บทที่ 6 เลื่อนขั้นระดับสาม!
หลังซูเย่จากมา
ฮั่วชือฉิงที่เดินออกมาจากห้องมองไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นเงาของซูเย่จึงรีบถามทันที
“เอ๊ะ? ไปไหนแล้ว?”
“เพิ่งออกไป”
“ไปแล้วงั้นเหรอ?”
ฮั่วชือฉิงอึ้งค้าง “เขาช่วยเราเสียขนาดนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ควรที่จะอยู่ให้เราเลี้ยงขอบคุณสักมื้อ อยู่พักให้หายเหนื่อยก่อนแล้วค่อยไปสิ อีกอย่างฉันยังไม่ทันจ่ายค่ารักษาเลย”
“เธอวางใจเถอะ เขายังหนุ่มยังแน่น ร่างกายก็แข็งแรงดีอยู่ ยิ่งไปกว่านี้เจ้าเด็กนั่นทำอะไรรู้หนักเบา ไม่ต้องกังวล ส่วนค่ารักษา เขาชอบบริจาคเงินอยู่เสมอ มองเงินเหมือนกองอาจม เขาไม่สนใจหรอก” หลี่เคอหมิงเอ่ย
“ไม่รับเงินงั้นเหรอ ถ้างั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปหาปู่ของฉันให้รับซูเย่เป็นลูกศิษย์!”
“ไม่ต้องวุ่นวายหรอก” หลี่เคอหมิงส่ายหน้าพร้อมยิ้มปริศนา “เขาเป็นอยู่แล้ว”
“หืม?” ฮั่วชือฉิงอึ้งค้าง สีหน้าแสดงความตกตะลึง
……
อีกด้านหนึ่ง ซูเย่ที่นำโอสถมาด้วย ไม่ได้กลับไปเมืองจี้หยาง แต่มุ่งหน้าออกจากเขตเมือง เข้าสู่ป่าลึกในเขา
หลังจากหาสถานที่ที่เหมาะสมในการนั่งเพื่อฝึกฝนแล้ว เขาก็วางค่ายกลรวบรวมปราณเพื่อดูดซับและฟื้นฟูพลังปราณของตัวเองอย่างเต็มที่ จากนั้นจึงกลืนโอสถคืนวิญญาณลงไปทันที
โอสถคืนวิญญาณละลายทันทีที่กลืนลงไป กลายเป็นกระแสพลังงาน ซึ่งแทรกซึมเข้าทั่วร่างกายทันทีภายใต้การนำทางของเนตรสวรรค์ จุดลมปราณทั้งสิบสองของระดับสองถูกทะลวงอย่างเสร็จสมบูรณ์!
ซูเย่รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งร่าง แรงดึงดูดอันทรงพลังพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา พลังปราณระหว่างสวรรค์และโลกที่รวมตัวกันถูกดูดเข้าสู่ร่างกาย จนเจ้าตัวมองเห็นอย่างชัดเจนถึงพลังอันมหาศาลซึ่งถูกกักเก็บอยู่ในร่างกายของเขา
แข็งแกร่งมากกว่าหนึ่งเท่าจากระดับ 3 ทั่วไป!
“นี่คือพลังของอีกสามจุดพิเศษที่เกินมางั้นเหรอ?”
ซูเย่รู้สึกประหลาดใจ ไม่ได้เร่งรีบในการทำให้ระดับมั่นคง เขาพินิจพิเคราะห์ร่างกายโดยตรงด้วยเนตรสวรรค์! ระดับแรกมี จุดลมปราณ 720 จุด ในระดับที่สองมี 12 จุด ระดับที่สามจะมีอะไรอีกบ้าง
ภายใต้เนตรสวรรค์ ซูเย่สัมผัสถึงเส้นลมปราณในร่างกายของเขาอย่างชัดเจน
สามเส้นหยางมือ สามเส้นหยางเท้า นี่คือเส้นหยางหกเส้นที่ต้องทะลวงเมื่อขึ้นระดับ 3
ภายใต้เนตรสวรรค์ เส้นหยางทั้งหกนี้ส่องแสงด้วยพลังปราณ และดูแตกต่างไปจากสองระดับก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
ระหว่างตรวจดูเส้นลมปราณ ซูเย่ก็ต้องตะลึงเป็นอย่างมาก
“หืม?”
