ตอนที่ 314 รู้ใจกัน

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

“หัวหน้า ไม่ได้ดรอปแหล่งพลังงานล้ำค่าอะไรเลย ดูท่าของชิ้นนั้นจะถูกโยนให้พวกเขาแล้ว” หุ่นรบหนึ่งในนั้นแล่นไปที่ซากหุ่นรบตัวนั้นแล้วตรวจสอบอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่รอให้หัวหน้าสั่งการ จากนั้นค่อยรายงานด้วยความผิดหวัง

ในโลกหุ่นรบ ขอเพียงทำลายหุ่นรบและผู้ควบคุมได้ แหล่งพลังงาน วัตถุดิบ อาวุธ อุปกรณ์ต่างๆ ที่ล้ำค่าในโลกหุ่นรบย่อมตกลงลงมา ดังนั้นขอแค่ตรวจค้นก็สามารถรู้ได้ว่ามีหรือไม่มี

หัวหน้าทีมได้ยินคำกล่าว ในใจก็ผุดโทสะ เขายกปืนลำแสงขึ้นมาแล้วเล็งไปที่ลั่วล่างสามคนทันที กล่าวด้วยเสียงหัวเราะหยันว่า “ไอ้หนู รีบส่งของชิ้นนั้นออกมา ไม่อย่างนั้นเราจะไม่เกรงใจพวกแกแล้วนะ”

ลั่วล่างโยนมันเข้าไปในกระเป๋าหุ่นรบของตัวเองโดยที่ไม่ได้มองของในมือเลย ตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะหยันว่า “ในเมื่อมาถึงมือฉัน ฉันไม่มีทางหยิบมันออกมาอยู่แล้ว ฉันอยากดูว่านายจะไม่เกรงใจพวกเรายังไง” ในเมื่อรู้ว่าลูกพี่อยากสั่งสอนพวกมัน ลั่วล่างย่อมไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายดีๆ แน่นอน

“รนหาที่ตายจริงๆ” โทสะในอกของหัวหน้าทีมลุกโชนมากยิ่งขึ้น หนึ่งครั้ง สองครั้ง การข่มขู่ของเขาถูกพวกทีมหุ่นรบลูกแมวที่มีแค่สามสี่ตัวนี้ขัดขืนกลับมา ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขณะเดียวกันก็ขายหน้ามาก เขาตัดสินใจแล้วว่าจะต้องทรมานไอ้เด็กที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำสามคนตรงหน้านี้อย่างเหี้ยมโหดจนตายให้ได้ ให้พวกเขารู้ว่าพวกเขายังไม่มีคุณสมบัติพอที่คิดจะอวดดี

ยังไม่ทันที่เขาจะพูดว่า ‘ฆ่าทิ้งซะ’ หุ่นรบที่รับหน้าที่เฝ้าระวังอยู่รอบนอกตัวนั้นพลันอุทานขึ้นมาอีกครั้งว่า “หัวหน้า มีหุ่นรบสองกลุ่มโผล่มาอีกแล้ว มีหุ่นรบทั้งหมดหกตัว…”

“เชี่ย!” หัวหน้าทีมอดลอบสบถไม่ได้ เขาที่ยังถือว่ามีสติรู้ว่าไม่สามารถกำจัดหุ่นรบเก้าตัวในคราเดียวได้โดยที่ไม่มีการสูญเสียเลยสักนิดเดียว ดังนั้นจึงสั่งการว่า “เตือนฝ่ายตรงข้ามว่า พวกเราต่อสู้อยู่ตรงนี้ ให้พวกเขาอ้อมไปก็พอ”

นี่คือธรรมเนียมปฏิบัติอย่างหนึ่งในโลกหุ่นรบ เมื่อสองกลุ่มมีความขัดแย้งกัน ไม่อยากโดนหน่วยรบอื่นรบกวนก็จะให้สมาชิกเฝ้าระวังเตือนกลุ่มหุ่นรบที่ไม่เกี่ยวข้องที่ผ่านทางมาว่าให้อ้อมไป ออกห่างจากเขตพื้นที่การต่อสู้ของพวกเขา

หัวหน้าทีมสั่งลูกทีมที่เฝ้าระวังแล้วก็ออกคำสั่งให้ลูกทีมที่อยู่ตรงนี้ว่า “อัดมันหนักๆ เลย”

