บทที่ 224 ออกจากระบบ

“ฮ่า ๆ! มีดระดับเงิน! เยี่ยมไปเลย!”

ขณะที่เธอกำลังค้นของจากเศษซากสงคราม ซือเยี่ยจิ๋งก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาโดยปราศจากความสุภาพหรือความยับยั้งชั่งใจใด ๆ อย่างที่สาวสวยวัยมหาวิทยาลัยควรมี

เพราะมันเป็นผลลัพธ์ที่น่ายินดีสำหรับเธอ มีดระดับเงินเลเวล 20 เป็นสิ่งที่เธอต้องการ ดังนั้นจึงหยิบมันขึ้นมาทันทีด้วยความตื่นเต้นและแสดงค่าสถานะให้เซียวเฟิงดูอย่างภาคภูมิใจ

กระดูกสันหลังของโครงกระดูก

คุณภาพ: เงิน

ประเภทของสวมใส่: มีดมือเดียว

เลเวลของสวมใส่: 20

ความต้องการของอาวุธ: อาชีพมือสังหารและโจร

ค่าสถานะ:

พลังโจมตี +20

อัตราการโจมตี +10%

อัตราคริติคอล +10%

ค่าความแข็งแกร่ง : +20

ค่าความว่องไว : +20

ค่าความทนทาน :+25

ค่าจิตวิญญาณ :+20

สกิล:

เฟทัลสเปอร์: ติดตัว – ในการโจมตีจะไม่สน DNF 10% ของศัตรู

เฟทัลโบลว์: กดใช้ – สร้างความเสียหายเป้าหมายเดี่ยว 200% คูลดาวน์ 60 วินาที

แต่เซียวเฟิงเลือกจะเมิน เธอกล้าดียังไงมาอวดอาวุธระดับเงินต่อหน้าเขา? ท้ายที่สุด ชายหนุ่มก็ได้อาวุธระดับอาร์ติแฟกต์มาแล้ว แม้ว่าค่าสถานะพื้นฐานของอาร์ติแฟกต์นั้นจะต่ำกว่าอาวุธระดับเงินของเธอก็ตาม

หลังจากผ่านไป 10 นาที กระดูกและของสวมใส่ที่กองกันอยู่ก็หายไปหลังจากระบบรีเฟรชแผนที่

เซียวเฟิงถอนตาด้วยความเสียใจ มีมอนสเตอร์ที่ดร็อปของซ้อนทับกันมากเกินไป พวกเขาไม่สามารถเก็บกวาดสนามรบทั้งหมดได้ทันเวลา ของสวมใส่ระดับเงินอย่างน้อยสองสามชิ้นจึงถูกระบบสลายไป

อย่างไรก็ตาม พวกเขาเก็บของมาได้มากมาย พวกเขาได้ของสวมใส่ระดับเงิน 4 ชิ้น ของสวมใส่ระดับน้ำเงิน 19 ชิ้น รวมทั้งมีดระดับเงินของซือเยี่ยจิ๋ง ในแง่ของมูลค่า ของที่ได้จากมอนสเตอร์เหล่านี้มีมูลค่าอย่างน้อยหลายพันเหรียญทอง ซึ่งเท่ากับ 100,000 หยวนกว่า ๆ ในโลกแห่งความเป็นจริง มันเป็นมากกว่าที่ผู้เล่นทั่วไปจะหาได้ในเวลาหนึ่งปีเสียอีก!

“ปะ! ไปต่อกันเถอะ!”

ซือเยี่ยจิ๋งพูดอย่างแทบรอไม่ไหวด้วยดวงตาเป็นประกาย ในขณะที่เห็นค่าประสบการณ์ของเธอเพิ่มขึ้นอย่างมาก และได้รับอาวุธที่ยอดเยี่ยมด้วย หญิงสาวก็ยิ่งตั้งใจแน่วแน่ที่จะอยู่กับเซียวเฟิง

นี่เป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มมาก! แค่ลากมอนสเตอร์ไม่กี่ตัวเท่านั้น เธอก็สามารถเพิ่มแถบค่าประสบการณ์ของเธอได้ 20%-30% และยังได้เหรียญทอง ของสวมใส่มากมาย มันเป็นชีวิตในฝันเลย!