เขาพบว่ามีเส้นที่เชื่อมต่อกันมากมากมายระหว่างเส้นหยางทั้งหก! เส้นเหล่านี้แตกต่างจากเส้นลมปราณหลัก การไหลเวียนโดยทั่วไปจะไหลเวียนในเส้นลมปราณเดิม แต่เส้นเหล่านี้หลังจากออกจากเส้นหยางจะหมุนเวียนในร่างกายโดยตรง แล้วกลับสู่เส้นหยางอีกครั้ง
เส้นเหล่านี้ยังมีแสงสว่างไสวเรืองรอง
“นี่คือเส้นลมปราณสาขา?”
ซูเย่ประหลาดใจเป็นอย่างมาก ในฐานะแพทย์แผนจีน เขาย่อมรู้ดีถึงการมีอยู่ของเส้นลมปราณสาขา แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าปราณจะไหลเวียนผ่านเส้นลมปราณสาขาได้ !
…การที่พลังปราณไหลเวียนผ่านเส้นลมปราณสาขาที่เชื่อมอยู่ในเส้นลมปราณหลัก นี่คือสิ่งที่การฝึกปราณโบราณไม่เคยปรากฏมาก่อน!
ถ้าเขาสามารถทะลวงเส้นลมปราณสาขาย่อยได้จริง ๆ ประสิทธิภาพการใช้ปราณของเขาย่อมจะดีขึ้นอย่างมาก และเหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับเดียวกันอย่างแน่นอน!
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้มุมปากของซูเย่ยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเริ่มทำให้ระดับของตนมีความมั่นคงในทันที ในไม่ช้า ซูเย่ก็ตื่นขึ้นจากการฝึกฝนของเขา
“ในที่สุดก็มาถึงระดับสามแล้ว!”
“ตอนนี้น่าจะมีสิทธิ์รู้ความลับของ Fantasy Dream แล้วสินะ”
ซูเย่ยกยิ้มขึ้น เมื่อมองดูเวลา มันก็ใกล้ 4 โมงเย็นแล้ว เขาจึงควักโทรศัพท์มือถือออกมาและต่อสายหาหวังห่าวทันที
“ฮัลโหล”
“ผมเลื่อนขั้นเป็นระดับสามแล้ว”
ซูเย่กล่าว
“อ่อ อืม… ห๊ะ อะไรนะ? นายบรรลุเป็นระดับสามแล้วงั้นเหรอ?”
เสียงหวังห่าวที่ดังขึ้นเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง
ระดับสามแล้ว? เร็วขนาดนี้เชียวหรือ?
“ตอนนี้พอจะบอกเรื่องเกี่ยวกับ Fantasy Dream ให้ผมได้หรือยังครับ?” ซูเย่ถามขึ้นทันที
หวังห่าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะคุยผ่านโทรศัพท์แล้วเข้าใจได้ทันที ที่ฉันสามารถบอกนายได้ก็คือ รอนายเลื่อนถึงระดับสาม เปิดสามเส้นลมปราณแล้ว ก็จะสามารถเข้าไปได้”
เข้าไปได้เลย?
ซูเย่ดวงตาวาวโรจน์
“ตอนนี้ฉันกำลังออกมาปฏิบัติภารกิจ พูดนานไม่ได้ ไปฉลองปีใหม่เถอะ ส่วนรายละเอียด ไว้รอนายถึงระดับสามเปิดสามเส้นลมปราณฉันจะบอกทีเดียวเลย แค่นี้นะ”
เมื่อพูดจบก็ตัดสาย และในทันทีที่วางสายก็สบถออกมาทันที
“เชี้ย! ระดับสามเร็วขนาดนี้เลย ฉันต้องรีบแล้ว จะให้เจ้าเด็กนั่นแซงหน้าไม่ได้!”
คนเราช่างไร้สัจจะ รางวัลที่เลื่อนขั้นยังไม่ทันได้พูดเลย ซูเย่ส่ายศีรษะ ดูเหมือนว่าทางการคงจะวางแผนไว้เป็นลำดับขั้น
คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์
ระดับหนึ่งขึ้นสังเวียนประลอง
ระดับสองโหมดไล่ฆ่า
ระดับสามได้รู้เกี่ยวกับ Fantasy Dream ที่แท้จริง
ระดับสาม สามเส้นลมปราณ ได้เข้าสู่โลก Fantasy Dream ที่แท้จริง
แต่ละก้าวนี้ หากคิดตามความเร็วการฝึกธรรมดา คงไม่สามารถไปถึงระดับสามได้ และไม่อาจรู้ความลับของโลก Fantasy Dream ที่แท้จริงไปตลอดชีวิต
แต่ตอนนี้ความลับของโลก Fantasy Dream กำลังจะปรากฏออกมา …ดูเหมือนว่าเขาจะต้องช่วยทุกคนปรับปรุงความแข็งแกร่งของพวกเขาโดยเร็วที่สุด!