สาเหตุที่หัวหน้าทีมสั่งลูกทีมให้จู่โจมโดยที่ไม่มีความกังวลใจเลยสักนิดเดียวเป็นเพราะว่า ในใจเขาคิดว่า หุ่นรบหกตัวที่โผล่มานี้จะต้องอ้อมไปแน่นอน เนื่องจากโดยปกติแล้วทีมที่ไม่เกี่ยวข้องจะไม่ยินดีสอดเรื่องคนอื่น อย่างไรก็ตาม เขาไม่คาดคิดเลยว่าหุ่นรบหกตัวที่โผล่มาใหม่นี้จะไม่ใช่สมาชิกทีมที่ไม่เกี่ยวข้อง…

คำสั่งของเขาเพิ่งจะดังขึ้นมา ชั่วพริบตาที่พวกเขายังไม่ทันได้เหนี่ยวไกนั้น ลั่วล่างที่เตรียมพร้อมอยู่นานแล้วก็เคลื่อนไหวก่อนพวกเขาก้าวหนึ่ง จากนั้นสองกำปั้นของเขาต่อยพื้นอย่างรุนแรงก่อนที่ขาจะกวาดเป็นแนวนอนอย่างทรงพลัง หินทรายบนพื้นพลันถูกซัดขึ้นมาปกคลุมศีรษะหุ่นรบสิบสามตัวนั้นราวกับน้ำตก ปิดกั้นสายตาของอีกฝ่ายทั้งหมดไปชั่วขณะหนึ่ง

เมื่อเห็นหินทรายโจมตีปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของอีกฝ่ายก็คือหลบหลีก คิดจะรอให้หลบหินทรายครั้งนี้ผ่านไปก่อน หลังจากที่สายตามองเห็นชัดแล้วค่อยทำการโจมตีอีกครั้ง แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าพวกลั่วล่างสามคนที่เห็นได้ชัดว่ามีจำนวนคนสู้พวกเขาไม่ได้และตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบแน่นอนจะไม่ฉวยโอกาสหลบหนีไปในตอนนี้ หากแต่เลือกตามเข้าไปโจมตี

หินทรายยังไม่ทันได้ตกลงมาจนหมด หัวหน้าทีมก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนสามเสียงดังออกมาจากในช่องสื่อสารของทีม รวมถึงเสียงหุ่นรบกระแทกลงกับพื้นอย่างหนักหน่วงตามหลังมาติดๆ

เสียงที่น่าหวาดหวั่นเหล่านี้ทำให้ในใจพวกลูกทีมเกิดร่องรอยความขลาดเขลาขึ้นมา พวกเขาไม่ได้เลือกบุกโจมตีทันที หากแต่ตัดสินใจป้องกัน ความคิดแรกของพวกเขาก็คือปกป้องตัวเองไว้ก่อน

ในที่สุดหินทรายที่เหมือนกับน้ำตกก็ร่วงลงมาจนหมด ทัศนวิสัยของทุกคนต่างฟื้นกลับมา เวลานี้พวกเขาถึงค่อยสังเกตเห็นว่าเพื่อนร่วมทีมสามคนในกลุ่มพวกเขาล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว ตอนนี้ตำแหน่งห้องคนขับนั้นกำลังมีของเหลวสีแดงแยงตาไหลออกมา ย้อมเม็ดทรายสีขาวบนพื้นจนเป็นสีแดง…

หุ่นรบสามตัวนั้นกำลังยืนอยู่ข้างกายพวกเขา ในมือพวกเขาต่างมีดาบเหล็กอัลลอยด์สูงติดตั้งคู่กับหุ่นรบมาตรฐานอยู่เล่มหนึ่ง บนคมดาบนั้นยังมีเลือดที่ยังหยดลงมาไม่หมด กำลังไหลไปตามคมดาบตกลงสู่พื้น ทุกคนต่างรู้ว่านี่หมายความว่าอะไร เพื่อนร่วมทีมของพวกเขาสามคนไม่รอดชีวิตแล้วแน่นอน

ขณะที่พวกเขาหวาดกลัวและหวั่นใจก็ได้ยินเสียงแค่นหัวเราะของผู้นำฝ่ายตรงข้ามว่า “ความสามารถแบบนี้ยังกล้าพูดว่าจะไม่เกรงใจฉันเนี่ยนะ!” ลั่วล่างที่เดิมทีคิดว่าการที่คนเหล่านี้กล้าทำเรื่องขวางทางปล้นชิงน่าจะมีความสามารถอยู่นิดหน่อยแน่นอน ไม่นึกเลยว่าจะต้านทานไม่ได้แบบนี้ โจมตีครั้งเดียวก็ทำให้พวกเขาแตกความสามัคคี