เซียวเฟิงไม่สนใจที่จะพูดคุยกับเธอ ตัวเขาเองไม่สามารถสลัดเธอออกไปได้ ดังนั้นจึงต้องมุ่งหน้าไปยังมหาสุสานใต้พิภพพร้อมกับเธอ

ซือเยี่ยจิ๋งเคยไปที่มหาสุสานใต้พิภพกับเซียวเฟิงมาก่อน ดังนั้นเธอจึงคุ้นเคยกับสถานที่นี้ ด้วยการร่วมมือกันของพวกเขา ประสิทธิภาพในการลากมอนสเตอร์และกวาดมอนสเตอร์จึงเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นเพราะซือเยี่ยจิ๋งทำงานอย่างหนัก ดูเหมือนว่าเธอจะกระตือรือร้นที่จะแสดงคุณค่าของเธอ ดังนั้นเซียวเฟิงจึงรู้สึกสบายใจมากขึ้น

[ติ๊ง! ยินดีด้วย! คุณได้เลื่อนเลเวลเป็นเลเวล 21 และได้รับแต้มค่าสถานะหนึ่งหน่วย]

เมื่อเสียงของระบบดังขึ้น ลำแสงสีขาวก็ฉายลงบนตัวเซียวเฟิงซึ่งบ่งชี้ว่าแถบค่าประสบการณ์ของเซียวเฟิงที่เลเวล 20 เต็มแล้ว และในที่สุดเขาก็เลื่อนเป็นเลเวล 21

“วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน”

เซียวเฟิงลงแต้มค่าสถานะไปที่ค่าจิตวิญญาณและกล่าวขึ้นหลังจากดูเวลาใกล้ถึงเวลาอาหารเช้าแล้ว เมื่อวานชายหนุ่มไม่ได้ไปทานอาหารเช้า และถ้าเขาไม่ออกจากระบบตอนนี้ ก็อาจมีปัญหากับเซียวหลิงได้

มอนสเตอร์ที่ชั้นหนึ่งของมหาสุสานใต้พิภพไม่ได้ถูกกวาดล้างโดยเซียวเฟิงทั้งหมด บางส่วนยังคงซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้อง ไม่ต้องพูดถึงการลงไปบนชั้นสองเลย ทว่าซือเยี่ยจิ๋งก็ยังคงพอใจมาก เพราะเธอได้เพิ่มค่าประสบการณ์ของเธอไปถึงครึ่งหนึ่งด้วยการร่วมมือกับเซียวเฟิง ตอนนี้เธอแซงหน้าหลิวเฉียงเหว่ยและกลายเป็นอันดับสองคนใหม่ในกระดานผู้นำไปแล้ว!

ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็เจอของสวมใส่ระดับทองและแอบเก็บมันไว้ในกระเป๋าของเธอโดยที่เซียวเฟิงไม่ได้สังเกตเห็น ซึ่งทำให้เธอดีใจมาก ของสวมใส่ระดับทองนี้คือชุดหนังเลเวล 30 ซึ่งมีค่ามาก ไม่ว่าเธอจะเก็บไว้ใช้เองหรือจะขายออกไป

“โอเค”

เมื่อได้ยินที่เซียวเฟิงพูด ซือเยี่ยจิ๋งก็หยุดคุ้ยกองของสวมใส่และตอบพร้อมพยักหน้าเห็นด้วย ท้ายที่สุดแล้ว ของสวมใส่ที่ระดับเหนือกว่าระดับเงินก็ถูกเธอเอาไปแล้ว เธอได้คัดเก็บของสวมใส่มาโดยพิจารณาจากแสงที่มันแผ่ออกมา มิฉะนั้น ของสวมใส่ที่กองซ้อนกันอยู่นี้ก็มากเกินไปสำหรับเธอ

