บทที่ 263: ฮนดะ เฮฮาจิ ทาดาคัตสึ (1)

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

บทที่ 263: ฮนดะ เฮฮาจิ ทาดาคัตสึ (1)

ช่องแคบสึชิมะถูกปกคลุมด้วยความเงียบสงัด

ทุกอย่างดูเหมือนเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ รูม่านตาของอะซะอิ นะงะมะซะหดตัวลงทันที เหล่าไดเมียวในชุดเกราะที่ยืนอยู่บนเรือรบหุ้มเหล็กต่างก็เบิกตากว้างขึ้น เผยให้เห็นเปลวไฟนรกที่ลุกโชนอยู่ภายใน ในความเป็นจริง… มันมีแม้กระทั่งไดเมียวไดเมียวที่เผลอก้าวถอยหลังกลับด้วยความกลัวด้วยซ้ำ

นี่เป็นเพราะเปลวไฟนรกที่มาบรรจบกันจากทุกทิศทาง ไม่เพียงแต่รอบช่องแคบสึชิมะ แต่มันยังรวมถึงชายฝั่งของเกาหลีและญี่ปุ่นอีกด้วย ประชากรธรรมดามากมายต่างมองที่ท้องฟ้าอย่างหวาดกลัว สงสัยว่าสิ่งที่ดูเหมือนหิ่งห้อยขนาดใหญ่บนท้องฟ้านั้นคืออะไร

แม้แต่เครื่องตรวจจับพลังหยินที่อยู่ทางตะวันออกของจีน รวมถึงตงไห่ และเมืองเยียนจิงต่างก็ส่งเสียงเตือนอย่างบ้าคลั่ง

“เกิดอะไรขึ้น ?!”

“มีการก่อจลาจลของวิญญาณเกิดขึ้นกลางทะเลอย่างนั้นเหรอ ? ตำแหน่งล่ะ ?”

“เราไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนได้ครับ… ดาวเทียมที่อยู่ใกล้ที่สุดไม่สามารถระบุได้ !”

“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น ?!”

ในสถานที่อื่น ๆ ณ วิลล่าที่ตั้งอยู่ที่หนึ่งในสามมณฑลของจีนทางตอนเหนือ ชายสูงวัยที่แต่งกายด้วยเสื้อคลุมยาวซึ่งถูกทำขึ้นอย่างประณีตเด้งตัวขึ้นจากเตียงราวกับเจียงซือและร้องออกมาด้วยหัวใจที่บีบคั้นขณะที่ร่างกลายเป็นเพียงกลุ่มก้อนพลังหยิน

“ท่านเปา… พลังของท่านเปา ! ท่านเปากลับมาแล้ว !!! ยมโลกเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งแล้ว !”

“ทุกตน… คุ้มกันข้า… มาคุ้มกันข้าเดี๋ยวนี้ !! เขาจะมาตามล่าข้า… เขากำลังมาตามล่าข้า ! กองกำลังของนรกเคลื่อนไหวอีกครั้งแล้ว !!”

ฟึ่บ… ไม่ว่าจะเป็นเกาหลี ญี่ปุ่น หรือชายฝั่งของจีน วิญญาณทุกตนที่อาศัยอยู่ในเขตไล่ล่าและเขตนักล่าของตนอย่างสุขสบายต่างแยกย้ายกันหาที่หลบซ่อนตัว แม้แต่ภูตผีคลุ้มคลั่งก็ไม่มีข้อยกเว้น !

เมื่อพระยมปรากฏ เหล่าภูตผีจงล่าถอย !

……

“นี่มัน…” กลับมาที่ช่องแคบสึชิมะ อะซะอิ นะงะมะซะแน่นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความหวาดกลัว “การระเบิดของพลังหยินนี้… แข็งแกร่งกว่าท่านอิซานามิอีกอย่างนั้นหรือ ?!”

“นี่หมายความว่า… ในที่สุด… ยมโลกของจีนก็ได้เปิดประตูอีกครั้งแล้วใช่หรือไม่ ?!”

ยมโลกแห่งจีน โลกใต้พิภพที่อยู่เหนือโลกใต้พิภพอื่น ๆ ทางฝั่งตะวันออกในช่วง 3,000 ปีที่ผ่านมา !

