ตอนที่ 457 ยังมีเรื่องดีๆ แบบนี้ด้วยเหรอ?
“ขอบคุณสำหรับความเข้าใจและความไว้วางใจนะคะ” หลินเยียนมองไปทางมั่วซูอวิ๋นแล้วแสดงความขอบคุณ
“ดังนั้น การที่ให้ผมเข้าร่วมทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อมีข้อแม้สองอย่าง” ผ่านไปไม่นาน มั่วซูอวิ๋นพูดด้วยท่าทางจริงจัง “หนึ่ง หากเข้าร่วมทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อแล้ว ผมไม่สามารถยอมรับได้ว่าผมเป็นเพียงลูกทีมคนหนึ่ง ด้วยความสามารถของผม อย่าพูดถึงทีมรถแข่งรถดับเริ่มต้น ถึงจะเป็นทีมรถแข่งแนวหน้าที่มีชื่อเสียงมานาน ผมเป็นกัปตันก็ไม่มากเกินไป ดังนั้น ผมจะเป็นกัปตันทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ”
เมื่อฟังข้อแม้ของมั่วซูอวิ๋นจบ หลินเยียนพยักหน้าตกลงทันที
เหมือนที่มั่วซูอวิ๋นพูด ด้วยประสบการณ์และความสามารถของเขา ตำแหน่งกัปตันทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อยังถือว่าน้อยเกินไปหน่อย โดยเฉพาะช่วงการจัดโครงสร้างใหม่ของทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อนี้ เท่ากับว่าเป็นช่วงตั้งตัว ถ้ามั่วซูอวิ๋นยอมทุ่มเทให้กับทีม หลินเยียนเองก็ยินดี
“ข้อแม้ที่สองล่ะ” หลินเยียนเอ่ยถามขึ้น
มั่วซูอวิ๋นเอ่ยปาก “คุณหลิน ข้อแม้ที่สองคือ ผมอยากได้หุ้นส่วนเล็กๆ น้อยๆ ของทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ ไม่ต้องเยอะมาก แค่สิบเปอร์เซ็นต์ก็พอ ส่วนผมไม่ต้องการเงินเดือน อีกทั้งผมจะนำเงินทุนที่มีค่าเท่ากันเข้ามาในทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ”
หลังจากมั่วซูอวิ๋นพูดข้อแม้ที่สองจบ หลินเยียนถึงกับต้องชะงัก
เธอไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม?
มีเรื่องดีๆ แบบนี้ด้วยเหรอ?
คนนี้…ไม่ชอบเงินหรือเปล่า?
ไม่เพียงแต่ไม่เอาเงินเดือน อีกทั้งยังเตรียมเงินเข้ามาในทีมรถแข่งตระกูลเฮ่ออีกด้วย…
สถานการณ์ของทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อในทุกวันนี้ ถือว่าเป็นทีมรถระดับต่ำ ไม่ค่อยชนะในการแข่งขันเท่าไหร่ อีกทั้งยังมองไม่เห็นอนาคตอีกด้วย
มั่วซูอวิ๋นอยากได้หุ้นส่วนของทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อซะงั้น…
“คุณบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าเพราะอะไร?” หลินเยียนจ้องไปยังมั่วซูอวิ๋นแล้วเอ่ยถามขึ้น
“ฮ่าๆ คุณหลิน คำตอบง่ายๆ เลยล่ะ…ถ้าตามที่คุณหลินเคยบอกเมื่อก่อนหน้านั้นว่าไม่มีการตุกติกในการแข่งขันกับทีมดับเบิ้ลยูดับเบิ้ลยู นั่นก็หมายความว่าด้วยความสามารถของคุณหลิน ถือว่าเทียบระดับลีก 3 ได้เลยล่ะ
ถ้าเพิ่มโหมดฝึกของผมไปด้วย หาลูกทีมดีๆ ให้ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อมากขึ้น ผมเชื่อว่า…ไม่ถึงห้าปี ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อก็จะผันตัวเป็นหนึ่งในสุดยอดทีมรถแข่งภายในประเทศ อย่างมากใช้เวลาเจ็ดปี พวกเราก็เข้าสู่ลีก 3 ได้ ที่ผมอยากได้หุ้นส่วนของตระกูลเฮ่อแน่นอนว่าต้องเพื่อหาเงินแน่นอนสิ” มั่วซูอวิ๋นหัวเราะและพูดขึ้น
“ห้าปีเป็นตัวเต็งระดับประเทศ เจ็ดปีสู่ลีก 3 งั้นเหรอ…” หลินเยียนครุ่นคิดสักพัก
ถ้าเป็นแบบนี้จริง ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อสลายตัวซะเดี๋ยวนี้ไม่ดีกว่าเหรอ เธอจะมาเหนื่อนฟอร์มทีมขึ้นอีกทำไมล่ะ
“คุณหลินไม่ต้องสงสัยตัวเองหรอก ผมเชื่อใจตัวเองและมั่นใจว่าถ้าอยู่กับคุณหลิน จะต้องทำให้ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อเป็นทีมรถแข่งตัวเต็งระดับประเทศภายในห้าปี และเข้าสู่ลีก 3 ภายในแปดปี!” แววตามั่วซูอวิ๋นปรากฎประกายอย่างประหลาดขึ้น
หลินเยียนมองไปยังมั่วซูอวิ๋น “ไหนเมื่อกี้บอกว่า…เจ็ดปีไงล่ะ?”
