ส่วนที่ 9 ภาคอุ้มท้องหนีรักมหาเศรษฐี ตอนที่ 12 อุ้มท้องหนีรักมหาเศรษฐี (12)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

แล้วหลิงลี่ก็ได้รับบาดเจ็บจริงๆ บนผิวที่อ่อนวัยต่างเต็มไปด้วยรอยแผลเล็กๆ แน่นอนว่าที่หนักที่สุดก็คือรอยแผลบนไหล่ที่ซูเสี่ยวซูเป็นคนกัด คุณอยากรู้ว่าการถูกฟันที่แหลมคมของหุ่นยนต์กัดอย่างแรงรู้สึกอย่างไรไหม? ฉันเตือนคุณว่าอย่าได้ไปลองเลยจะดีที่สุด 

“เทียนเทียน” 

ตอนที่ตู้เฉินเร่งมาถึงในสวนดอกไม้ ซูเสี่ยวซูกำลังกดหลิงลี่อยู่บนพื้นทั้งตัว ใช้กำลังบังคับรักษาบาดแผลให้เขา 

“โอ้ย เธออย่าดิ้นได้ไหม? เดี๋ยวน้ำยาหกหมด” 

เห็นหนุ่มน้อยที่อยู่ใต้ร่างกายตัวเองบิดไปบิดมา หน้าตาโอหังเย่อหยิ่งแบบไม่อยากให้ “ศัตรู” ช่วยเหลือ ซูเสี่ยวซูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอารมณ์ดีสุดๆ เธอไม่อยากให้ฉันรักษา ฉันก็ยิ่งอยากจะรักษาเธอ 

“เธอหลบไป! อย่าแตะต้องลูกชายฉัน!” และในเวลานี้ ตู้เฉินก็มาถึงแล้ว  

สำหรับหุ่นยนตร์ตนนี้ในบ้าน ตู้เฉินรู้สึกรังเกียจมาโดยตลอด โดยเฉพาะตอนที่เขาได้รู้ว่า “เด็ก” คนนี้นั้นกลับคือลูกของซูหว่านกับพี่ชายของตัวเอง ความรู้สึกไม่พอใจในใจก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ซูเสี่ยวซูยังไงเสียก็ไม่ใช้หุ่นยนตร์แบบสู้รบ เหตุผลที่เธอสามารถรังแกหลิงลี่ได้แบบสบายๆ นั้นก็เพราะร่างกายของเธอสูงกว่าหลิงลี่หนึ่งหัว และตอนนี้ถูกตู้เฉินที่สูงกว่าตัวเองเท่าตัวผลักอย่างแรง ซูเสี่ยวซูทั้งคนก็ล้มลงไปเสมือนสูญเสียการทรงตัวทันที 

ฮือ น่ากลัวจังเลย คุณพ่อช่วยด้วย 

“นี่ พ่อผลักเธอทำไม?” 

หลิงลี่เห็นตู้เฉินผลักซูเสี่ยวซูออกไป อดไม่ได้ที่จะถามคำถามออกไปทันที จากนั้นเขากลับมองไปยังด้านหลังของตู้เฉินเหมือนตกตะลึง ซูเสี่ยวซูนั้นไม่ได้ล้มลงบนพื้น แต่ตกเข้าไปในออมอกที่สบายอบอุ่นอันหนึ่ง 

“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” ซูรุ่ยมองตามลงมา มองคนตัวเล็กในอ้อมอกของตัวเองด้วยสายตาอ่อนโยน 

“คุณพ่อ” ซูเสี่ยวซูทำปากเศร้า ในดวงตากลมโตเต็มไปด้วยสายตาที่รู้สึกน้อยใจ “คุณพ่อ ผู้ชายเลวคนนั้นรังแกหนู ฮือๆๆ ซูซูน่าสงสารจังเลย!” 

“ตู้เฉิน!” 

ซูรุ่ยวางลูกสาวที่อยู่ในอ้อมอกลง สายตาเย็นชา พูดออกมาคำหนึ่งด้วยโทนเสียงต่ำ “นายกล่าวคำขอโทษกับซูซู” 

“พี่?” 

ตู้เฉินหันหน้ามามองซูรุ่ยที่อยู่ด้านหลังด้วยสีหน้าไม่น่าเชื่อ “พี่ให้ผมขอโทษหุ่นยนตร์ที่ต่ำต้อยอันหนึ่งหรอ? พี่ใหญ่ พี่บ้าไป……” 

คำพูดของตู้เฉินยังพูดไม่จบ ร่างของซูรุ่ยก็วิ่งมาอยู่ตรงหน้าเขาอย่างฉับพลัน มือใหญ่ที่ยาวเรียวแข็งแรง ออกแรงบีบลำคอของตู้เฉินไว้ “ฉันบอกให้นาย ขอ โทษ!” 

“ตู้หัน คุณใจเย็นหน่อย!” 

ซูหว่านที่เพิ่งวิ่งออกมาจากบ้านพักตากอากาศเห็นการกระทำของซูรุ่ยแล้วรู้สึกรีบร้อนขึ้นมาทันที เมื่อครู่ทั้งสองยังอยู่ชั้นบน สุดท้ายเห็นท่าทางของตู้เฉินใช้แรงผลักซูเสี่ยวซูออกไป ตอนนั้นลมหายใจของซูรุ่ยเปลี่ยนไป เปิดหน้าต่างแล้วทั้งคนก็กระโดดตรงลงมาจากชั้นบน 

ซูหว่านรู้นิสัยอารมณ์ของซูรุ่ยดีม คนที่เขายอมรับนั้นจะไม่อนุญาตให้ถูกใครคนไหนมารังแก แตะผมสักเส้นก็ไม่ได้ 

และตอนนี้ เพียงแค่ซูรุ่ยออกแรงกว่านี้อีกหน่อย เกรงว่าตู้เฉินก็จะไม่รอดชีวิต 

“ตู้หัน คุณรีบปล่อยมือเดี่ยวนี้นะ!” 

ซูหว่านรีบวิ่งมาด้วยความร้อนรนและสับสนวุ่นวาย มองตู้เฉินที่หายใจไม่คล่องสีหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวไปแล้ว เธอก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ยกมือขึ้นสุดแรงทั้งหมดก็ดึงการบีบของซูรุ่ยออกได้ จากนั้นเธอก็ตบหลังของตู้เฉินอย่างร้อนรน “ตู้เฉิน ตู้เฉิน คุณเป็นอย่างไรบ้าง?” 

คุณไอ้ผู้ชายสารเลว อยากตายก็ไปตายไกลๆ หน่อยสิ อย่ามาทำให้ผู้ชายของฉันเดือดร้อนเด็ดขาดนะ 

ถูกต้องแล้ว นี่คือภาพความจริงของความนึกคิดในใจของซูเสียวหว่าน แต่ทั้งหมดนี้กลับเป็นแบบนี้ในสายตาของตู้เฉิน 

ตอนที่ตู้เฉินถูกพี่ชายของตัวเองบีบจนกระทั้งแทบหายใจไม่ออกนั้น สายตาที่ค่อยๆ เลือนลางปรากฏเห็นเงาร่างของซูหว่านที่ร้อนรนทันที ทั้งๆ ที่เธอห่างออกไปตั้งไกล แต่ตู้เฉินกลับมองเห็นความตกใจและความกระวนกระวายใจที่เธอนั้นแสดงออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจอย่างมหัศจรรย์ 

เธอ กำลังเป็นห่วงฉันหรือ? 

ชั่วขณะนั้น ในใจของตู้เฉินสับสนอย่างมาก เขาพยายามที่จะเปล่งเสียงออกมา คิดที่จะดิ้นรนประคับประคองร่างกายของตัวเองไม่หยุด แต่เรี่ยวแรงในร่างกายกลับค่อยๆ หายไป เขาไม่สามารถใช้กำลังเรี่ยวแรงได้เลย หรือว่าพี่ใหญ่จะฆ่าตัวเองจริงๆ หรือ? ทำไมเขาถึงเจ็บแค้นตัวเองขนาดนี้หรือ? ตู้เฉินรู้สึกสับสนมึนงงอยู่หน่อย เขาคิดไม่ตก และเวลาต่อมา เขารู้สึกตัวเองเสมือนมองเห็นความจริงของเรื่องราวต่างๆ  

“ตู้หัน คุณรีบปล่อยมือเดี่ยวนี้!” 

ซูหว่านถึงกับทะเลาะกับพี่ใหญ่เพื่อตัวเขาเองหรือ? ตอนนั้นสีหน้าของพี่ใหญนั้นเปลี่ยนไปหมดแล้ว และซูหว่านกลับยังคงใช้แรงทั้งหมดดึงมือทั้งคู่ของเขาออก ช่วยให้ตัวเขาเองออกมาได้สำเร็จ 

“ตู้เฉิน ตู้เฉิน คุณเป็นอย่างไรบ้าง?” 

ณ เวลานั้น ความร้อนรนในน้ำเสียงของซูหว่าน ความตื่นตระหนกบนสีหน้า และยังมีมือที่อบอุ่นและสั่นระริกของเธอคู่นั้นที่ประคองตัวเขาไว้ ต่างทำให้ใจของตู้เฉินเต้นเร็วไม่เป็นจังหวะ เขาว่าแล้ว เธอยังคงรักตัวเขาเองอยู่ เธอยังคงรักตัวเขามาโดยตลอด…… 

นักเรียนตู้เฉิน ความคิดจินตนาการณ์มากเกินไปนั้นเป็นโรคชนิดหนึ่ง คุณรู้ไหม? 

“แค่กๆ” 

สะบัดหลุดออกจากการบีบของซูรุ่ย ตู้เฉินไอด้วยสีหน้าซีดเซียวไปหลายที เห็นเขายังไม่หยุดหายใจยังกระโดนโลดเต้นได้ ในที่สุดซูหว่านถอนหายใจไปเฮือกใหญ่ ยังดีๆ ยังไม่ถูกทำให้ตายก็ดีแล้ว 

“เสียวหว่าน” 

เวลานี้ ในที่สุดตู้เฉินก็มีเรี่ยวแรงกลับมาบ้างสักนิดแล้ว ยกมือขึ้นก็คิดจะจับมือสวยเรียวดั่งหยกของซูหว่านที่อยู่ข้างกาย แต่ซูรุ่ยที่ยืนอยู่อีกข้างสายกลับตาเย็นเยือกลง ใช้แรงดึงซูหว่านมาอยู่ข้างกายตัวเองก่อน “คุณภรรยา เขาไม่ตายหรอก คุณไม่ต้องไปสนใจเขาแล้ว คุณกับซูซูพาหลิงลี่ไปรักษาที่ห้องคนไข้ชั้นสี่สักหน่อย ตู้เฉิน นายตามฉันมาที่ห้องหนังสือ ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย” 

พูดพลางซูรุ่ยก็ผลักซูหว่านไปอยู่ข้างกายซูเสี่ยวซู เขาจึงหันตัวเดินไปทางของประตูบ้านพักตากอากาศคนเดียว 

คุยสักหน่อยหรือ? 

ตู้เฉินจ้องมองแผ่นหลังของซูรุ่ย สายตาเย็นยะเยือกขึ้นเล็กน้อย เขานั้นก็ควรที่จะคุยกับพี่ใหญ่คนนี้ของเขาสักหน่อยแล้ว 

“เสียวหว่าน ผมไปแล้วนะ” หันหน้ามาพูดกำชับกับซูหว่านด้วยเสียงเบาๆ คำหนึ่ง ตู้เฉินก็รีบก้าวเดินตามฝีเท้าของซุรุ่ยจนทัน 

ซูหว่าน “……” คุณพระเอกนี้เขาป่วยใช่ไหมนี่? ซูหว่านแขวะไปคำหนึ่ง แล้วจึงถึงได้เรียกซูเสี่ยวซูให้มาตรงหน้าของหลิงลี่ 

ตอนนี้หลิงลี่ได้ลุกขึ้นยืนจากพื้นแล้ว สีหน้าของเขาดูสบสนอย่างยิ่ง ช่วยไม่ได้ คนที่ไอคิวสูงนั้นสมองทำงานอย่างรวดเร็วอยู่ตลอดทุกที่ทุกเวลา ไม่แน่ในหนึ่งวินาทีก็สามารถวนรอบโลกได้หนึ่งรอบใหญ่ นั้นคือการเป็นอยู่ที่คนเดินดินธรรมดาอย่างพวกเราไม่สามารถลอกเลียบแบบได้อย่างเด็ดขาด 

“ไปเถอะ ไปชั้นบน จะให้ฉันประคองเธอไหม?” ซูหว่านมองสีหน้าของหลิงลี่ ถามออกไปหนึ่งคำด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม 

“คุณไม่ต้องการการเสแสร้งทำเป็นดีหรอก” หลิงลี่จ้องซูหว่านอย่างเยือกเย็นอีกครั้ง 

ไอ้เจ้าเด็กบ้านี่ 

“พูดอะไรของเธอนะ?” ซูเสี่ยวซูที่อยู่ข้างๆ ทนดูไม่ได้แล้ว มาถึงก็ระเบิดใส่หลิงลี่ “ไอ้เด็กอมมือ เธอถูกกัดยังไม่พอใช่ไหม?” 

หลิงลี่ “……” 

ขอคุยกับเธอหน่อยสิ รอบหน้าเราอย่ากัดคนอีกได้ไหม มันเจ็บมากจริงๆ นะ 

เห็นได้ชัด ฟันที่แหลมคมของซูเสี่ยวซูได้ทิ้งความหลังไว้ในใจของเจ้าหนูหลิงลี่ไว้ไม่น้อย ฉะนั้นขณะนี้เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ หลิงลี่ขมวดคิ้วแต่กลับไม่ได้ตอบโต้กลับอย่างรวดเร็วเหมือนอย่างเดิม 

“ไป ไปก็ไปสิ ไม่ต้องการให้พวกคุณมาประคองผมหรอก” 

หึ! 

หลิงลี่เชิดหน้าขึ้น ก้าวก้าวใหญ่เดินผ่านข้างกายของซูเสี่ยวซูกับซูหว่านไป มองแผ่นหลังที่จากไปของเขา ซูเสี่ยวซูกระพริบตาอย่างได้ใจ “คุณแม่ หนูเก่งมากๆ เลยใช่หรือเปล่า?” 

“ใช่แล้วๆ ซูซูของพวกเราเก่งที่สุดเลย” ซูหวานลูบผมยาวสีดำของซูเสี่ยวซูอย่างสนิมสนมเอ็นดู แล้วถึงได้พาเธอเดินตามหลังของหลิงลี่ออกจากสวนดอกไม้ไป