นี่คือตัวตนที่ทำให้โลกใต้พิภพของทางตะวันตกมองตะวันออกด้วยความยำเกรงและหวาดกลัว

มันสามารถพูดได้เลยว่าหากไม่ใช่เพราะการมีอยู่ของยมโลกจากจีน โลกใต้พิภพของทางตะวันตกก็คงเดินหน้ามารุกรานตะวันออกและเปลี่ยนให้เป็นอาณาเขตของตนไปแล้ว เพราะมันมียมโลกอยู่กี่แห่งกันที่สามารถผ่านบททดสอบของกาลเวลามาได้นานเช่นนี้ ?

พรึ่บ… ลูกไฟนรกจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นรอบเรือสำราญ จากนั้น… น้ำทะเลแยกออกจากกัน ทิ้งไว้เพียงช่องว่างขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณหนึ่งกิโลเมตรเอาไว้ระหว่างตัวเรือสำราญและสายน้ำโดยรอบ ตัวเรือสำราญยังคงลอยอยู่เหนือน้ำกลางอากาศ

“อ๊ากกกกก !!!”

“ไม่ ! ไม่… ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว ! ข้าสาบานว่าจะไม่ทำมันอีกแล้ว !”

“ไว้ชีวิตด้วย… โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย !!!”

เสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชมากมายดังมาจากรูโหว่ขนาดใหญ่ในน้ำ กองใบมีดมากมายปรากฏขึ้น นอกจากนี้ยังมีมีดอันแหลมคมที่ลอยอยู่รอบ ๆ กองใบมีดขนาดใหญ่ราวกับลาดตระเวนอีกที ฝนอุกกาบาตที่ลุกโชนด้วยเปลวไฟตกลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน ภาพของวิญญาณบาปจำนวนมากที่ร่างกายถูกบดจนละเอียด ในขณะบางตนถูกดึงหัวใจและเครื่องในออกมาจากร่างอย่างโหดเหี้ยม ยมทูตหัววัวหน้าม้า รวมถึงยมทูตขาวดำต่างยืนเฝ้าการลงโทษทั้งหมดอยู่ด้านข้างโดยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ไม่ว่าวิญญาณบาปพวกนั้นจะกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวนหรือทรมานเพียงใด พวกเขาก็ไม่สามารถหลบหนีจากโทษที่ตนถูกตัดสินได้

พลังหยินหลั่งไหลออกมาอย่างไร้ขอบเขต และหมอกพลังหยินก็หนาขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งทำให้มองไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่น้อย และมันก็เป็นเวลานั้นเองที่ผิวน้ำทะเลทั้งหมดเริ่มก่อตัวเป็นคลื่นอย่างบ้าคลั่ง

สึนามิ

นี่คือคลื่นสึนามิที่มีขนาดใหญ่กว่าคลื่นที่กองกำลังของอะซะอิ นะงะมะซะสร้างขึ้นหลายเท่า ! ท่ามกลางกลุ่มก้อนพลังหยินที่หนาแน่น คลื่นสึนามิก่อตัวขึ้นเหนือผิวน้ำทะเล

……………

“พระเจ้า…” ย้อนกลับมาที่ช่องแคบสึชิมะ เหล่าไดเมียวที่เห็นภาพนี้ต่างก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงระคนหวาดกลัว มันเห็นได้ชัดเลยว่าคลื่นขนาดใหญ่นั้นเพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้ามาเท่านั้น แต่กลับมาพร้อมกับเสียงร้องที่ดังก้อง พวกเขารีบกลายร่างเป็นพายุแห่งพลังหยินและพัดกลับไปที่ใจกลางของญี่ปุ่นทันที

พวกเขาไม่ได้หวาดกลัวภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างสึนามิ แต่พวกเขาหวาดกลัวแหล่งกำเนิดของพวกมันมากกว่า แหล่งพลังหยินที่ไม่สามารถเทียบได้ที่ดูเหมือนจะสามารถสร้างสึนามิขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย พวกเขาไม่สามารถต้านทานได้จริง ๆ