“งั้นก็เจ็ดปี!”
หลินเยียน “…”
และแล้ว มั่วซูอวิ๋นก็เข้าสู่ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อสำเร็จ
ทั้งสองคนนัดกันว่าจะไปกินข้าวที่บ้านตระกูลเฮ่อในคืนพรุ่งนี้ จะได้อธิบายสถานการณ์คร่าวๆ ให้มั่วซูอวิ๋นรู้ รวมถึงแนะนำเถ้าแก่ที่แท้จริงของทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ
จากนั้นหลินเยียนส่งตำแหน่งที่อยู่ให้อวิ๋นเซวียนเพื่อเชิญชวนมาร่วมทานข้าวด้วยกัน
หลังจากกลับมาที่คฤหาสน์เมฆแล้ว อวิ๋นเซวียนเพิ่งจะตอบข้อความกลับมา
“พี่สาว…คน…คนเยอะไหม?”
หลินเยียนอ่านข้อความแล้วตอบกลับ “รวมเธอด้วยน่าจะประมาณห้าหกคนแหละ ไม่เยอะเท่าไหร่”
ผ่านไปสักพัก อวิ๋นเซวียนส่งข้อความเสียงกลับมา “งั้น…ก็ได้ เดี๋ยวจะไปตามนัดแน่นอน…”
ความรู้สึกที่มั่วซูอวิ๋นให้หลินเยียน เหมือนเป็นมือโปรที่คลุกคลีอยู่ในวงการรถแข่งหลายปี และมีทั้งความสามารถและประสบการณ์ในระดับหนึ่ง ส่วนอวิ๋นเซวียนต่างกัน คนใหม่ไร้เดียงสา อีกทั้งหลงรักการแข่งรถด้วยความชอบบริสุทธิ์ แต่นิสัยของอวิ๋นเซวียนกลับทำให้หลินเยียนไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่
ตอนที่ 458 ของขวัญแรกพบ
หลังจากได้สัมผัสอวิ๋นเซวียนเป็นเวลาสั้นๆ แล้ว หลินเยียนพบว่าเหมือนอวิ๋นเซวียนจะค่อนข้างกลัวคนแปลกหน้า อีกทั้งยังถ่อมตัวมากอีกด้วย
โดยทั่วไปแล้ว นักแข่งรถมืออาชีพไม่ค่อยมีคนนิสัยแบบนี้ สไตล์การแข่งรถของนักแข่งรถนั้นส่วนมากมีความเกี่ยวข้องกับนิสัยโดยตรง ถ้านิสัยก้าวร้าว สไตล์ในการแข่งก็จะรุนแรงไปด้วย ถ้านิสัยสุขุม สไตล์ในการแข่งก็จะไปทางการเอาตัวรอดอย่างมั่นคงมากกว่า ซึ่งแตกต่างกันไป
ส่วนนิสัยนักแข่งรถอย่างอวิ๋นเซวียน หลินเยียนแทบจะไม่ค่อยเจอในประสบการณ์แข่งขันของตัวเองสักเท่าไหร่ ดังนั้นหลินเยียนเองก็ค่อนข้างตื่นเต้นและสงสัยในตัวอวิ๋นเซวียนเล็กน้อย
ขณะเดียวกัน หลินเยียนโทรหาคุณตา
ผ่านไปไม่นาน เสียงของคุณตาดังขึ้นจากปลายสาย “เสี่ยวเยียน ดึกขนาดนี้แล้วมีธุระอะไรหรือเปล่า”
“คุณตาคะ พรุ่งนี้หนูกลับไปกินข้าวที่คฤหาสน์นะคะ” หลินเยียนเอ่ยปากพูดขึ้น
“ได้เลย กลับมาที่บ้านบ่อยๆ นะ”
“คุณตาคะ พรุ่งนี้หนูจะพานักแข่งรถสองคนไปด้วย หนึ่งในนั้นจะเป็นกัปตันทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อของพวกเรา” หลินเยียนพูดขึ้นอย่างขวานผ่าซาก
สิ้นเสียงหลินเยียน ปลายสายตกอยู่ในความเงียบครู่หนึ่ง
ตอนแรกเฮ่อติ้งคุนคิดว่าหลินเยียนแค่อยากกลับบ้านมากินข้าว ไม่คิดเลยว่าจะหามือรถแข่งจนเจอและพากลับมายังคฤหาสน์
