บทที่ 76 ข้อความที่ทิ้งไว้

จอมบงการเทพยุทธ์

จอมจักรพรรดินีผู้เหี้ยมหาญจอมจักรพรรดิอู่จื่อและยอดฝีมือเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่เป็นเหมือนกับจอมจักรพรรดิสวรรค์ ทั้งหมดมีพลังอานาจอย่างหาที่เปรียบมิได้พวกเขาอยู่ยืนอยู่หน้าวังจอมจักรพรรดิอสูรด้วยกันทั้งหมด

ภาพนี้ราวกับเป็นตํานานอันเหลือเชื่อ

“มันเป็นไปไม่ได้ ! จอมจักรพรรดิไม่อาจพบจอมจักรพรรดิได้ !มีจอมจักรพรรดิได้หนึ่งเดียวเท่านั้นในโลกนี้

เมื่อเขาเกิดมาแล้วจะต้องสิ้นลมเสียก่อนถึงจะมีการเกิดขึ้นมาได้อีก ดังนั้นจอมจักรพรรดิทั้งสองไม่อาจพบกันได้

แล้วจะมีผู้แข็งแกร่งเช่นนั้นมากมายอยู่ร่วมโลกกันได้อย่างไร”

ราชันบรรพบุรุษ จ้องมองไปที่อนุสรณ์โบราณเบื้องหน้า พร้อมกับปฏิเสธอย่างเด็ดขาด

ในสายตาของพวกเขา มันเป็นดั่งภาพลวงตาแห่งดวงดาว เป็นภาพอันน่าสะพรึงกลัวของภูเขาและแม่น้ำที่ผันผวนได้ปรากฏขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในน้ำเสียงของราชันบรรพบุรุษนี้ มีร่องรอยของการสั่นเครือที่ยากจะได้ยิน ซึ่งก็ เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าจิตใจของเขากระสับกระส่ายขนาดไหนในตอนนี้

“มันเป็นไปไม่ได้จริงๆ เรื่องไร้สาระ สามยอดฝีมือระดับสูงสุดอยู่ร่วมกันงั้นรึ? จักรวาลนี้ ทั่วทั้งฟ้าดินรองรับสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้เพียงหนึ่งเท่านั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน !”

บรรพบุรุษเผ่าวิหคร่วมปฏิเสธตามหลังเขา

ก่อนจะประสบกับช่องว่าง หลังจากเหตุการณ์สังหารราชันบรรพบุรุษทั้งห้าและทําให้แดนร้างตะวันออกตกตะลึงเผ่าโบราณส่วนใหญ่ในแดนางตะวันออกได้ยอมรับความจริงที่ว่าเผ่าพันธุ์มน ษย์อาจเคยมียอดฝีมือระดับสุดยอด

แต่ทว่า พวกเขาก็ยังไม่เชื่อหรือไม่อยากจะเชื่อว่าจะมียอดยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์มนุษย์ยืนอยู่ในแม่น้ำแห่งกาลเวลาอันเป็นนิรันดร์และยังสามารถอยู่ร่วมกันได้นี่มันเป็นไปไม่ได้เลย !

“บางที่อาจมีความเป็นไปได้ว่าเมื่อหลายล้านปีก่อนโลกนี้มีกําลังมากพอที่จะให้สิ่งมีชีวิตระดับสูงสุดจํานวนมากสามารถอยู่ร่วมกันได้

กระทิงทองพูดด้วยเสียงต่ํา

แม้ว่ามันจะไม่ค่อยเชื่อนักว่าจะมียอดฝีมือขึ้นสู่จุดสูงสุดได้มากมายไม่ได้อยู่ร่วมกันได้ชัดเจนเหมือนกับเหล่าจักรพรรดิโบราณ

บางที เมื่อหลายล้านปีก่อน เมื่อครั้งที่โลกยังรุ่งเรืองและเฟื่องฟูอาจไม่เหมือนยุคแร้นแค้นที่มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะได้ก้าวเข้าสู่วิถีแต่ว่ามีกี่คนกันที่ได้สิทธิ์ที่จะก้าวเข้าสู่วิถีสูงสุด ?

อย่างไรก็ตาม แม้แต่การอนุมานนี้ก็ยังน่าประหลาดใจเกินไป

ยอดฝีมือระดับสูงสุดได้อยู่ร่วมกันเป็นครั้งแรก และพวกเขาทั้งหมดเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ ความหมายเบื้องหลังสิ่งนี้ช่างเกินกว่าจะจินตนาการได้ !

“เมื่อหลายล้านปีก่อนฟ้าดินจะยอมให้คนมากมายขึ้นสู่ระดับสูงสุดได้งั้นรึ ? ก็อาจเป็นได้

แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้อื่นอีก นั่นก็คือ ยอดฝีมือระดับสูงสุดเผ่ามนุษย์ทั้งสามนี้อาจจะอยู่ในระดับอย่างสุดโต่งและได้ก้าวไปขึ้นอีกขั้นจนพวกเขาอาจจะสามารถเจาะความลับที่แท้จริงของการมีอายุยืนยาวก็เป็นได้”

แววตาของจีต้าวชุดูเคร่งขรึมขณะที่เขาพูดช้าๆ

เมื่อเปรียบเทียบกับการอนุมานของกระทิงทองค่า เขายินดีที่จะเชื่อการอนุมานของตัวเองมากกว่า !