……………

ย้อมกลับมาที่ห้องเก็บสินค้า หมิงชีหยินส่งเสียงอู้อี้ออกมาเล็กน้อยขณะที่พลังหยินที่ไร้ขอบเขตหลั่งไหลมาบรรจบกันที่ผิวกระจก ในเวลานี้ จุดเอกภพที่อยู่กลางกระจกเริ่มสะท้อนให้เห็นร่างที่คลุมเครือ

แม้ว่าจุดที่ว่าจะไม่ได้มีขนาดใหญ่ไปกว่าปลายเข็ม แต่ภาพที่ปรากฏออกมานั้นกลับดูยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก และมันก็ราวกับว่าผู้ใดที่เห็นภาพนี้ต่างต้องแสดงความเคารพต่อมัน

ภาพของตัวตนที่ไม่สามารถต้านทานได้และพลังอันไร้ขอบเขตที่ปกคลุมไปทั่วทั้งท้องทะเล

ใกล้แล้ว… ใกล้แล้ว… หมิงชีหยินสัมผัสได้ว่าพลังหยินมาถึงระดับสูงสุดแล้ว จากนั้น ในเสี้ยววินาทีต่อมา จุดเอกภพที่อยู่กึ่งกลางผิวกระจกก็ระเบิดออกอย่างแรง และคลื่นพลังหยินที่ไม่มีที่สิ้นสุดก็สาดซัดไปทั่วทุกทิศทาง

ฟึ่บ !

ระลอกคลื่นบนผิวน้ำซัดออกไปในที่สุด มันดูไม่ใหญ่นักในตอนแรก แต่ยิ่งมันไกลออกไป ระลอกดังกล่าวกับยิ่งขยายใหญ่ขึ้น จนกระทั่งไม่กี่วินาทีต่อมา มันได้กลายเป็นคลื่นสึนามิที่มีความสูร้อยเมตรไปในที่สุด !

ตู้มมมม !!!

อะซะอิ นะงะมะซะมึนงงเป็นอย่างมาก และเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเลยสักนิด มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น ?! ฝ่ายตรงข้ามทำสิ่งนี้ได้อย่างไร ? นี่เขากำลังเผชิญหน้ากับกองกำลังแบบไหนกันแน่ ?

เขาสามารถมองเห็นว่าเรือสำราญคือจุดศูนย์กลางของการระเบิดครั้งใหญ่นั้นเนื่องจากกลุ่มก้อนพลังหยินขนาดใหญ่ได้กระจายตัวออกมาจากเรือ ราวกับเกิดนิวเคลียร์ระเบิดขึ้นไม่มีผิด

ในเวลาเดียวกัน เหล่าไดเมียวที่ยืนอยู่เบื้องหลังของเขาก่อนหน้านี้ก็ได้กระจายกำลังและล่าถอยไปหมดแล้ว อะซะอิ นะงะมะซะไม่รู้ว่าใครเป็นคนหนีไปเป็นคนแรก แต่มันเห็นได้ชัดเจนว่าการหนีไปนั้นได้กระตุ้นความหวาดกลัวให้กับไดเมียวตนอื่น ๆ และทำให้พวกเขารีบเปลี่ยนร่างเป็นพายุพลังหยินซึ่งหายตัวไปในทันที

วิ่ง ! ออกไปจากที่นี่ ! คงมีแค่ความตายเท่านั้นที่รอเราอยู่หากเราเข้าไปใกล้สิ่งนั้นมากกว่านี้ !

เรือรบหุ้มเกราะในเวลานี้เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวน และตามมาติด ๆ ด้วยเสียงกระซิบเบา ๆ ของการหลบหนี พายุพลังหยินหนึ่งลูก… พายุพลังหยินสองลูก… พายุพลังหยินสิบลูก… พายุพลังหยิน 20 ลูก… พายุพลังหยิน 30 ลูก ! ขั้นยมทูตขาวดำทั้งหมดต่างหนีไปภายในเสี้ยววินาที ! และทันใดนั้นเอง เสียง ๆ หนึ่งก็ดังขึ้นในหูของร่างในชุดเกราะ “อะซะอิคุง เรากำลังรออะไรกันอยู่อย่างนั้นหรือ ?”