ซูเย่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและเปิดแชทกลุ่ม ‘มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ออกกลุ่มแชทไป’ ของรูมเมททั้งสองทันที
“กระจายข่าวด้วย คืนนี้ฉันจะสอนบางอย่าง” หลังจากส่งข้อความออกไป ชายหนุ่มก็รุดกลับไปที่เมืองจี้หยางทันที
เมื่อซูชือเห็นข้อความ ดวงตาของเขาพลันเป็นประกาย และรีบส่งข่าวไปยังแชทกลุ่มพรรคถู่โช่วจย้าเทียนทันที
“@ทุกคน คืนนี้สามทุ่ม มารวมกันป่าข้างมหาวิทยาลัย ซูเย่อยากสอนสิ่งดีๆ ให้ทุกคน!”
เมื่อเห็นข้อความนี้ ทุกคนก็ตื่นเต้นในทันใด ความหวังที่วาดฝันไว้ในที่สุดก็มาถึง!
“รับทราบ”
“รับทราบ +1!”
“รับทราบ +10086!”
……
เวลาสามทุ่ม คน 74 คนรวมถึงซูเย่ พวกเขาทั้งหมดมาที่ส่วนลึกของป่าเล็กๆ ในเขตมหาวิทยาลัย ณ ที่โล่งที่พวกเขาใช้ค่ายกลรวบรวมปราณครั้งล่าสุด
“นายคิดดีแล้วเหรอว่าจะสอนอะไร”
เมื่อเห็นว่าซูเย่เดินมาถึง ไป๋จือเหยียนก็ถามด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
พรึ่บ——
ทุกสายตาจับจ้องไปบนร่างของซูเย่ ดวงตาแต่ละคู่เอ่ยล้นไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง
ตอนนี้พวกเขาอยู่แถวหน้าของตารางจัดอันดับใน Fantasy Dream ซึ่งเป็นเพราะซูเย่ที่ช่วยพวกเขาให้ฝึกจนได้ผลลัพธ์เช่นนี้ ทว่าในคราวนี้ไม่รู้ว่าจะมีอะไรดี ๆ มาสอนอีก
ไป๋จือหรานมองไปที่ซูเย่อย่างสงสัย
ซูเย่ยิ้มและกล่าวว่า “วันหยุดจะมาถึงเร็ว ๆ นี้ ฉันจะสอนบางอย่างก่อนเพื่อวางรากฐานที่ดีสำหรับการฝึกฝนในอนาคตของพวกนาย บังเอิญว่าฉันมีเวลาคืนนี้เลยให้ทุกคนมารวมกัน”
“แต่ฉันขอถามทุกคนก่อนหนึ่งคำถาม”
“พวกนายฝึกฝนเทคนิคทั้งหมดที่ปรากฏในหมวก VR ใช่หรือเปล่า?”
ทุกคนพยักหน้า ในขณะเดียวกันก็มีข้อสงสัย ทำไมถึงถามแบบนี้? นอกจากในหมวก VR แล้ว พวกเขาจะยังมีวิธีฝึกแบบอื่นได้ยังไง? ทีมสืบสวนก็ให้ฝึกแบบนี้นี่?
“โอเค” ซูเย่พยักหน้า
ภายใต้ความสนใจของทุกคน เขาหยิบกระดาษและปากกาออกมาทันที และเขียนวิธีฝึกที่ปรับปรุงโดยยึดตามพื้นฐานของทีบสืบสวนบนกระดาษอย่างรวดเร็ว
“นี่เป็นการฝึกฝนพื้นฐานระดับสองของทีมสืบสวนในหมวกฉบับแก้ไข หลังจากที่ทุกคนเข้าสู่ระดับสอง ก็ฝึกฝนตามฉบับแก้ไขนี้”
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง นายพูดอะไร?
เราได้ยินถูกแล้วใช่ไหม?
นายบอกว่าปรับปรุงวิธีการฝึกฝนของทีมสืบสวน? ? ?
นายยอดเยี่ยมมากถึงขั้นนี้แล้วหรือ?
ซูชือและจินฟานมองหน้ากัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจ พวกเขาไม่รู้ว่าซูเย่จะเก่งกาจได้ขนาดนี้
ทุกคนรีบหมุนเวียนผลัดกันเข้าไปอ่าน หลังจากนั้นแทบรอไม่ไหวที่จะนั่งลงเพื่อพยายามฝึกฝนตาม ผลที่ได้คือมันดีกว่าวิธีฝึกโดยใส่หมวก VR จริง ๆ! ทั้งดูดซับปราณมากขึ้นและเร็วกว่าเดิม! ทุกคนคนมองไปที่ซูเย่ด้วยสายตาที่ตกตะลึงและซาบซึ้งอย่างยิ่ง
คนคนนี้แท้จริงแล้วมีของดีซ่อนอยู่อีกกี่อย่างกันแน่? ในชั่วขณะหนึ่ง ตำแหน่งของซูเย่ในใจของทุกคนก็สูงยิ่งขึ้นกว่าเดิม!
