่นอกเมือง…”

“เฮ้อ ฉันต้องรีบไปเข้าห้องน้ำ” อยู่ ๆ หวังเย่าก็ขนลุก เขารีบลุกขึ้นจากที่นั่งทันที

ฟางอี้ในที่นั่งแขกพิเศษได้ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาเล่นเพื่อฆ่าเวลา

เมื่อเห็นท่าทีหงุดหงิดของลูกสาว ฟางฉิงหัวก็ได้แต่ส่ายหน้า

อีกด้าน เหล่าผู้อาวุโสจากสำนักต่าง ๆ ก็พากันจับกลุ่มคุยกันเรื่องเจิ้นเหลิ่งเทียน ผู้อาวุโสภูเขาอู่ตังและผู้อาวุโสเขามังกรพยัคฆ์ก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย

ผู้อาวุโสวัดเซียงกัวได้พูดขึ้นมา “เขาเป็นใครกัน ? ทำไมฉันถึงไม่รู้จักเขา ? ”

ผู้อาวุโสสำนักแตรทิเบตก็พูดขึ้นว่า “ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่ศิษย์จากสำนักของพวกเรา”

ผู้อาวุโสสำนักฉวนเจินก็พูดขึ้นมา “แต่สิ่งที่เขาใช้คือธาตุน้ำแข็ง”

“ใช่ นั่นคือพลังน้ำแข็ง พลังของมันก็ไม่ใช่น้อยด้วย ” คำพูดนี้มาจากปากผู้อาวุโสที่ใช้ทักษะน้ำแข็ง

ผู้อาวุโสเขาอู่ตังจึงได้หันไปถามคนจากตระกูลใหญ่ “เขาคือคนของพวกนายหรือเปล่า ? ”

“ไม่ใช่” คนจากตระกูลใหญ่พากันส่ายหน้า พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชายหนุ่มหมวกดำคนนี้มาก่อนเลย

ผู้อาวุโสเขามังกรพยัคฆ์มองไปที่ฟางฉิงหัวและเฉี่ยนเจินเฉียน ก่อนจะถามขึ้น “ท่านเจ้าเมืองกับผู้ตรวจสอบมีข้อมูลเรื่องเขารึเปล่า คนมีพรสวรรค์แบบนี้อย่างน้อยต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนของเขาอยู่บ้าง”

“ทำไม ? หรือพวกคุณคิดจะดึงเขาเข้าสำนักตัวเอง ? ” ฟางฉิงหัวหัวเราะออกมา

“ถ้าตราบใดที่เขาไม่ได้สังกัดกองกำลังไหน การปล่อยให้อัจฉริยะอยู่ตัวคนเดียวถือว่าเสียเปล่า มันจะดีกว่าถ้าได้รับการฝึกฝนและการสนับสนุนจากสำนัก ด้วยความสามารถของเขาแล้ว เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากในอนาคต” ผู้อาวุโสเขามังกรพยัคฆ์พูดขึ้น

“แต่ฉันไม่มีข้อมูลของเขา” ฟางฉิงหัวส่ายหน้าและพูดขึ้น

“ทักษะน้ำแข็งที่เขาใช้นั้นดูคุ้นตามาก” เฉี่ยนเจินเฉียนพูดขึ้นมา

“รบกวนชี้แจงด้วย” เมื่อได้ยินแบบนั้นผู้อาวุโสเขามังกรพยัคฆ์ก็ถามขึ้นมาทันที

คนที่เหลือต่างก็มองไปที่เฉี่ยนเจินเฉียนและรอฟังคำตอบจากอีกฝ่าย

ภายใต้สายตาของทุกคน เฉี่ยนเจินเฉียนก็แสดงสีหน้าจริงจังออกมา ก่อนจะพูดออกมาแค่สามคำว่า “หุบเขาหิมะ”