หลังจากจัดช่องเก็บของแล้ว เซียวเฟิงก็เลือกเส้นทางใต้ดินเดิมแทนที่จะกลับเมือง เพราะเขายังวางแผนที่จะมาเก็บเลเวลที่มหาสุสานใต้พิภพในครั้งต่อไปที่เขาเข้าสู่ระบบ

หลังจากออกจากโลกของเกมและถอดหมวกเล่นเกมแล้ว ชายหนุ่มก็ลืมตาขึ้น เขาอยู่ในห้องนอนของตัวเองอีกครั้ง เซียวเฟิงมองไปรอบ ๆ กลับไม่พบร่องรอยของเซียวหลิงแอบย่องมาบนเตียงของเขา ดูเหมือนว่าในที่สุดเธอก็โตขึ้นแล้ว

ทว่าเมื่อความคิดนี้เกิดขึ้น ชายหนุ่มก็ได้ยินคนหมุนลูกบิดประตูจึงหันไปมองในทิศทางนั้นทันที

เขาบังเอิญเห็นดวงตาสีฟ้าสดใสคู่หนึ่งผ่านช่องประตู เจ้าของดวงตาสีฟ้านั้นเห็นชัดว่าเซียวเฟิงตื่นแล้ว ดังนั้นเด็กสาวจึงดูร่าเริงในทันที เธอกระแทกประตูปิดตอนที่มันแง้มออกเล็กน้อยจนเกิดเสียงปัง จากนั้นเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจากทางเดิน เธอคงหนีไปแล้ว

เป็นเซียวหลิงแน่ ๆ

เซียวเฟิงส่ายหัว จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและไปอาบน้ำ วันนี้เขาออกจากระบบในเวลาอาหารเช้า และไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นเซียวหลิงพยายามแอบเข้ามาในห้องของเขาโดยบังเอิญ

เมื่อเผชิญกับความหมกมุ่นของเซียวหลิง เซียวเฟิงก็ไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่

ชายหนุ่มสาบานไว้ว่าจะดูแลเซียวหลิง ซึ่งเซียวเฟิงก็หวังว่าเธอจะผูกพันกับเขาเพื่อให้ความสัมพันธ์ของพวกเขามีความกลมเกลียวกันมากพอ

ทว่าในทางกลับกัน เซียวเฟิงก็เป็นผู้รับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของเซียกวงเหวย พ่อของเซียวหลิง ทุกครั้งที่ชายหนุ่มคิดถึงเรื่องนี้ เซียวเฟิงก็กำหมัดของตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ด้วยความรู้สึกผิดและเอาแต่กล่าวโทษตนเองอย่างสุดหัวใจ

เซียกวงเหวยไม่ใช่คนที่อยู่เบื้องหลังเหตุนี้เลย ซึ่งเซียวเฟิงรู้ตั้งแต่วันที่เขาไล่ล่าเซียกวงเหวยจนตาย อย่างไรก็ตาม ท่าทีการสอบปากคำของเซียวเฟิงค่อนข้างโหดเหี้ยม เห็นได้จากวิธีที่เขาปฏิบัติต่อนักสืบเอกชนที่หลิวเฉียงเหว่ยส่งมาในวันนั้น หรือวิธีที่เขาปฏิบัติต่อหลิวเฉียงเหว่ย

เขาเป็นคนไร้ความปราณี ไม่แยแสและโหดร้าย เซียกวงเหวยก็เช่นกัน มิฉะนั้น เขาคงจะไม่เลือกกระโจนไปสู่ความตายภายใต้การบังคับของเซียวเฟิง

เซียวเฟิงเงียบ เขาล้างหน้าด้วยน้ำเย็นและถูใบหน้าอย่างแรงก่อนออกจากห้อง

ชายหนุ่มรู้สึกผิดต่อเซียวหลิง ไม่ว่าเซียวหลิงจะรู้สึกอย่างไรต่อเขา ผูกพันทางอารมณ์ ไม่ชอบ หรือรังเกียจเขา ชายหนุ่มก็จะดูแลเซียวหลิงเช่นเคย

เขาจะทำอย่างนั้นไม่ว่ายังไง! แม้แต่ต้องสละชีวิตของตัวเองก็ตาม!