“นี่เป็นเพียงการฝึกของระดับสอง ฉันจะช่วยแก้ไขอีกเมื่อการฝึกระดับสามปล่อยออกมา”
“ต่อไป ฉันจะสอนวิธีการที่สามารถพัฒนาพลังการต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ซูเย่กล่าว
วิธีพัฒนาพลังการต่อสู้? ทุกคนเริ่มให้ความสนใจอีกครั้งในทันใด เพราะนี่คือสิ่งที่พวกเขาต้องการ!
ระดับของซูเย่ไม่ได้สูงเหมือนคนอื่นๆ แต่พลังการต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งมาก พวกเขาอยากรู้เทคนิคการฝึกฝนพลังต่อสู้มานานแล้ว!
เมื่อเห็นสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวังของทุกคน ซูเย่ยิ้มเบาๆ “ต่อไป ฉันจะสอนวิธีรวบรวมพลังปราณเพื่อทะลวงจุดลมปราณให้ทุกคน”
“วิธีนี้ใช้วิธีการฝึกฝนที่ปรับปรุงเมื่อกี้นี้เป็นพื้นฐาน เริ่มดูดซับปราณในขณะฝึกฝนแบบเมื่อครู่ เมื่อปราณถูกเก็บไว้ระดับหนึ่งแล้ว ก็ทะลวงจุดลมปราณซ้ำอีกครั้ง แบบนี้จะช่วยให้จุดลมปราณขยายกว้างขึ้น”
“ด้วยวิธีนี้ จุดลมปราณของพวกนายก็จะกว้างกว่าคนในระดับเดียวกัน สามารถเก็บพลังปราณได้มากขึ้น และมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งขึ้น!”
วิธีการฝึกของตัวซูเย่เองนั้นล้ำหน้ากว่านี้มาก แม้ว่าทุกคนต้องการฝึกฝนวิธีการเดียวกับเขา… มันก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะรากฐานของทุกคนถูกวางไว้ดีแล้ว หรือพูดอีกอย่างก็คือผิดพลาดแล้ว.. แต่อย่างน้อยชายหนุ่มก็สามารถช่วยปรับพื้นฐานทุกคนให้ดีขึ้นได้
และแค่การปรับพื้นฐานก็ถือว่าดีกว่าผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น ๆ มากแล้ว!
มีวิธีแบบนี้ด้วยเหรอ?
ทุกคนประหลาดใจ
“ใครยังมีหยกปราณ? ตอนนี้ก็ลองเอาออกมาใช้ดูซิ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็นั่งลงทีละคน ก่อนที่คนทั้งหมดจะหยิบหยกปราณออกมาเริ่มดูดซับมัน
ซูเย่ “…”
ทำไมทุกคนถึงยังมีหยกปราณแต่เขาไม่มีละ? แต่ในไม่นานชายหนุ่มก็เข้าใจ เขาดูดซับปราณเร็วเกินไป… ก่อนหน้านี้ที่ทุกคนได้รับคนละหนึ่งก้อน พวกเขายังดูดซับไม่หมดเลย!
อีกทางหนึ่ง ซูเย่เริ่มสอนให้ทุกคนใช้คาถารวบรวมปราณ รวมไปถึงวิธีทะลวงเพื่อขยายจุดลมปราณ
ในเวลาไม่นาน สีหน้าของทุกคนดูเจ็บปวด หลังจากฝืนทนรับความเจ็บปวด ทุกคนก็ตื่นจากการฝึกฝน
บนใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“วิธีนี้มันเยี่ยมมาก! เพียงแต่ว่ามันเจ็บเกินไป ฉันแค่ทะลวงหนึ่งจุดลมปราณทำไมเจ็บแบบนี้!”
“มันเจ็บมาก แต่จุดลมปราณเหมือนว่าขยายออกจริงๆด้วย!”
“ทำไมฉันถึงไม่พบวิธีนี้มาก่อน ฉันรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของฉันเพิ่มขึ้นมาก”
“ไม่เพียงแต่พลัง แต่ยังรวมถึงความเร็วและการตอบสนอง ทำเอาฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคนใหม่ยังไงยังงั้นเลย!”