อะซะอิ นะงะมะซะกลับมาได้สติในทันที เขามองไปยังพื้นที่ว่างเปล่าด้านหลังซึ่งเคยเป็นที่ยืนของเหล่าขั้นยมทูตขาวดำที่ตอนนี้ได้พากันหลบหนีไปเพื่อเอาชีวิตรอด ตอนนี้ มีวิญญาณเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เหลืออยู่ เป็นชายในชุดเกราะสีแดงเข้มพร้อมเขากวางที่ยังคงยืนอยู่บนเสากระโดงเรือ

“หากไม่รีบไปจากที่นี่ในตอนนี้ ทุกอย่างจะสายเกินไป…” ดวงตาวาวโรจน์คู่หนึ่งปรากฏขึ้นภายใต้เงาดำของหมวกที่ร่างดังกล่าวสวมอยู่ เขามองไปยังจุดที่พลังหยินระเบิดออกมาก่อนหน้านี้ “สิ่งนั้น… ไม่ใช่ตัวตนที่เราสามารถต้านทานได้ ข้าเกรงว่าข้าคงต้องขอตัว”

อะซะอิ นะงะมะซะที่ได้ยินเช่นนั้นก็กัดฟันแน่นด้วยความโกรธ บัดซบ ! …บัดซบที่สุด !

เกิดอะไรขึ้นกับเทพสายฟ้า งูพิษ และปีศาจแดง ? พวกเขาทำอะไรลงไป ? เหตุใดเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้น ?

ดวงวิญญาณของโอดะโนบูนางะอยู่เพียงใต้จมูกของเขานี่เอง ถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีอยู่ห่างออกไปเพียงแค่เอื้อมมือ… แต่เขากลับไม่สามารถคว้ามันมาได้ !

ด้วยความโกรธแค้นภายในจิตใจ ร่างของเขาเริ่มกลายเป็นกลุ่มก้อนพลังหยิน ทว่าทันใดนั้น เขาก็ต้องมองไปที่เรือสำราญอีกครั้ง

ในขณะเดียวกันนั้น… ชายในชุดเกราะสีแดงเองก็กำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมการที่จะถอยทัพ ทว่าจู่ ๆ เขาเงยหน้าขึ้นมามองในเวลาเดียวกัน ดวงตาที่ลุกโชนของเขาวูบไหวอย่างรุนแรง

“มาแล้ว… เขามาแล้ว !!” กลุ่มก้อนพลังหยินที่อยู่รอบร่างของอะซะอิ นะงะมะซะพลันหายไป และเขาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับตะโกนเสียงดัง “ออกมาแล้ว… เขาออกมาแล้ว !! ข้าได้กลิ่นเหม็นจากศพของเขาห่างออกไปจากที่นี่ไม่มาก !”

ชายชุดเกราะแดงและเขากวางเงียบไป ก่อนที่เขาจะทาบมือลงบนอกของตัวเอง ส่วนปฏิกิริยาของอะซะอิ นะงะมะซะ ณ ตอนนั้นคือตื่นเต้นจนเขาไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของชายที่อยู่ด้านบนเลยสักนิด ไม่เช่นนั้นเขาคงจะสังเกตเห็นแสงสีดำอันริบหรี่ที่เล็ดลอดออกมาจากอกของชายผู้นั้นเป็นแน่

มันคือแหล่งพลังหยิน

แต่พลังหยินที่เล็ดลอดออกมาจากแหล่งพลังนี้แข็งแกร่งกว่าพลังหยินที่แผ่ออกมาจากร่างของพวกเขาทั้งสองมาก !

ในเวลาเดียวกัน ฉินเย่ก้มมองที่อกของตัวเองอย่างประหลาดใจ เขาสัมผัสได้ว่าเศษตราจ้าวนรกที่เขามีอยู่นั้นกำลังเต้นตุบ ๆ อย่างบ้าคลั่ง

นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อวัตถุศักดิ์สิทธิ์เผชิญหน้ากับวัตถุศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น

วัตถุศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่งกำลังเรียกหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์อีกชิ้นหนึ่ง

สมุดแห่งความเป็นตายกำลังเรียกหาเศษตราจ้าวนรก !!

……

กลับมาที่เรือรบหุ้มเกราะ วิญญาณที่ยืนอยู่บนเสากระโดงเรือลดมือลงช้า ๆ ดวงตาของเขานตอนนี้จับจ้องไปยังคลื่นกระแทกที่น่าสะพรึงกลัวของพลังหยินและสึนามิที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาหา อย่างมากที่สุดมันก็อยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งหรือสองกิโลเมตรเท่านั้น และเขาก็มองเห็นร่างของปลาวาฬตัวใหญ่ที่เคลื่อนตัวมาพร้อมกับคลื่นสึนามินั้น

หากพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ แม้แต่เทพแห่งท้องทะเลก็คงไม่สามารถต้านทานคลื่นสึนามิตรงหน้าได้ เขาทำได้เพียงจินตนาการถึงหายนะที่จะเกิดขึ้นเมื่อคลื่นตรงหน้าถาโถมลงมาเท่านั้น

บนเรือตอนนี้ไม่เหลือวิญญาณตนอื่นอีกแล้ว ไม่มีผู้ใดกล้าเสี่ยงลงมือเมื่อผู้เป็นพระยมได้สำแดงอำนาจอันยิ่งใหญ่ของตน แต่ถึงกระนั้น… ชายในชุดเกราะเขากวางกลับกระโดดลงมาที่หัวเรือ กระแทกตัวลงอย่างแรงพร้อมกับเสียงคำรามที่ดังสนั่น !

โฮกกกกกก !!!

สายน้ำโดยรอบก่อตัวสูงขึ้นในอากาศ จากนั้น เขาก็ผิวปากออกมาและกระโดดลงไปในน้ำทันที

“เฮฮาจิโร่… เฮฮาจิโร่ !!!” อะซะอิ นะงะมะซะตะคอกออกมาอย่างเดือดดาล “ข้าสั่งให้เจ้าทำหน้าที่เป็นแนวหน้าของข้า เมื่อกองทัพของข้ามาถึง พวกเราถึงจะบุกไปฆ่ามัน !!”

“ข้าไม่สน !” เฮฮาจิโร่ชูมือขึ้นไปบนฟ้า และหอกขนาดใหญ่ก็พุ่งลงมาอยู่ในมือของเขาราวกับสายฟ้าที่ผ่าลงมา จากนั้น ขณะที่เขาจะตกลงไปในน้ำทะเล ม้าโครงกระดูกที่มีความสูงสองเมตรก็กระโจนออกมาจากทะเลพร้อมกับเสียงร้องที่ดังก้อง และร่างในชุดเกราะก็นั่งลงไปบนหลังของมันอย่างมั่นคง

ฟึ่บ ! เขาลากหอกของตนไปตามผิวน้ำ ราวกับต้องการแยกผิวน้ำให้เป็นทางขณะที่ม้าโครงกระดูกวิ่งไปข้างหน้า ภายในเวลาไม่กี่วินาที ร่าง ๆ หนึ่งก็กระโจนออกมาจากน้ำด้านหลังของเขา… จากนั้นก็อีกร่าง… สิบ… ร้อย… จนในที่สุด ทหารม้าจำนวน 300 ตนก็ปรากฏตัวขึ้นมาด้านหลังของเขาอย่างเป็นระเบียบ และทั้งหมดล้วนสวมชุดเกราะสีแดง ถือหอกในมือ และขี้ม้าโครงกระดูก ! การปรากฏขึ้นของกองกำลังทหารม้าทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นด้านหลัง ร่างของวิญญาณทั้งหมดถูกห่อหุ้มด้วยพลังหยินที่หนาแน่นซึ่งมาพร้อมกับเจตนาฆ่าที่รุนแรงจนหายใจไม่ออกขณะที่พุ่งตรงไปที่เรือสำราญ

“ฮนดะ ทาดาคัตสึ !!” ร่างของอะซะอิ นะงะมะซะแตกออกขณะที่เปลวไฟนรกที่อยู่โดยรอบหลั่งไหลเข้ามาในชุดเกราะสีขาว “เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงขัดคำสั่งของท่านอิซานามิ ?”

“กล้าดีอย่างไรถึงขัดคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ?!”

“คิดหรือว่าข้าจะไม่กล้าสังหารเจ้าเพียงเพราะเจ้าเป็นซามูไรอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ?!”

“เจ้าน่ะหรือ… ด้วยกองกำลังใดกัน ?” ทาดาคัตสึแค่นหัวเราะออกมาขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปที่เรือสำราญที่อยู่เบื้องหน้า “ข้าสัมผัสได้… ท่านอยู่บนเรือ… ท่าน… ก็กำลังรอคอยข้าอยู่เช่นกันใช่หรือไม่ ?”

“หรือต่อให้ท่านกำลังหาทางหนี ข้า ฮนดะ เฮฮาจิ ทาดาคัตสึ ก็จะไม่ยอมปล่อยให้ท่านหนีไปได้ง่าย ๆ โดยเด็ดขาด วันนี้จะต้องมีแค่เราฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะสามารถออกไปจากช่องแคบสึชิมะได้โดยที่ยังมีชีวิต !”

สิ้นสุดเสียงพูด ทหารม้าทั้ง 300 ตนก็ก็พุ่งตัวข้ามน้ำอย่างรวดเร็วราวกับตนกำลังควบม้าอยู่บนบก เป้าหมายของพวกเขาน่ะหรือ ? เรือสำราญไงล่ะ และขณะที่พวกเขาพุ่งตัวไปข้างหน้า กลุ่มก้อนพลังสีขาวที่แตกต่างจากพลังหยินสีดำทั่วไปก็หลั่งไหลออกมาจากบริเวณอกของทาดาคัตสึ จากนั้น ไม่กี่วินาทีต่อมา ร่างเนื้อก็เริ่มปรากฏขึ้นภายใต้ชุดเกราะที่ว่างเปล่า !

ทันทีที่ร่างเนื้อปรากฏขึ้น กลุ่มก้อนพลังสีขาวพลันเริ่มก่อตัวเป็นชั้นกำแพงบาง ๆ ที่สกัดกั้นพลังหยินทั้งหมดที่พุ่งเข้ามาหาเขา

สมุดแห่งความเป็นตาย การพลิกกลับของหยินหยาง !

……………

กลับมาที่เรือรบหุ้มเกราะ อะซะอิ นะงะมะซะมองภาพตรงหน้าด้วยความประหลาดใจเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายกลับไปมีร่างเนื้อได้อย่างไร แต่ถึงอย่างนั้น… เขาก็รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะต้องสนใจอะไรพวกนั้น !

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าเขาเริ่มได้กลิ่นเหม็นไหม้ลอยออกมาจากใจกลางของเรือสำราญแล้ว นี่คือกลิ่นของวัดฮนโน เขาสามารถจินตนาการได้แม้กระทั่งว่าตอนนี้โอดะโนบูนางะ มุไร ซาดาคัตสึ และโมริรันมารุจะต้องกำลังจ้องมาที่เขาอยู่แน่ ๆ!

มันจะต้องเป็นสายตาที่ดุร้ายที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือดและจิตสังหารที่รุนแรง หากพูดกันตามความจริง บรรยากาศโดยรอบได้ตึงเครียดขึ้นจนเขาเริ่มจะได้ยินเสียงเบา ๆ ของการปะทะกันของใบมีดระหว่างพวกเขาแล้วด้วยซ้ำ !

แล้วเขา… จะไม่ตอบรับความต้องการอันรุนแรงเช่นนี้ของอีกฝ่ายได้อย่างไร ?

ฆ่ามันซะ… และนั่นจะเป็นการยุติฝันร้ายที่ยาวนานกว่า 400 ปีที่ผ่านมาของเขา !

คลื่นกระแทกพลังหยินนั้นอยู่ห่างออกไปเพียงหนึ่งกิโลเมตรเท่านั้น แต่เขากลับไม่สนใจมันเลยแม้แต่น้อย ร่างในชุดเกราะสีขาวเพียงหลังตาลงและสูดหายใจเข้าช้า ๆ และเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง แตรตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือ เขาเป่ามันด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ทันใดนั้น ร่างดำทะมึนหลายพันร่างก็กระโจนขึ้นสู่ท้องฟ้าจากเกาะเล็ก ๆ ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง

หากจะพูดให้ถูกก็คือ พวกมันคือเครื่องบินกระดาษที่มีขนาดสองเมตรพันเครื่อง

และมันก็ลอยไปมาเหนือเกาะราวกับฝูงอีกาที่หิวกระหาย

โดยบนเครื่องบินแต่ละเครื่องจะมีร่างโครงกระดูกสีดำขี่อยู่ แต่พวกมันกลับแตกต่างไปจากวิญญาณจากยุคเซ็งโงกุ โครงกระดูกสีดำพวกนี้สวมชุดคลุมยาวสีขาวและหมวกทรงสูงสีดำ ดั่งเช่นเหล่ายมทูตขั้นยมทูตขาวดำของจีนสวมใหญ่ ร่างกายของพวกมันถูกลุกโชนด้วยเปลวไฟสีเขียวหยก และดูเหมือนจะถูกเชื่อมต่อโดยสายโซ่จำนวนมากจนดูเหมือนกับใยแมงมุมวิญญาณขนาดใหญ่ แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือข้อเท็จจริงที่ว่ามันมีภาพวาดอูกิโยะของผู้หญิงญี่ปุ่นปักอยู่บนอกของชุดคลุมที่โครงกระดูกทั้งหมดสวมอยู่

มันคือภาพของอิซานามิ !

หากอธิบายกลุ่มวิญญาณก่อนหน้านี้เป็นทหารวิญญาณที่อยู่ภายใต้การบัญชาการของเหล่าไดเมียวในยุคเซ็งโงกุ วิญญาณพวกนี้ก็คงจะเป็นสิ่งใดอื่นไปไม่ได้นอกจากกองกำลังของตัวอิซานามิเอง หากพูดกันโดยรวม พวกเขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังแห่งเมืองใต้พิภพ แต่หากเจาะจงมากกว่านี้ วิญญาณพวกนี้สามารถถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังส่วนตัวของอิซานามิเอง !

หรือก็คือ นี่คือไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของอะซะอิ นะงะมะซะ

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกไดเมียวนั้นเชื่อถือไม่ได้ เพราะครั้งหนึ่ง… ข้าเองก็เคยเป็นไดเมียวเช่นกัน” เปลวไฟนรกก็เริ่มหลั่งไหลมารวมกันที่ฝ่ามือของอะซะอิ นะงะมะซะ ก่อนจะกลายเป็นเชือกคุมบังเหียนสีเขียวหยก จากนั้น พร้อมกับเสียงผิวปากที่ยาวนานและการสะบัดเชือกอย่างแรง ม้าโครงกระดูกซึ่งสูงกว่าสามเมตรที่มีเขาหนึ่งข้างอยู่บนหัวก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องล่างของเขา

ฟึ่บ ! เขาชูธงของตระกูลอะซะอิขึ้นกลางอากาศขณะที่จ้องไปยังคลื่นพลังหยินที่พุ่งมาหาตน จากนั้นเขาก็สวมหน้ากากสู้รบและพุ่งตัวออกไปด้านหน้าโดยไม่สนสิ่งใด !

ฟุ่บ !!! ขณะที่ร่างในชุดเกราะขนาดใหญ่พุ่งไปข้างหน้า เครื่องบินกระดาษที่แบกรับกองกำลังส่วนตัวของอิซานามิเองก็พุ่งไปในอากาศตามไปติด ๆ เช่นกัน

“ฆ่า… ฆ่าพวกมันให้หมด !!!” อะซะอิ นะงะมะซะตะโกนด้วยความเคียดแค้นที่อัดแน่นอยู่ภายในใจมาตลอด 400 ปี ดวงตาของเขาลุกโชนด้วยเปลวไฟนรกสีแดงเข้มอย่างน่าหวาดกลัว “ตามฮนดะ ทาดาคัตสึไป ! เพื่อท่านอิซานามิ !!!”