“นายท่าน ข้าวต้มเสิร์ฟเตรียมไว้สำหรับท่านแล้ว”

ที่ชั้นล่าง หนิงเคอเค่อซึ่งยังคงสวมชุดเมดขาวดำวางอาหารเช้าไว้บนโต๊ะ หลังจากที่เธอเห็นเซียวเฟิง เด็กสาวก็พูดกับเขา แก้มของเธอสีดอกกุหลาบแดงเรื่อ ไม่กล้าสบตาเขา

เซียวหลิงนั่งอยู่บนเก้าอี้และโยกเท้าไปมาอย่างเกียจคร้าน เธอสูงไม่พอที่เท้าจะถึงพื้น

ดูเหมือนว่าเธอจะลืมความอับอายตอนถูกจับได้ว่าแอบเข้าไปในห้องของเซียวเฟิง เด็กสาวมองเซียวเฟิงและหนิงเคอเค่อด้วยสายตาที่เฉียบคม ดูเหมือนจะสังเกตอะไรบางอย่าง

เซียวเฟิงไม่สนใจเธอและนั่งลงบนเก้าอี้เพื่อทานอาหารเช้า ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มก็เริ่มไตร่ตรองถึงสิ่งที่เขาจะทำหลังจากเข้าสู่ระบบในภายหลัง อาจารย์ตี้อู่หยาน่าจะทำแหวนระดับเทพของเขาเสร็จภายในวันนี้ มันถึงเวลาที่ชายหนุ่มควรจะไปรับมันแล้ว

นอกจากนี้ เซียวเฟิงยังนึกถึงอีกเรื่องหนึ่ง อาจารย์ตี้อู่หยาได้รับการยกย่องว่าเป็นช่างตีเหล็กที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิ บางทีเขาอาจจะขอให้ชายคนนี้ช่วยซ่อมแซมคทานักปราชญ์ที่เสียหายได้ ตอนนี้คทานักปราชญ์เป็นระดับอาร์ติแฟกต์แท้ ๆ แต่ค่าสถานะพื้นฐานของมันอยู่ในระดับต่ำเกินไป มันทำให้เซียวเฟิงไม่พอใจ หากซ่อมแซมมันอย่างดี มันก็จะยิ่งได้เสริมพลังได้อย่างมาก

ในเวลาเดียวกันเซียวเฟิงก็สงสัยว่ามันถึงเวลาที่เขาต้องทำภารกิจหลักด้วยไหม เขาทิ้งความคืบหน้าของภารกิจหลักไปนานเพื่อเพิ่มเลเวลก่อน เมื่อคิดดูอีกที แดนทมิฬก็น่าจะทำอะไรบางอย่างแล้วในตอนนี้ หลังจากที่เซียวเฟิงผ่านชั้นหนึ่งและชั้นสองของมหาสุสานใต้พิภพ และได้เปรียบเหนือผู้เล่นคนอื่น ๆ ในกระดานผู้นำเลเวล เขาก็ควรทำงานหลักต่อเพราะยังไงนี่ก็เป็นสิ่งที่สำคัญกว่า!

“เอ่อ พี่เซียว พี่ตื่นแล้วเหรอ?”

ก่อนที่เซียวเฟิงจะกินขนมปังเสร็จ เฉียนโตวโตวก็ลงมาชั้นล่างในชุดนอนพร้อมหาว ชุดนอนและผมของเธอดูยุ่งเหยิง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเมื่อคืนนี้เธอนอนไม่หลับ

อย่างไรก็ตามเซียวเฟิงก็เดาว่ามันน่าจะเป็นเพราะคทานักปราชญ์ที่เสียหาย ดังนั้นชายหนุ่มจึงปล่อยเธอไว้ตามลำพัง หลังจากตรวจสอบปฏิทินแล้ว ก็สังเกตเห็นว่าวันนี้เป็นวันที่ร้านค้ามหาสมบัติจะจัดประมูลประจำสัปดาห์ เห็นได้ชัดว่าเฉียนโตวโตวใช้เวลาตลอดทั้งคืนเพื่อเลื่อนตำแหน่งเพื่อที่จะได้ประมูลคทานักปราชญ์ที่เสียหายในงานนี้

เป็นไปได้ว่าความตื่นเต้นของการประมูลอาร์ติแฟกต์ จะต้องมากกว่าการประมูลโทเคนกิลด์ในงานประมูลครั้งแรกของร้านค้ามหาสมบัติ

เพราะนี่เป็นถึงอาร์ติแฟกต์… ไม่ใช่อาวุธทั่ว ๆ ไป! โทเคนกิลด์สามารถดร็อปได้จากการฆ่าบอสเลเวล 30 ในขณะที่อาร์ติแฟกต์สามารถดร็อปได้จากการฆ่าบอสระดับสูงขึ้นไปเท่านั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาร์ติแฟกต์นั้นค่อนข้างหายากและมันก็ยากยิ่งกว่าที่จะฆ่าบอสที่เก่งเทพพวกนั้นได้ มิฉะนั้นคงจะไม่มีอาร์ติแฟกต์เพียงสามชิ้นในเซิร์ฟเวอร์และทั้งหมดก็เป็นของเซียวเฟิง

หลังจากที่ผู้เล่นเก็บเลเวลไปถึงระดับหนึ่งแล้ว การดร็อปโทเคนกิลด์ก็ไม่ใช่เรื่องเห็นได้ยากอีกต่อไป โดยพื้นฐานแล้ว โทเคนกิลด์ดร็อปกันทุกวัน ดังนั้น กิลด์ 10 อันดับแรกในรายชื่อกิลด์ของเขตต่าง ๆ แต่ละกิลด์จึงมีชื่อ ซึ่งบ่งชี้ว่ามีกิลด์ที่ประสบความสำเร็จมากมาย

ทว่าบนกระดานผู้นำของเซิร์ฟเวอร์ มีเพียงเซียวเฟิงเท่านั้นที่มีอาร์ติแฟกต์ ดังนั้นช่องว่างของมูลค่าระหว่างอาร์ติแฟกต์ และโทเคนกิลด์จึงค่อนข้างเห็นได้ชัด

แม้ว่าคทานักปราชญ์ที่เสียหายจะไม่ทรงพลังเท่ากับของสวมใส่ชิ้นอื่นที่มีระดับเดียวกันเนื่องจากค่าสถานะของมัน แต่ก็ยังถูกจัดว่าเป็นระดับอาร์ติแฟกต์ และเพียงแค่เป็นระดับอาร์ติแฟกต์ ผู้เล่นจำนวนมากก็แย่งชิงกันอย่างหนักแล้ว

ผลกระทบของอาร์ติแฟกต์บนกระดานผู้นำนั้นยิ่งใหญ่กว่า มันจะต้องสร้างชื่อเสียงมหาศาลกับตัวเจ้าของ กิลด์ หรือสังกัดอย่างแน่นอน!

ดังนั้นจึงคาดการณ์ได้ว่าโอกาสที่ยอดการประมูลครั้งนี้จะมากกว่าการประมูลครั้งแรกของร้านค้ามหาสมบัติอย่างแน่นอน การประมูลอาร์ติแฟกต์ จะสร้างความตื่นเต้นอย่างใหญ่หลวงทั่วทั้งเขตฮัวเซีย หรือแม้แต่ทั้งเซิร์ฟเวอร์โดยไม่ต้องสงสัย เมื่อถึงเวลานั้นผู้เล่นในเขตต่าง ๆ จะแสดงความกังวลต่อการประมูลที่ไม่เคยมีมาก่อน!

ในขณะเดียวกัน ร้านค้ามหาสมบัติก็จะมีชื่อเสียงมากขึ้น หลังจากการประมูลครั้งนี้ร้านค้ามหาสมบัติจะโด่งดังยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งนี่อธิบายได้ว่าทำไมเซียวเฟิงจึงไม่ปฏิเสธคำขอของเฉียนโตวโตว เขาต้องการให้โอกาสที่ร้านค้ามหาสมบัติจะกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง