หลี่จิ่นรูปร่างสูงใหญ่กำยำเป็นพิเศษ ไม่เหมือนโม่ถิง เขาไม่ได้มีท่าทีสง่างามที่ดูสูงส่งและน่าเกรงขาม แต่กลับเย็นชาจนชวนให้คนที่เข้าใกล้ต้องหายใจไม่เป็นจังหวะและไม่กล้าปริปากพูดสิ่งใดออกมา
ชื่อหลี่จิ่นของเขาฟังดูเหมือนชื่อเจ้าชายสักคนจากอาณาจักรโบราณ แต่มันก็เข้ากับบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงอย่างเขาได้ดี
หลินเฉี่ยนกำลังนั่งอยู่บนรถของเขา แม้กระทั่งถึงบัดนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองไปเอาความกล้าที่จะก้าวขึ้นมาบนรถจากที่ไหน
“ฉัน… ฉันไม่อยากให้รบกวนเวลาของคุณมาก เราคุยกันในรถก็ได้ค่ะ” หลินเฉี่ยนเอ่ยอย่างสงวนท่าทีเอาไว้เล็กน้อย เธอหวาดระแวงด้วยหากหลี่จิ่นยื่นมือออกมาเขาสามารถคว้าคอเธอไว้อย่างง่ายดาย
“ผมไม่ชอบให้คนพูดเรื่องจริงจังในรถของตัวเอง มันน่ารำคาญ” หลี่จิ่นปฏิเสธ
หลินเฉี่ยนชะงักและปิดปากเงียบ
บรรยากาศในรถพลันเย็นยะเยือกขึ้นมา เธอกระแอมในลำคอ พยายามหาเรื่องมาคุยกับเขา แต่ก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยากจะเสวนากับเธอแม้แต่น้อย
เขาเป็นชายคนที่สองที่ทำให้เธอกลัวจนต้องสูดหายใจเข้าลึก ส่วนคนแรกคือโม่ถิง
แน่นอนว่าเทียบกับหลี่จิ่นแล้ว โม่ถิงดูอันตรายกว่ามาก บางทีอาจเป็นเพราะหน้าที่การงานของหลี่จิ่น เธอจึงรู้สึกปลอดภัยมากกว่าเมื่ออยู่ใกล้เขา
ทั้งสองมาถึงร้านอาหารไม่เวลานานหลังจากนั้น ทันทีที่พวกเขานั่งลงหลินเฉี่ยนก็ถามขึ้น “ตอนนี้ฉันพูดได้หรือยังคะ”
เขานั่งลงตรงข้ามเธอก่อนจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย “เชิญครับ”
“ฉันรู้สึกว่าคุณรู้บางอย่างที่ไม่ได้บอกฉัน”
“ภาพวงจรปิดที่ผมให้คุณไปคือทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครับ” หลี่จิ่นตอบ “ผมต้องขอโทษด้วย”
หลินเฉี่ยนออกอาการอึกอักอยู่ในใจอย่างถึงที่สุด เขาจะพูดจาให้อ่อนโยนกว่านี้ไม่ได้เลยเหรอ เขาต้องพูดกับผู้หญิงเหมือนตัวเองกำลังฝึกใครบางคนในกองทัพด้วยหรืออย่างไร
“ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่ผมก็ขยายภาพและเห็นว่ารถพอร์ชสีดำของลัวเซิงแก๊สใกล้หมดแล้ว คงไปไม่ได้ไกลกว่าสามสิบกิโล อีกอย่างคนร้ายก็ไม่มีทางเลือกนอกจากขับรถไปนอกเมืองเพื่อหลีกเลี่ยงกล้องวงจรปิด ดังนั้นถ้าผมเดาไม่ผิด คนร้ายจะต้องจอดรถอยู่ที่ปั๊มน้ำมันใกล้ๆ แยกเฮยสุ่ยแน่ๆ ไม่อยากนั้นก็คงถูกทิ้งอยู่แถวนั้นๆ แหละครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลินเฉี่ยนพยักหน้ารับ “ทางตำรวจก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ แต่พวกเขาก็ไม่เจอเบาะแสอะไรเลย”
“ถ้าคนร้ายไม่ได้ทิ้งรถหรือจอดที่ปั๊มน้ำมัน ก็มีความเป็นไปได้อื่นครับ เขาอาจจะขับรถกลับไปที่บ้านของเขาหรือสถานที่ที่คุ้นเคย ลองตรวจสอบคนในวงการบันเทิงที่อาศัยอยู่แถวนั้นดูก็ได้ครับ ผมมั่นใจว่าคุณจะพบร่องรอยบางอย่างแน่นอน”
เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เอาไว้เลย
หลินเฉี่ยนจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา คนในกองทัพนี่ช่างแตกต่างออกไปจริงๆ
ในจังหวะที่เธอกำลังจะกล่าวขอบคุณหลี่จิ่น เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
เขาหยิบโทรศัพท์และออกไปรับสายด้านนอก หลังจากที่เดินกลับมาจึงได้เอ่ยกับหลินเฉี่ยน “ผมขอโทษด้วย อยู่ๆ ก็เกิดเรื่องขึ้น ผมจะพาคุณไปส่งที่บ้านก่อนนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้” หลินเฉี่ยนโบกมือไปมาพัลวัน
“ไม่ครับ ผมจะไปส่งคุณ” หลี่จิ่นยืนกราน
เธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากพูดขึ้น “ก็ได้ค่ะ ถ้ามันจำเป็นสำหรับคุณ อย่างนั้นก็พาฉันไปส่งที่บริษัทก็ได้ค่ะ อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากเท่าไร”
หลินเฉี่ยนเข้าใจว่าหลี่จิ่นมีหน้าที่ที่จำเป็นต้องไปทำ อีกอย่างเธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดคุยกับเขาตลอดมื้ออาหารนี้อย่างไรดีด้วย คงได้แข็งตายจากความเย็นชาของเขาเป็นแน่
หลังจากนั้นหลี่จิ่นไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกจนกระทั่งพวกเขากลับมาอยู่ในรถที่วิ่งบนท้องถนนและเกือบจะถึงเอเจนซี่ของหลินเฉี่ยน “ก่อนหน้านี้แม่ของผมเอารูปคุณมาให้ผมดู…”
“…” เธอนิ่งค้างไป
“ถ้าคุณพอจะมีเวลา ไปทานมื้อเย็นด้วยกันนะครับ…”
หลินเฉี่ยนอยากจะอธิบายว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะไปยุ่งเกี่ยวกับการจับคู่เลยสักนิด
หากแต่ทันทีที่เขาส่งเธอลงจากรถ เจ้าตัวก็หันหลังจากไปทันที
สุดท้ายหลินเฉี่ยนได้แต่บอกสิ่งที่หลี่จิ่นพูดไว้กับทางตำรวจ พวกเขาออกตามสืบอีกครั้งทันที ในขณะเดียวกันหลังจากได้ยินเรื่องนี้ ถังหนิงทำเพียงตอบกลับมา “นักแสดงที่ถูกเอามาแทนลัวเซิงในเรื่องเปลวเพลิงดูมีพิรุธ”
พูดอีกอย่างคือถังหนิงกำลังบอกให้บวกเขาจับตาดูผู้ชายคนนี้เอาไว้
จริงๆ แล้วเธอเองตั้งข้อสงสัยไว้แล้ว แต่ต้องหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความคิดของตัวเอง
ถึงอย่างไรเธอก็ไม่อาจปล่อยให้ลัวเซิงต้องทุกข์ทรมานอยู่เพียงลำพัง เธอจะทำให้คนร้ายต้องชดใช้คืนเป็นร้อยเท่า นี่คือสิ่งที่เธอให้สัญญาไว้กับลัวเซิง
ไม่นานหลงเจี่ยก็พบช่องทางติดต่อกับคนรู้จักของเธอ รายชื่อศิลปินที่มีที่พักอยู่ในแยกเฮยสุ่ย ทว่าเธอไม่ได้ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ให้คนร้ายได้ไหวตัวทัน แต่กลับส่งข้อมูลให้ทางตำรวจโดยตรงและบอกให้เขาจับตาดูความเคลื่อนไหวของบ้านหลังนั้นเอาไว้ ในที่สุดหลังจากนั้นสองวัน ตำรวจก็เห็นว่ามีใครบางคนขับรถพอร์ชสีดำออกมาจากบ้าน
เขาหมายจะเผาทำลายรถในกลางดึกคืนนั้นแต่ถูกตำรวจจับได้เสียก่อน
คดีคลี่คลายมาได้ส่วนหนึ่งให้ตำรวจมีหลักฐานเพียงพอที่จะหาตัวคนร้ายได้ หลังจากตามสืบต่อทางเจ้าหน้าที่จึงมีหลักฐานมัดตัวที่จะจับกุมลุงของนักแสดงที่มาแสดงแทนลัวเซิง ผู้ชายคนที่ใช้นามสกุลเจิ้ง
เพื่อช่วยให้หลานตัวเองได้ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เขาตัดสินใจเอาตัวเองมาเลี่ยง นึกว่าทำลายรถแล้วจะไม่มีใครรู้ว่าทำอะไรลงไป ทว่าช่างน่าเสียดาย
ไม่ควรมีใครทำเหมือนกับว่าตำรวจเป็นคนโง่เง่าและคิดว่าจะหลอกพวกเขาได้
ไม่นานตำรวจได้แถลงว่าคดีของลัวเซิงได้รับความกระจ่างและคนร้ายก็ยอมรับสารภาพแล้ว
ผู้ที่ลงมือคือลุงของนักแสดงคนหนึ่ง เจิ้งเหวยหราน ด้วยเหตุนี้นักแสดงคนนี้ถึงได้รับบทนำในเรื่องเปลวเพลิง หมายความว่าอย่างไรกัน มันหมายความว่าลุงเจิ้งจงใจทำให้ลัวเซิงบาดเจ็บและแย่งงานมาอย่างไรล่ะ
ภายในห้องสอบปากคำ ลุงเจิ้งยอมรับว่าเขาเป็นคนวางแผนทุกอย่างและเรื่องทั้งหมดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลานของเขา หลานของเขาไม่ได้รู้เห็นอะไรแม้แต่น้อย
เพราะทางตำรวจมีเพียงหลักฐานที่ชี้ถึงความผิดของชายคนนี้ สุดท้ายพวกเขาจึงทำได้เพียงดำเนินคดีกับเขา
เจิ้งเหวยหรานเป็นคนฉลาด ทันทีที่รู้ว่าลุงของตัวเองถูกจับ เขาก็โทรไปหาลัวเซิงเพื่อขอโทษและเสนอว่าจะคืนบทให้กับเขาหากยอมปล่อยลุงของตัวเองไป
เขาโยนความผิดไปให้คนอื่นอย่างหน้าด้านๆ
ทว่าถังหนิงไม่ยอมปล่อยให้เขารอดไปได้พร้อมโต้กลับ “ลัวเซิงกำลังจะร่วมแสดงเรื่องของเลียนแบบ เพราะฉะนั้นนายเก็บเปลวเพลิงเอาไว้เองเถอะ นายอ้างว่าตัวเองไม่รู้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่ก็เคยหลุดออกมาระหว่างที่พูดกับลัวเซิงว่ารู้ว่ารถของเขาถูกขโมยไป ทั้งที่ตำรวจเองไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้กับสาธารณะ ถ้านายไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย นายจะรู้ได้ยังไง
“นายอาจจะเลี่ยงกฎหมายไปได้เพราะลุงของนายยินดีจะรับผิดไว้เอง แต่นายไม่มีทางหนีกฎแห่งกรรมไปได้หรอกนะ…
“ส่วนเรื่องที่นายแย่งบทนำไป นายทำร้ายลัวเซิงและเกือบจะทำให้เขาตาบอด จู้ซิงมีเดียจะไม่มีวันยกโทษให้ ลัวเซิงก็เช่นกัน…
“หยุดทำตัวน่าขยะแขยงและเลิกทำตัวน่าสงสารได้แล้ว มันไม่ได้ผลหรอก”
ถังหนิงทำการแถลงข่าวอย่างเรียบง่าย หากแต่เธอได้บอกกับทุกคนอย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ทั้งยังเตือนพวกเขาไม่ให้ทำตัวโง่ๆ ก่อนที่เธอจะเปิดเผยรายงานการรักษาของลัวเซิงให้พวกเขาเห็นถึงอาการบาดเจ็บของเขา เธอต้องทำให้ทุกคนตกใจเพื่อให้พวกเขารู้สึกเกลียดชังฝ่ายที่จู่โจมเข้ามา
อย่างที่คาดการณ์ไว้ ทันทีที่ประกาศของจู้ซิงมีเดียถูกปล่อยออกมา ไม่มีใครสามารถต้านทานผลลัพธ์ของมันได้ เปลวเพลิงจึงได้รับผลกระทบจนไม่มีทางเลือกนอกจากยุติการถ่ายทำเอาไว้ในท้ายที่สุด
ถึงอย่างไร พวกเขาก็เป็นคนลวงโลกและมีหนึ่งในพวกเขาที่เป็นคนร้าย ด้วยเรื่องฉาวโฉ่มากมายที่เกี่ยวพันกับพวกเขา ใครยังจะอยากดูละครของพวกเขากันอีก