หัวหน้าทีมได้ยินคำพูดก็แทบจะกัดฟันจนหัก ตอนนี้เขารู้แล้วว่า สามคนนี้ไม่อาจเทียบกับทีมห้าคนที่พวกเขาสังหารได้ เกรงว่าเขาจะเจอกับทีมแข็งเสียแล้ว ถ้ารู้แต่แรกว่าเป็นแบบนี้ เขาจะให้ลูกทีมเฝ้าระวังขัดขวางไว้ตั้งแต่ต้น ให้พวกเขาอ้อมทางไป

อย่างไรก็ตาม เขาเองก็รู้ว่า ต่อให้เวลานี้คิดเรื่องพวกนี้อีกสักแค่ไหนก็สายไปแล้ว เขากับอีกฝ่ายไปถึงขั้นไม่ตายไม่เลิกราเสียแล้ว ไม่ต้องพูดถึงแหล่งทรัพยากรล้ำค่าที่เขาปรารถนาในมืออีกฝ่ายเลย ลูกทีมสามคนที่สละชีพตรงหน้าเขา เขาก็ต้องรับผิดชอบพวกเขา แก้แค้นให้พวกเขา

ทว่าเขายังไม่ได้สั่งการ ทันใดนั้นลำแสงหกสายพลันจู่โจมลงมาจากทางอากาศ ยิงใส่หุ่นรบหกตัวที่ยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนองโดยตรง หุ่นรบหกตัวนี้ระเบิดพร้อมกันโดยไม่ต้องสงสัยเลยสักนิดเดียวกลายเป็นซากหนึ่งกอง เวลาหลายวินาทีสั้นๆ ทางฝั่งหัวหน้าทีมก็ถูกกำจัดหุ่นรบไปแล้วเก้าตัว หุ่นรบสิบสามตัวจากเดิมที่เป็นขุมกำลังใหญ่กว่าลดลงเป็นหุ่นรบสี่ตัวทันที ความได้เปรียบหายไปแล้ว

หัวหน้าทีมมองออกไปไกลๆ ด้วยความสิ้นหวังก่อนจะเห็นหุ่นรบหกตัวที่ในใจเขาคิดว่าน่าจะอ้อมไปแล้วได้ลงมาที่เบื้องหน้าของเขาราวกับเทพก็ไม่ปาน

“ทำไมพวกนายต้องสอดเรื่องนี้ด้วย?” หัวหน้าทีมเอ่ยถามด้วยความขมขื่น เขารู้ว่าจุดจบที่รอเขาอยู่คืออะไร เพียงแต่เขาคิดไม่ออกอยู่บ้าง ดังนั้นเลยอยากถามให้เข้าใจ ไม่อย่างนั้นเขาคงตายตาไม่หลับ

“ไม่ใช่ว่าพวกเราอยากสอดเรื่องนี้หรอกนะ แต่ว่าพวกเราจำเป็นต้องสอด เพราะสมาชิกทีมของเราถูกนายขวางไว้” หลิงหลานตอบกลับอย่างเฉยชา เดิมทีเธอคิดว่าอีกฝ่ายจะนำความยุ่งยากมาให้พวกเขาเล็กน้อย แต่ไม่นึกเลยว่าไม่มีความยากเลยสักนิดเดียว ดูท่าความหวังที่จะฝึกฝนทีมของเธอคงจะล้มเหลวแล้ว

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง…” ในที่สุดหัวหน้าทีมก็เข้าใจความสิ้นหวังของการมั่นใจในตัวเองมากเกินไปจนทำพลาดด้วยความประมาทเลินเล่อ โชคร้ายของเขาแย่มากเกินไปจริงๆ ไปยั่วโมโหทีมที่แข็งแกร่งสุดยอดเสียแล้ว

ขณะที่ทุกคนคิดว่าหัวหน้าทีมจะยอมแพ้แต่โดยดี ไม่นึกเลยว่าเพิ่งจะขาดคำ จู่ๆ หุ่นรบที่สามารถต่อสู้ได้สี่ตัวที่เหลืออยู่ก็จู่โจมฉับพลัน ดูเหมือนพวกเขารู้ว่ายากจะหลบหนีเภทภัยแล้ว ดังนั้นจึงทำเพียงต่อสู้จนตกตายด้วยกันทั้งสองฝ่าย คิดจะลากเหยื่อไปด้วยอีกหลายคน

คนที่พวกเขาเลือกโจมตีก็คือหลิงหลานกับจีอู๋ปู้ซิวนี่เอง เนื่องจากในหมู่หุ่นรบเก้าคนมีหุ่นรบระดับกลางเพียงสองตัวซึ่งก็คือพวกเขาสองคน ในสายตาของอีกฝ่าย อยากจะสังหารผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูงโดยที่อาศัยพวกเขาสี่คนยังคงยากลำบากอยู่บ้าง แต่ถ้าสังหารผู้ควบคุมหุ่นรบระดับกลางสองคนที่ระดับต่ำกว่าพวกเขาละก็ พวกเขายังสามารถทำได้

อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดพวกเขายังคงผิดหวังอยู่ดี เนื่องจากผู้ควบคุมหุ่นรบที่พวกเขาคิดว่าจัดการง่ายมากที่สุด หนึ่งในนั้นก็คือหลิงหลานลูกพี่ของทีม เป็นคนที่พวกฉีหลงยอมรับโดยทั่วกันว่าแข็งแกร่งมากที่สุด ต่อให้ควบคุมหุ่นรบระดับกลางก็เป็นลูกพี่ที่น่ากลัวสามารถทารุณพวกเขาอย่างโหดเหี้ยมได้

ส่วนอีกคน ถึงแม้ว่าจะเป็นหุ่นรบระดับกลางเหมือนกัน แต่เขาเป็นช่างพัฒนาหุ่นรบอัจฉริยะ การควบคุมของช่างพัฒนาหุ่นรบอาจจะไม่ได้ดีมาก แต่หุ่นรบนั้นย่อมไม่มีทางเรียบง่ายเหมือนกับภายนอกแน่นอน….

หลิงหลานพุ่งตัวหลบครั้งสองครั้งด้วยความคล่องแคล่ว ไถลออกเป็นเงาสายหนึ่ง หลบการโจมตีเหล่านี้อย่างสบายๆขณะเดียวกันจีอู๋ปู้ซิวไม่ได้ขยับเขยื้อนเลยสักนิดเดียว เขาแค่ยกแขนขวาของหุ่นรบขึ้นมาอย่างเรียบง่าย เกราะที่เดิมทีทั้งหนาทั้งหนักตรงข้อศอกพลันกางออกมาเป็นร่ม พริบตาเดียวก็สร้างเป็นโล่วงกลมขนาดใหญ่ ด้านบนยังปล่อยรัศมีแสงไร้สีสันที่คล้ายมีคล้ายไม่มีออกมาชั้นหนึ่ง

ลำแสงเย็นที่ยิงเข้ามาถูกโล่วงกลมกสกัดไว้ทันที ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรเลยสักนิดเดียว อย่างไรเสีย เนื่องจากได้รับลำแสงเย็นเหล่านี้ แสงเลือนรางบนโล่นั้นก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนจากแต่เดิมที่มองเห็นไม่ชัดมาเป็นสว่างทึบแสงขึ้นมา

หลิงหลานเห็นดังนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในใจยากจะข่มความรู้สึกประหลาดใจไว้ โล่ของจีอู๋ปู้ซิวไม่ได้ธรรมดาเหมือนอย่างที่เห็นภายนอกเลย ในฐานะที่เขาเป็นช่างพัฒนาอัจฉริยะ จีอู้ปู้ซิวไม่ได้สิ้นเปลืองพรสวรรค์ของเขาเลย

ทางฝั่งหลิงหลานกับจีอู๋ปู้ซิวเพิ่งจะหลบการโจมตีของลำแสงพวกนี้พ้น ทางด้านหัวหน้าทีมนั้นก็ไม่มีโอกาสโจมตีเป็นครั้งที่สองอีกต่อไปแล้ว หุ่นรบสี่ตัวไม่เพียงพอที่จะแบ่งไปหาคนอื่นๆ อีกหลายคน ฉีหลง ลั่วล่าง เซี่ยอี๋และหลี่หลานเฟิงใช้อาวุธเย็นของตัวเองสังหารหุ่นรบสี่ตัวที่เหลืออยู่อย่างหมดจดแทบจะพร้อมกันก่อนพวกเขาหนึ่งก้าว ต่อให้หัวหน้าทีมที่แข็งแกร่งมากที่สุด เมื่ออยู่ภายใต้การโจมตีที่รวดเร็วและทรงพลังของฉีหลงก็เป็นเพียงคู่ต่อสู้ที่ลงมือเพียงรอบเดียวเท่านั้น

พูดได้แค่เพียง ทีมที่ชอบการปล้นชิงกลุ่มนี้ชื่นชอบการซุ่มโจมตีมาคว้าชัยชนะมากเกินไป ดังนั้นความสามารถในการต่อสู้ของหุ่นรบเพียงอย่างเดียวจึงดูอ่อนด้อยสุดขีด ทำให้ฉีหลงที่ชอบการต่อสู้อย่างดุเดือดไม่สบอารมณ์สุดขีดเลยอดตะโกนด้วยความหดหู่ใจไม่ได้ “เชี่ย สวะมากเกินไปแล้ว สู้ได้ไม่สะใจเลยจริงๆ”

“อ่อนไปหน่อย!” หลิงหลานเห็นด้วยกับคำพูดของฉีหลง แต่เธอมองไปยังหลี่หลานเฟิงด้วยแววตาเปล่งประกาย การโจมตีสุดท้ายของพวกเขาเมื่อสักครู่นี้ทำให้หลิงหลานประหลาดใจแกมยินดีอย่างยิ่งยวดโดยไม่ต้องสงสัย “แต่พวกเรายังบรรลุหนึ่งในเป้าหมายของเราอยู่นะ การโจมตีของพวกนายเมื่อตะกี้นี้เข้าขากันดีเยี่ยม บุกจู่โจมด้วยกัน ไม่ได้ตัดสินใจซ้ำซ้อน เห็นได้ว่ายังรู้ใจกันมาก”

สิ่งที่ทีมกลัวมากที่สุดคือการที่ระดับความรู้ใจกันไม่มากพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่สมาชิกทีมคนใหม่ได้เข้าร่วม หลิงหลานไม่ได้แปลกใจที่ฉีหลง ลั่วล่างและเซี่ยอี๋สามคนเข้าขากันรู้ใจกัน แต่ชีตาห์สามารถตัดสินว่าคนที่พวกเขาเลือกโจมตีได้ในพริบตา และเลือกคนที่เหลืออยู่นั้นทำให้หลิงหลานรู้สึกพึงพอใจและชื่นชอบใจ ชีตาห์ไม่ได้ทำให้เธอผิดหวังจริงๆ

“ไม่เลวเลยนี่นา เนี่ยนเทียนโหยวเหริน ครั้งหน้าเรามาร่วมมือกันอีกนะ” ฉีหลงเอ่ยพลางหัวเราะอย่างตรงไปตรงมา เขาไม่คาดคิดเหมือนกันว่า เนี่ยนเทียนโหยวเหรินที่เพิ่งจะเข้ามาจะร่วมมือกับพวกเขาได้แยบยลเช่นนี้ นี่ทำให้ฉีหลงรู้สึกประทับใจเนี่ยนเทียนโหยวเหรินมาก

ลั่วล่างผงกศีรษะ บ่งบอกว่าเห็นด้วยกับความคิดของฉีหลง ส่วนเซี่ยอี๋ที่เดิมทีมีสถานะเป็นคนที่มาทีหลังเหมือนกันก็มีความรู้สึกดีต่อเนี่ยนเทียนโหยวเหรินมากมาตั้งแต่แรกแล้ว จึงไม่ได้มีการคัดค้านเหมือนฉีหลงกับลั่วล่างขนาดนั้น เมื่อเขาได้ยินคำพูดก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ รู้สึกดีใจแทนเนี่ยนเทียนโหยวเหริน

“นี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ หวังว่าครั้งหน้าเราก็รู้ใจกันแบบนี้ได้นะ” เนี่ยนเทียนโหยวเหรินตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้เขาบอกว่าบังเอิญ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ สาเหตุที่เขาร่วมมือกับอีกสามคนได้ดีขนาดนี้เป็นเพราะว่าเขาทำการตัดสินใจที่แม่นยำก่อนที่จะโจมตี

———————————–