บทที่ 286
บทที่ 286

ถังหยินได้รับบาดเจ็บจนชีวิตของเขาเกือบไม่รอด ทำให้กู่เยว่ อู่กวน จ้านหู และคนอื่น ๆ ที่เห็นรู้สึกเสียใจและโกรธแค้นในเวลาเดียวกัน จนพวกเขาพากันพุ่งไปยังสนามรบราวกับคนบ้า

เมื่อเห็นแม่ทัพศัตรูพุ่งออกมาแบบนี้ หยวนเปียวที่อยู่ข้างหน้าสุดก็แทงหอกใส่หลูชิงเฟิง และถ้าผนวกกับแรงม้าที่วิ่งเข้ามาแล้ว มันก็ทำให้การโจมตีครั้งนี้รวดเร็วเกินคาดเดาได้ !

ดังนั้นหลูชิงเฟิงจึงรีบใช้หอกปัดป้อง แต่หอกของหยวนเปียวแข็งแกร่งเกินไปเลยไม่สามารถป้องกันได้ ทำได้แค่ปัดมันขึ้นไปเท่านั้น ส่งผลให้ปลายหอกพุ่งผ่านหัวไหล่ซ้ายของหลูชิงเฟิง ทำเอาเกราะบริเวณนั้นแตกออก

แม่ทัพเปิงนายนั้นรีบถอยกลับมาหวังตั้งตัวอีกครั้ง ทว่าก็เป็นหยวนอู่ที่แทงหอกเข้ามาพร้อมกับดาบของอู่กวน และแม้ว่าหลูชิงเฟิงจะเก่งกาจแค่ไหน เขาก็ไม่อาจสู้ศัตรูรอบทิศได้หรอก !

เมื่อเห็นว่ากำลังเสียเปรียบ หลูชิงเฟิงก็พลันกระโดดออกจากวงล้อมมาแล้ววิ่งกลับไป

แต่เพียงพริบตานั้น พี่น้องฉางกวงก็ได้ควบม้าไล่ตามทันทั้งซ้ายและขวาพร้อมกับแทงหอกเข้าใส่

เมื่อพบกับอันตรายที่กำลังพุ่งเข้ามา หลูชิงเฟิงก็รีบกลิ้งไปลงบนพื้น ทำให้ร่างของเขาหลบมันไปอย่างฉิวเฉียด

แม่ทัพหนุ่มตัวสั่นอย่างหวาดกลัว ก่อนจะรีบคลานกลับเข้าไปในเมืองพร้อมตะโกน “ปิดประตูเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องห่วงข้า !” เขารู้ถึงปัญหาของเมืองจี๋ดี ว่าถ้าหากพวกทหารม้าเข้าไปในเมืองได้ งั้นแล้วก็คงไม่มีทางหยุดได้อีกต่อไป !!!

เมื่อได้ยินแบบนี้ พวกทหารเปิงก็ตะลึงไป ก่อนที่พวกเขาจะเห็นเข้ากับทหารม้าเทียนหยวนที่กำลังพุ่งเข้ามา จึงได้ใช้แรงทั้งหมดที่มีเร่งปิดประตูโดยไม่สนใจแม่ทัพของตัวเองอีกต่อไป ทว่าในขณะที่ประตูกำลังจะปิดนั่นเอง ก็เป็นจ้านหูที่พุ่งเข้าไปขวางไว้ !

ในฐานะของแม่ทัพ ถังหยินยอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อให้ได้ชัยชนะมา และในเมื่อผู้เป็นนายยอมเสียสละไปแล้ว งั้นมีหรือที่ตัวเขาจะทำบ้างไม่ได้ ! ว่าแล้วจ้านหูก็กัดฟันแน่น ก่อนเร่งกำลังม้าของตัวเองแล้วกระโดดจากหลังม้าใช้ค้อนพุ่งเข้าไป

ก๊อง !

เขากระแทกกับประตูด้วยค้อนอย่างแรงจนประตูสั่นไหว ส่งผลให้ทหารที่ดันประตูด้านหลังได้รับแรงกระแทกจนกระเด็นออกไปแล้วกรีดร้องออกมาอย่างหวาดกลัว

จ้านหูที่เห็นแบบนั้นก็ถอยออกมา ก่อนจะพุ่งกระแทกประตูด้วยค้อนอีกครั้ง

โครม !

เสียงครั้งนี้ดังกังวานกว่าเดิมนัก ทำให้ประตูที่กำลังจะปิดถูกกระแทกออกไปจนกว้างขึ้น จ้านหูที่สบโอกาสนี้จึงวิ่งเข้าไปข้างในทันที พร้อมกับยกค้อนยักษ์ขึ้นกวาดทหารที่อยู่ภายในนั้น !

พวกทหารเปิงกระเด็นกระดอนกันไปคนละทางจากแรงกระแทกของค้อนยักษ์ และเพียงการโจมตีเพียงครั้งเดียวของจ้านหู ก็ทำให้เขาดูเหมือนกับสัตว์ร้ายกำลังทลายเมืองก็ไม่ปาน ด้วยมาตอนนี้มีศพทหารที่กระดูกหักเต็มทั่วพื้น ส่วนคนที่ยังไม่ตายก็กำลังกรีดร้องอย่างน่าเวทนา

การบุกทะลวงของจ้านหูทำให้ประตูเปิดออกจนพวกทหารเทียนหยวนตามเข้ามาได้ทันแล้ว !

ไม่นานนักพวกทหารม้าก็เข้ามาถึง และเมื่อตั้งตัวได้ พวกเขาก็พากันลงจากหลังม้าแล้วช่วยกันดันประตูให้เปิดกว้างขึ้น

ศพทหารมากมายถูกเหยียบขยี้จนแหลกเหลว ในขณะที่บางคนก็ถูกหอกแทงจนตายไป และเมื่อประตูเปิดกว้างแล้ว พวกทหารม้าก็ไม่รอช้า ต่างก็พากันวิ่งเข้าไปยังถนนหลักของเมืองในทันที !!!

วินาทีที่เหมาอันผู้ได้รับหน้าที่ป้องกันเมืองนี้ได้ยินข่าวว่าพวกเทียนหยวนทะลวงเข้ามาได้ เขาก็แทบจะเป็นลมล้มพับ ด้วยไม่มีทางที่กองทัพของเขาจะต้านทานทหารม้าหมื่นนายของพวกเทียนหยวนได้เลย !

เพียงพริบตาทหารม้าก็พุ่งเข้าใส่กองทัพเปิงจนเสียรูปขบวนและไม่อาจต้านเอาไว้ได้

พวกทหารม้าที่พุ่งเข้ามาตรงเข้าไปหาทหารฝั่งศัตรู แล้วจึงใช้ดาบฆ่าพวกทหารที่แตกตื่นจนพวกเขาหมดกำลังใจจะสู้ต่อและอยากจะหนีไปจากที่นี่

ในตอนนี้ต่อให้มีเทพเซียนลงมาช่วย เมืองจี๋ก็คงจะไม่รอดแล้ว ด้วยในขณะนี้พวกทหารม้าเกราะเบาได้วิ่งไปทั่วเมือง จนทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นแล้ว !

เมื่อทหารม้าเกราะหนักของเบสซ่ามาถึง ก็ยิ่งทำให้พวกเปิงย่ำแย่เข้าไปอีก ด้วยพวกทหารเบสซ่าพากันวิ่งเข้าเหยียบพวกทหารเปิงตั้งแต่ต้นทัพยันปลายทัพ จนเลือดไหลนองไปทั่วพื้นพร้อมกับเครื่องในที่แตกกระจาย

หลังจากทหารเบสซ่าผ่านไป พวกทหารราบที่ตามมาก็เข้าจัดการพวกที่ยังมีชีวิตอยู่ แล้วจากนั้นก็ไล่ล่าพวกทหารที่กระจายไปทั่วเมือง

ในตอนแรกพวกเปิงได้เปรียบเพราะมีกำแพงเมือง แต่ในเวลานี้พวกเทียนหยวนบุกทะลวงเข้ามาได้แล้ว ทำให้สถานการณ์พลิกกลับกันในทันที

เมื่อเห็นท่าจะไม่ดี พวกแม่ทัพใต้บัญชาของเหมาอันก็เข้ามารวมกลุ่ม เตรียมจะหนีออกจากเมืองไป ทว่าประตูเมืองได้ถูกปิดเอาไว้แน่นหนา ทำให้ต้องหนีออกไปทางด้านบนโดยใช้เชือกมัดและโรยตัวลงมาด้านนอกกำแพงเท่านั้น !