ท้ายที่สุด เมื่อพิจารณาจากร่องรอยของจอมจักรพรรดินีผู้เหี้ยมหาญและจอมจักรพรรดิอู่จื่อทั้งสองนั้นมีความพิเศษเกินไปและยังสามารถพอจะเปรียบกับจอมจักรพรรดิโบราณของเผ่าโบราณได้เล็กน้อย

จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ ก้าวสู่จุดสูงสุดด้วยร่างกายที่อ่อนแอ สังหารจักรพรรดิทั้งปวงและแสวงหาความรักชั่วนิรันดร์ยืนอยู่บนจุดสูงสุด ตัดจากอดีตท้าทายสวรรค์เป็นอมตะในพิภพ

ในทางกลับกัน จอมจักรพรรดิอู่จื่อ มีสถานะที่อันสูงส่งเขาเป็นทายาทของจอมจักรพรรดิเผ่าพันธุ์มนุษย์และผู้สําเร็จวิชากายาจักรพรรดิ

นั้นยังทําให้อดีตถึงจอมจักรพรรดิเผ่าอสูรแสดงความรู้สึกว่าเขาอยากจะเผชิญหน้ากับจอมจักรพรรดิโบราณเสียกว่าเผชิญหน้ามนุษย์นามว่าอู่จื่อ

ทั้งสองคนนี้เป็นบุคคลที่น่าอัศจรรย์

เป็นไปได้ว่าจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญและจอมจักรพรรดิอู่จื่อทั้งคู่อาจได้ก้าวขึ้นไปอีกขั้นบนเส้นทางสูงสุดและพวกเขาอาจได้ก้าวเข้าสู่เขตแดนอื่นที่เกินกว่าจะจินตนาการได้ !

แต่ทว่า เมื่อได้ยินการอนุมานของจีต้าวช ราชันของเผ่าพันธุ์หมื่นเซียนก็ได้แต่เย้ยหยันเป็นการตอบกลับ

“ไร้สาระ น่าขันสิ้นดี ! เจ้าคิดว่าอดีตจอมจักรพรรดิแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าจอมจักรพรรดิหมื่นเซียนงั้นรึ ? มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน !”

หากพวกเขาก้าวข้ามเขตแดนและกลายเป็นอมตะในโลก เหตุใดจึงไม่เคยปรากฏตัวมาเป็นเวลาหลายแสนปีมาตั้งแต่สมัยโบราณเพื่อช่วยเหลือเผ่าพันธุ์มนุษย์

ราชันองเผ่าพันธุ์หมื่นเซียนโต้กลับอย่างดูถูก

หากเผ่าพันธุ์มนุษย์มีจอมจักรพรรดิผู้ซึ่งสามารถฝ่าฝืนกฎแห่งอายุขัยและเป็นอมตะในโลกได้จริงๆมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะได้เห็นเผ่าพันธุ์มนุษย์มีสภาพอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ?

ดังนั้นมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น นั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่าจอมจักรพรรดิเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ตายไปแล้วและไร้ตัวตนบนโลกนี้ !

จีต้าวชูส่ายหน้าและไม่ได้โต้แย้งใดๆ เพียงแต่เบนความสนใจไปที่อนุสรณ์โบราณที่สอง

เขารู้ดีว่าไม่อาจโน้มน้าวราชันเผ่าพันธุ์หมื่นเซียนเหล่านี้ได้ และอีกฝ่ายย่อมจะไม่เชื่ออย่างแน่นอน

เมื่อเทียบกับสิ่งนี้ เขาต้องการรู้ถึงสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในอนุสรณ์โบราณแห่งที่สองเสียมากกว่า

ไม่ใช่แค่ขี่ตาวช แต่จักรพรรดิคนอื่นก็เริ่มตั้งสติได้จากอาการตกใจที่ได้เห็นอนุสรณ์โบราณแห่งแรกและเริ่มเบนความสนใจไปที่อนุสรณ์โบราณแห่งที่สอง

หลายล้านปีล่วงเลย ไม่มีใครรู้ถึงความถูกต้องของภาพเขียนโบราณที่จารึกบนอนุสรณ์โบราณแห่งนี้

ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจพบคําตอบที่อนุสรณ์โบราณแห่งที่สอง !

สายตาของจักรพรรดิทั้งหมดมาบรรจบที่อนุสรณ์โบราณแห่งที่สอง

ทุกมีความสามารถในการมองทะลุฟากฟ้า มองไปที่อนุสรณ์โบราณด้วยดวงตาที่ส่องประกาย

เนื่องจากอนุสรณ์โบราณนี้พิเศษเกินไป มีร่องรอยของกระแสพลังสูงสุดล้อมรอบและพื้นผิวของอนุสรณ์โบราณนั้นถูกปกคลุมไปด้วยแสงที่เจิดจ้า

ถ้าไม่มองด้วยเนตรทะลุฟ้า ก็ไม่อาจมองเห็นสิ่งที่จารึกไว้บนอนุสรณ์โบราณนี้ได้

จักรพรรดิทั้งหมดหันมามองอนุสรณ์โบราณแห่งที่สอง

ในที่สุดพวกเขาก็เห็นมัน

บนอนุสรณ์โบราณ มีจารึกศักดิ์สิทธิ์ยาวเป็นแถว !