“ฉันเพิ่งขยายหนึ่งจุดลมปราณเท่านั้น แต่ฉันกลับรู้สึกว่าพลังการต่อสู้ของฉันเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็หนึ่งในสิบ!”
ทุกคนมองที่ซูเย่ด้วยความประหลาดใจและขอบคุณ
“วันนี้พอเท่านี้ก่อน” ซูเย่มองทุกคนด้วยรอยยิ้ม “อีกแปดจุดที่เหลือก็ลองไปทะลวงด้วยตัวเองดู”
“ปีใหม่กำลังจะมาเร็วๆ นี้และมหาวิทยาลัยกำลังจะหยุด ฉันขออวยพรให้ทุกคนมีความสุขในปีใหม่ล่วงหน้า!” ขณะพูดก็ประสานมือให้ทุกคน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็ยิ้มและประสานมืออวยพรเขา
“ฉันได้ยินมาว่าการแข่งขันความรู้ทางแพทย์แผนจีนกำลังจะเริ่มขึ้นเร็วๆ นี้”
เมื่อทุกคนให้พรซึ่งกันและกัน ไป๋จือหรานพลันยิ้มและพูดกับซูเย่ “ฉันหวังว่านายจะโชคดีในการแข่งขัน”
“เกือบลืมไปเลย แต่ว่าลูกพี่ซูเก่งมาก เขาจะต้องได้อันดับดีแน่ๆ!”
“ทุกคนกำลังรอให้นายชิงที่หนึ่งมา!”
ทุกคนอวยพรซูเย่
“ขอบใจทุกคน”
ซูเย่ยิ้มและขอบคุณทุกคน
ระหว่างการพูดคุยหัวเราะเฮฮา ทุกคนต่างออกจากป่าพร้อมกันและกลับไปที่หอพักของมหาวิทยาลัย
……
วันถัดมา ซูเย่ตื่นมาเก็บสัมภาระแต่เช้า หลังจากบอกลาซูชือและจินฟานแล้วจึงเดินทางกลับบ้าน ซึ่งบ้านเดิมของซูเย่ ตั้งอยู่ที่เมืองจี้หยวน เขตชุมชนแห่งหนึ่งในเมืองจี้หยาง
ห่างจากตัวเมืองออกไปสองร้อยกิโลเมตร ซื้อตั๋วรถไฟ ขึ้นรถมาถึงเมืองจี้หยวน เพียงเท่านี้ก็จะเห็นทางเข้าเขตชุมชมที่ปลอดโปร่งสบายตา
ระยะเวลาสองพันห้าร้อยปี เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนวัฏจักรชีวิตของพ่อแม่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขากลับมายังบ้าน
ไม่รู้เพราะเหตุใด ยิ่งอยู่ใกล้บ้านมากเท่าไหร่ร่างของซูเย่ก็สั่นมากขึ้นเท่านั้น เขาก้าวเท้าเดินเข้าไปยังบ้านในความทรงจำ พยายามควบคุมลมหายใจไปตลอดทาง แต่ชายหนุ่มกลับพบว่าจิตใจที่มีความเยือกเย็นของเขาไม่สามารถสงบลงได้เลย …มันเป็นการสั่นสะท้านที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจ!
หลังจากเปิดประตูอย่างเงียบเชียบ ซูเย่มองเห็นเงาแผ่นหลังของสองคนที่เขาคุ้นเคยมากที่สุด นั่นคือพ่อแม่บังเกิดเกล้าของเขา!
“เสี่ยวเย่? ทำไมเข้ามาเงียบๆ ละ”
แม่ของซูเย่เป็นคนมองเห็นก่อน เธอกล่าวอย่างตกตะลึงระคนดีใจ แล้วรีบรุดเข้ามาช่วยซูเย่ถือสัมภาระ
“แม่”
ซูเย่ร้องเรียกหนึ่งคำ ริมฝีปากสั่นเบาๆ แล้วหันศีรษะไปมองพ่อของตัวเอง แต่ในวินาทีที่หันไปซูเย่ก็อึ้งค้าง เพราะบนร่างของพ่อเขากลับมีพลังปราณไหลเวียนอย่างลับๆ!
พ่อของเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์หรือ?
“พ่อครับ”
ซูเย่เก็บงำความสงสัยเอาไว้ ปากร้องตะโกนด้วยรอยยิ้ม ขอบตาของเขาแดงเรื่อด้วยความตื่นเต้น สิ่งที่เห็นตอนนี้ ไม่ใช่เพียงราวกับอยู่ห่างกันคนละโลก แต่ห่างกันมากถึงสองพันห้าร้อยปีจริงