“ลัวเซิง นายจำฉันได้ไหม ลัวเซิง”
ลัวเซิงปรือตามองหลงเจี่ยอย่างอ่อนแรงก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “หลงเจี่ย!”
“ขอบคุณพระเจ้า!” เมื่อเห็นลัวเซิงได้สติดีแล้ว หลงเจี่ยพนมมือเข้าด้วยกันทันที “รู้ไหมว่าเราเป็นห่วงนายแค่ไหน”
ลัวเซิงนอนนิ่งอยู่บนเตียงอย่างงุนงงว่าตัวเองบาดเจ็บได้อย่างไรและเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาพยายามนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อนอย่างหนัก ทว่านอกจากแสงสว่างจ้าเขาก็ไม่อาจจำสิ่งใดได้อีก
“ผมบาดเจ็บเหรอครับ”
“ใช่ นายได้รับบาดเจ็บสาหัสเลยล่ะ” หลงเจี่ยพยักหน้ารับ “แค่นายไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ หมอที่รักษานายอยู่เก่งมาก เขาต้องรักษาให้นายหายดีได้แน่”
ลัวเซิงเอื้อมมือยกขึ้นแตะศีรษะของตัวเองและพบว่ามันถูกผ้าพันแผลพันหนาเอาไว้
อีกทั้งดวงตาข้างขวาของเขายังถูกปิดไว้
“แต่ถ้าผมบาดเจ็บอยู่แบบนี้ จะเกิดอะไรกับละครที่ผมถ่ายทำอยู่ล่ะครับ” ลัวเซิงถามอย่างตื่นตระหนก มันไม่ง่ายที่เขาจะคว้าบทนำในเรื่อง เปลวเพลิง มาได้ เขาไม่อยากสูญเสียมันไปเพราะอาการบาดเจ็บของตัวเองและพลาดโอกาสนี้ไป
ทว่าหลงเจี่ยกลับยื่นมือออกมาตบบ่าเขาอย่างปลอบโยน “ไม่ต้องห่วงนะ ถังหนิงจะหาทางปกป้องทุกอย่างที่เป็นของนายเอาไว้”
ลัวเซิงสงบลงได้ครู่หนึ่ง แต่เมื่อถังหนิงและคนอื่นๆ มาถึงโรงพยาบาล ข้อมูลที่เขาสามารถให้กับพวกเขาได้กลับใกล้เคียงกับสิ่งที่พวกเขาเห็นในกล้องวงจรปิด
เขาไม่ได้ไปมีเรื่องกับใครหรือตั้งใจจะไปพบใครที่นั่น เพียงแค่ถูกทำร้ายระหว่างทางที่จะไปพบกับผู้ลงทุนสร้างเท่านั้น
“ดูท่าแล้ว นี่เป็นสถานการณ์ที่ซับซ้อนไม่น้อยเลยนะคะ” หลินเฉี่ยนเอ่ยกับถังหนิง
“แต่พอเทียบกับการหาความจริงแล้ว ฉันว่าการปลอบใจลัวเซิงและคืนความมั่นใจให้เขาเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า” ถังหนิงเอ่ยพลางเหลือบมองหลินเฉี่ยน “ช่วยตำรวจสืบเรื่องนี้ต่อไป ถ้ามีความคืบหน้าอะไรก็บอกให้ฉันรู้”
“โอเคค่ะ” หลินเฉี่ยนพยักหน้ารับ
ถังหนิงมองลัวเซิงผ่านประตูห้องพักคนไข้ ช่างน่าใจหายที่ต้องมาเผชิญกับประสบการณ์ที่โหดร้ายในยามที่หน้าที่การงานของเขาเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น มันอาจจะเป็นจุดจบของเส้นทางไปสู่ดวงดาวของเขา ทว่าเธอจะไม่ยอมแพ้ในตัวศิลปินของเธอง่ายๆ ยิ่งเมื่อพวกเขาตกเป็นเหยื่อจากการโจมตีของคนอื่น!
ถังหนิงไม่ได้บอกลัวเซิงว่ามีคนมาแสดงแทนเขาในเรื่อง เปลวเพลิง ด้วยคิดว่าเขายังไม่จำเป็นที่จะรู้ในตอนนี้
อีกทั้งมันไม่ใช่เรื่องสำคัญที่เขาจะเสียบทใน เปลวเพลิง ไป เขายังมีโอกาสอื่นๆ อีกมาก
เพราะไม่นานหลังจากนั้น ถังหนิงได้รับสายจากผู้กำกับลัว เขายินดีที่จะให้ลัวเซิงรับบทนำในเรื่อง ของเลียนแบบ คล้ายกำลังจะพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายเขา
หรือบางทีอาจเป็นเพราะสิ่งที่ถังหนิงเคยกล่าวไว้
หากแต่ถังหนิงไม่ได้บอกเรื่องนี้กับลัวเซิงเพราะเธอมีสิ่งอื่นที่จะต้องพิจารณาก่อน
นักแสดงนำคนใหม่เรื่อง เปลวเพลิง เป็นน้องชายของหนึ่งในผู้ลงทุนสร้าง ในวงการบันเทิงเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นการมอบโอกาสให้กับญาติของตัวเอง กระนั้นหากถังหนิงรู้ขึ้นมาว่าผู้ชายคนนี้เกี่ยวพันกับเรื่องที่ลัวเซิงได้รับบาดเจ็บ เธอจะไม่มีทางปล่อยให้เขารอดไปได้แน่
เพราะหากมีการเปลี่ยนแปลงนักแสดงนำ พวกเขาอาจต้องล้มเลิกสิ่งที่ถ่ายทำไปทั้งหมดเช่นกัน
…
หลินเฉี่ยนร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไปในขณะที่พยายามหาตัวคนร้ายที่โจมตีลัวเซิง เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องใหญ่ ทว่าไม่ว่าพวกเขาจะพยายามติดตามรถของลัวเซิงเพียงใด ก็ไม่พบเบาะแสของคนบงการแต่อย่างใด หลินเฉี่ยนพลันนึกได้ว่าตำรวจเคยพูดถึงหลี่จิ่น นายทหารคนหนึ่งที่ให้ไฟล์ภาพวงจรปิดที่ไม่ได้มาจากบ้านของตัวเองกับพวกเขามา บางทีเธออาจไปถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้
เพื่อตามหาความจริง หลินเฉี่ยนขับรถตรงไปที่บ้านของหลี่จิ่น หากแต่หลังจากเคาะประตูอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่มีใครเปิดประตูให้ ก่อนเพื่อนบ้านของเขาจะบอกเธอ “คุณครับ เลิกเคาะประตูได้แล้วครับ ผมว่าคุณหลี่เขากลับไปประจำการที่กองทัพแล้วล่ะครับ”
“ขอบคุณค่ะ” หลินเฉี่ยนกล่าวขอบคุณอย่างผิดหวัง ทว่าในจังหวะนี้เองที่อยู่ๆ เธอก็นึกถึงตอนที่ซิงหลานให้ข้อมูลติดต่อเขามา และรู้ตัวว่าซื่อบื้อขนาดไหนขึ้นมาทันที
เธอจึงรีบบึ่งกลับไปที่บ้านเพื่อถามเรื่องของเขากับซิงหลาน
“เอ๊ะ คุณสนใจลูกพี่ลูกน้องของฉันเหรอคะ”
“เลิกคิดไร้สาระได้แล้วค่ะ ลูกพี่ลูกน้องของคุณไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของลัวเซิงต่างหากล่ะคะ”
“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ เขาเป็นทหารและอยู่สันโดษจนแทบจะตัดขาดจากโลกภายนอกเลยนะคะ” ซิงหลานท้วงขึ้น
“ฉันจะอธิบายรายละเอียดให้คุณฟังทีหลังนะคะ ฉันโทรหาเบอร์นี้ได้ตลอดเวลาเลยหรือเปล่าคะ”
“ฉันเองก็ไม่แน่ใจค่ะ” ซิงหลานยักไหล่ เธอรู้ว่าตัวเองมีลูกพี่ลูกน้องที่เป็นนายทหารอยู่ แต่ไม่เคยติดต่อหาเขามาก่อน เพียงแค่เคยเห็นเขาไม่กี่ครั้งตอนที่ยังเด็ก และจำได้ว่าเจ้าตัวเป็นคนเย็นชาเสียเหลือเกิน นอกจากนั้นเธอก็ไม่รู้อะไรอีก
“ช่างมันเถอะค่ะ ฉันจะลองดูก็แล้วกัน” พูดจบหลินเฉี่ยนก็จ้องมองเบอร์ในมือถืออยู่สักพักใหญ่
หลังรวบรวมความกล้าได้แล้ว เธอก็กดต่อสายหาเขาในท้ายที่สุด สิ้นเสียงสัญญาณรอสายไม่กี่ครั้ง หลี่จิ่นก็รับสายด้วยน้ำเสียงทุ้มแฝงความเย็นชา “หลี่จิ่นครับ ใครพูดสายอยู่ครับ”
“เอ่อ… ฉันคือผู้หญิงคนที่มารบกวนคุณไม่นานก่อนหน้านี้ค่ะ จำฉันได้ไหมคะ คนที่มาขอภาพจากกล้องวงจรปิดของคุณไงคะ”
“หือ” เขาตอบกลับมาอย่างเรียบเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก
“ทางตำรวจบอกว่าภาพวงจรปิดไม่ได้มาจากกล้องบ้านคุณ ฉันเลยอยากขอให้คุณช่วยหาหลักฐานอื่นน่ะค่ะ ตำรวจยังระบุตำแหน่งของรถลัวเซิงที่ถูกขโมยไปไม่ได้ รวมถึงเบาะแสของคนร้ายด้วยค่ะ”
หลินเฉี่ยนสาธยายออกมาสักพักใหญ่ ก่อนรู้ตัวว่าปลายสายเงียบไป ท่ามกลางความกระอักกระอ่วนใจที่เกิดขึ้น หลินเฉี่ยนกำลังจะกดวางสายในตอนที่หลี่จิ่นเอ่ยขึ้นมาในท้ายที่สุด “เมื่อกี้ผมกำลังยุ่งอยู่น่ะ คุณช่วยพูดอีกครั้งได้ไหมครับ”
เธอพูดซ้ำตามที่เขาร้องขอ เดิมทีเธอสิ้นหวังในตัวหลี่จิ่นไปแล้วแต่เขากลับตอบกลับมา “คืนนี้ผมมีเวลาว่างหนึ่งชั่วโมง เรานัดคุยกันข้างนอกก็ได้ครับ ผมไม่ชอบคุยผ่านโทรศัพท์”
“โอ้ โอเคค่ะ กี่โมงคะ สะดวกจะพบกันที่ไหนคะ”
“คุณพักอยู่ที่ไหน เดี๋ยวผมจะไปรับคุณเอง” หลี่จิ่นตัดสินใจทำตามมารยาท
ชายคนนี้เป็นทหาร มีหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ หลินเฉี่ยนจึงไม่ได้คิดมากกับความคิดของเขาพร้อมบอกที่อยู่ของซิงหลานกับเขาไป ตอนนี้เองที่ซิงหลานเปิดเผยกับหลินเฉี่ยนด้วยท่าทีลังเลใจ “อันที่จริงแล้ว… ลูกพี่ลูกน้องของฉันอาจจะเคยเห็นรูปคุณมาก่อนก็ได้ค่ะ ฉันเคยส่งให้ลุงของฉันไป”
“…” หลินเฉี่ยนชะงักไป
…
ในความเป็นจริง เหตุผลที่ผู้กำกับลัวยินดีที่จะให้ลัวเซิงรับบทนำในเรื่อง ของเลียนแบบ เป็นเพราะคำพูดของถังหนิง ทั้งยังเป็นเพราะได้ทำข้อตกลงเรื่องการลงทุนสร้างในภาพยนตร์เรื่องต่อไปของไห่รุ่ยซึ่งจะสร้างรายได้มหาศาลกับโม่ถิงเอาไว้
ทว่าแน่นอนว่าถังหนิงไม่รู้เรื่องนี้
แต่ต่อให้โม่ถิงไม่ได้ทำอะไร ผู้กำกับลัวเองก็ตั้งใจที่จะโทรหาถังหนิงอยู่แล้ว แต่เขาเองก็คงจะไม่ปฏิเสธผลประโยชน์ที่ได้รับมากขึ้น
ถังหนิงได้แต่งงานกับผู้ชายที่ดีจริงๆ อย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อเขาคิดถึงภรรยาและลูกสาวของตัวเอง ผู้กำกับลัวรู้สึกเข้าใจหัวอกของโม่ถิงขึ้นมาอย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตามลัวเซิงเองยังไม่รู้ข่าวนี้ ดังนั้นเมื่อเขาเห็นข่าวเรื่องนักแสดงนำเรื่อง เปลวเพลิง ถูกแทนที่ เขาจึงจับตัวหลงเจี่ยไว้แน่นก่อนเอ่ยถาม “หลงเจี่ย เป็นเรื่องจริงเหรอครับ”
ระหว่างที่เธอถือโทรศัพท์และเห็นข่าว หญิงสาวก็รู้ว่าไม่อาจปิดบังไว้ได้อีกต่อไปก่อนพยักหน้าตอบรับกลับไป “ไม่ต้องห่วงไปนะ นายจะได้รับบางสิ่งที่ดีกว่าแน่”
“ฮ่าๆ … ด้วยสภาพผมในตอนนี้น่ะเหรอครับ” ลัวเซิงครุ่นคิดกับตัวเองครู่หนึ่ง “หลงเจี่ย บอกกับผมมาตามตรงได้ไหมครับ ตาของผมจะไม่ดีขึ้นใช่ไหมครับ”