จารึกด้วยอักขระของเผ่าพันธุ์มนุษย์ !

ทุกค่ดูเหมือนจะมีพลังอันน่าสะพรึงกลัว ราวกับว่าอยู่ยงคงกระพันกําราบทั่วทั้งเก้าสวรรค์สิบชั้นภพ !

แม้แต่กระแสพลังที่ออกมาจากอักขระก็ยังน่าทิ้ง ราวกับว่ามันสะท้อนกับคําในประโยคนี้ !

เฝ้าเส้นทางสู่ยมโลกเพียงล่าพังสองชั่วชีวิต(ชีวิตปกติกับชีวิตหลังความตาย)แบกรับความทุกข์ทนของผู้คนไว้บนบ่าชั่วนิรันดร์

นี่คือประโยคที่บันทึกไว้บนอนุสรณ์โบราณแห่งนี้

บรรทัดของอักขระโบราณ หลังจากผ่านไปหลายล้านปีแต่ก็ยังมีความเป็นนิรันดร์ไหลผ่านระหว่างบรรทัด

ทุกอักขระเป็นเหมือนดั่งดวงอาทิตย์ที่แผดเผา เปล่งแสงและความร้อนอันไร้ที่สุดทําให้ไม่อาจมองโดยตรงได้ !
นอกจากนี้อักขระโบราณบรรทัดนี้ดูราวกับว่ามีพลังวิเศษ

เมื่อเจตจํานงของจักรพรรดิรวมตัวกัน ในภวังค์ ก็มีภาพโบราณปรากฏขึ้นเบื้องหน้า !

ในภาพ ร่างทั้งสามยืนอยู่บนท้องฟ้าและยืนอยู่บนพื้นดิน ยืนอยู่หน้าวังของจักรพรรดิอสูรด้วยกัน

เหมือนกันภาพที่ปรากฏในอนุสรณ์โบราณแห่งแรก !

จอมจักรพรรดินีผู้เหี้ยมหาญ จอมจักรพรรดิอู่ซื้อและชายที่มีกระถางบุษราคัมลอยอยู่เหนือหัวของเขาราวกับจักรพรรดิ์สวรรค์

ทั้งสามยืนนิ่งเงียบ กระแสพลังที่เล็ดลอดออกมาจากพวกเขาทําให้ทั้งพิภพสั่นสะเทือน

มิติแตกสลาย ความโกลาหลสับสนวุ่นวาย วิถีนับหมื่นสั่นสะเทือน ราวกับจะผ่าโลกทั้งใบออก

ทั้งสามยืนนิ่งเงียบอยู่ต่อหน้าวังจักรพรรดิอสูร ราวกับว่าพวกเขากําลังรออะไรบางอย่างและดูเหมือนว่าพวกเขากําลังแสดงท่าทางนอบน้อมต่อบางสิ่งบางอย่าง

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ชายคนที่สาม(เหานิ้วจ้าว)ก็เคลื่อนไหวประดุจจักรพรรดิสวรรค์

เขายกฝ่ามือขึ้น และอนุสรณ์นิรันดร์อันยิ่งใหญ่ก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า

ทันทีหลังจากนั้น เขาก็จารึกอักขระศักดิ์สิทธิ์ไว้บนอนุสรณ์โบราณนี้ !

“เส้นทางสายนี้นองด้วยเลือดและชีวิตของบุคคลที่โดดเด่นที่สุดในสมัยโบราณ จอมจักรพรรดิอสูรเป็นผู้ฝึกวิชาที่น่านับถือ

สิ่งที่เราทําได้คือทําตามความประสงค์ของพวกเขา เพื่อไม่ให้พวกเขาผิดหวังบรรเทาความสับสนวุ่นวายและรักษาความเจ็บปวดทั้งหมด

ทั้งหมดนี้จะจบลงโดยพวกเรา !”

เขาถอนหายใจยาว ประโยคออกจากปากของชายผู้เป็นดั่งจักรพรรดิสวรรค์ผู้นี้

ทุกๆคํานั้นหนักอย่างมาก ถึงกับทําให้ทั่วทั้งพิภพสั่นสะเทือน

เมื่อเป็นโองการของจอมจักรพรรดิสวรรค์ สั่งทั่วจักรวาล ไม่มีใครกล้าขัด !

เมื่อสิ้นเสียง

ภาพทั้งหมดก็เริ่มจางหาย และในที่สุดก็หายไปจากสายตาของจักรพรรดิทุกคนกลับคืนสู่ความว่างเปล่า

แต่ฉากในภาพจะตราตรึงอยู่ในจิตใจ ทําให้พวกเขาไม่อาจลืมได้ไปตลอดกาล !