เหมาอันไม่อยากจะหนี แต่พวกแม่ทัพต้องการให้เขารอดออกไปจึงได้ใช้กำลังพาตัวเขาออกไปยังนอกเมือง ก่อนเป็นอู่กวนและจ้านหูที่เห็นเหตุการณ์และรีบตามไปพร้อมเหวี่ยงอาวุธเข้าใส่

พวกทหารเปิงสู้อะไรไม่ได้เลย เพียงไม่กี่วินาทีพวกเขาก็ตายลงราวใบไม้ร่วง

เมื่อมองไปยังเหมาอันที่กำลังหนีออกนอกเมือง จ้านหูก็พลันยกค้อนขึ้นแล้วพูดว่า “มาดูกันดีกว่าว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้ !” จากนั้นก็เหวี่ยงค้อนออกไป

ค้อนยักษ์ลอยผ่านอากาศตรงไป ก่อนหยุดลงเบื้องหน้าของเหมาอันด้วยกระแทกเข้ากับเป้าหมาย !!!

ตู้ม !

เกิดรอยแตกบนพื้นที่กว้างมาก เช่นเดียวกับฝุ่นควันที่กระจายไปทั่วบริเวณ แถมพื้นก็ยังสั่นไหวอย่างแรง ทำให้เหมาอันที่เป็นอ่อนประสบการณ์รบถึงกับกรีดร้องออกมา และแม้จะอยากหนี แต่ขาของเขาก็ไม่ตอบสนองอีกต่อไปแล้ว

จ้านหูเดินเข้ามาแล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ต่อให้ข้าไม่จัดการ เจ้าก็คงกลัวจนต้องฆ่าตัวตายเป็นแน่”

เมื่อขึ้นมาข้างบนกำแพงเมือง อู่กวนก็ได้เห็นเขากับคนที่นอนอยู่บนพื้น ซึ่งตัวเขานั้นก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเหมาอัน แต่เมื่อสังเกตจากชุดก็พอจะเดาได้อยู่ว่ามีตำแหน่งที่สูงพอสมควร ดังนั้นจึงได้พูดออกไปว่า “พวกเจ้า จงช่วยกันจับเป็นเขากลับไปที่ค่ายของเราเสีย !”

“ขอรับท่านแม่ทัพ !”

พวกทหารที่ได้คำสั่งก็รีบเข้าไปจับกุมตัวอีกฝ่ายเอาไว้ ก่อนลากตัวกลับไปพร้อมทั้งให้ยาสลายปราณกับเหมาอัน

การต่อสู้ยังไม่จบ เพราะพวกทหารเทียนหยวนและทหารเบสซ่าที่ยังอยู่ในเมืองยังคงทำการกวาดล้างพวกทหารเปิงอยู่ ก่อนที่เวลาไม่นานหลังจากนั้น ธงของพวกจะเปิงถูกเผาจนสิ้นแล้วกลายเป็นธงของกองทัพเฟิงที่ขึ้นโบกสะบัดแทน !

พวกเชลยศึกเปิงได้ถูกต้อนมารวมตัวกันที่ส่วนลานกว้างของเมืองแล้วในตอนนี้…

เมืองจี๋ถูกยึดในชั่วพริบตา !!!

สภาพของถังหยินเลวร้ายมาก แต่ก็ไม่เท่ากับเฉิงจินที่โดนธนูปักเข้าไป 5 ดอกจนเกือบตายอยู่แล้วในตอนนี้

แต่โชคยังดี ที่พวกเขาเข้าช่วยเหลือเอาไว้ได้ทันเวลา แถมพวกผู้ใช้ศาสตร์มืดเองก็ยังมีความสามารถในการรักษาตัวเองอยู่แล้วด้วย ดังนั้นเย่เหล่ยกับหมอคนอื่น ๆ จึงช่วยรักษากันจนรักษาชีวิตเอาไว้ได้

ถังหยินถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ข่าวว่าลูกน้องของเขาหายดีแล้ว ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยถามออกไป “เรายึดเมืองจี๋ได้แล้วหรือยัง ?”

เป็นชิวเจิ้นที่วิ่งเข้ามาก่อนหันมองถังหยินในสภาพที่ย่ำแย่แล้วกระซิบข้างหู “ไม่ต้องกังวลไปนายท่าน พวกเราฝ่าเข้าไปในเมืองได้แล้ว”

“งั้นหรือ ? เยี่ยมเลย !” พูดจบ ถังหยินก็ล้มตัวลงนอนหลับไป