“กัปตันเหรอ อย่าพูดเพ้อเจ้อหน่า หาใครหน้าไหนมาก็ไม่รู้ จะพากลับมาเป็นกัปตันของทีมรถแข่งพวกเราซะงั้น?!” คุณตายังไม่ทันได้เอ่ยปาก เสียงของเฮ่อสยงกลับดังขึ้นมากแทน
หลินเยียนดูเวลาแล้ว ตอนนี้บ้านตระกูลเฮ่อน่าจะถึงเวลากินมื้อค่ำพอดี คิดว่าเฮ่อสยงน่าจะนั่งกับคุณตาเฮ่อติ้งคุนอยู่ ดังนั้นเฮ่อสยงจึงได้ยินสิ่งที่หลินเยียนพูดขึ้นเมื่อกี้
แน่นอนว่าหลินเยียนไม่สนใจ
ถ้ามั่วซูอวิ๋นได้ยินว่าผู้บริหารของทีมรถแข่งระดับต่ำวิจารณ์เขาว่าเป็น ‘ใครหน้าไหนไม่รู้’ ไม่รู้ว่าเขาจะคิดยังไง
ถึงแม้หลินเยียนจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับวงการรถแข่งในประเทศจีน แต่รู้ว่านักแข่งรถอย่างมั่วซูอวิ๋นอาจจะไม่ค่อยมีชื่อเสียงในทีมรถแข่งระดับประเทศ แต่ถ้าเอามาไว้ในทีมรถแข่งระดับต่ำแล้ว ก็คงจะกลายเป็นเทพที่ไม่มีใครเอื้อมได้แล้วล่ะ
“โอเค เสี่ยวเยียน ตารู้แล้ว พรุ่งนี้หนูพาเขากลับมาก็แล้วกัน…” เฮ่อติ้งคุนเอ่ยปากพูดขึ้น
หลินเยียนเพิ่งจะวางสายได้ครู่หนึ่ง เผยอวี่ถังก็ผลักประตูเข้ามาด้วยท่าทางโผงผาง
“พี่สะใภ้ไปไหนมาเนี่ย ผมหาพี่ทั้งวันเลย ไม่ตอบข้อความผมด้วย!” พอเจอหน้าหลินเยียนแล้ว เผยอวี่ถังรีบเอ่ยปากพูดขึ้น
“หาฉันทั้งวัน?” ได้ยินแบบนั้นแล้ว หลินเยียนชะงักไปเล็กน้อย เพราะเรื่องของอวิ๋นเซวียนและมั่วซูอวิ๋นในวันนี้ ทำให้เธอไม่ค่อยมีเวลาดูมือถือเท่าไหร่ ก็เลยไม่รู้ว่าเผยอวี่ถังกำลังหาเธออยู่
“โทรไปตั้งสองสามครั้ง ส่งข้อความไปเป็นสิบ พี่ไม่ตอบผมเลย…” เผยอวี่ถังเผยสีหน้าหงอย
หลินเยียน “…”
สักพักหลินเยียนมองไปยังเผยอวี่ถังแล้วพูดขึ้นด้วยความลำบากใจ “แล้วเธอมีเรื่องเร่งรีบอะไรต้องหาฉันล่ะ”
พูดมาถึงตรงนี้ ความตื่นเต้นปรากฏขึ้นในแววตาเผยอวี่ถัง เขามองไปทางหลินเยียนแล้วพูดขึ้นด้วยความรีบลน “มีเรื่องสิ เรื่องใหญ่ระดับชาติเลยล่ะ…นั่นก็คือของขวัญแรกพบไงล่ะ!”
“ของขวัญแรกพบ?” หลินเยียนชะงัก “ของขวัญแรกพบอะไรเหรอ”
“ของขวัญแรกพบที่ให้เยวาไง!” เผยอวี่ถังตรงเข้ามานั่งข้างๆ หลินเยียน “พี่สะใภ้ อีกไม่กี่วันผมจะไปหาเทพในตำนานอย่างเยวาแล้ว คงจะให้ไปมือเปล่าไม่ได้สินะ แบบนี้ดูไร้มารยาทสุดๆ พี่ว่า…พวกเราให้ของขวัญอะไรดี ต้องเลอค่าและก็ต้องไม่โลวคลาสด้วย ตอนแรกผมอยากให้เป็นเงิน แต่พอคิดไปคิดมารู้สึกไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ ให้รถแข่งคันหนึ่ง…เหมือนก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เหมือนกัน…”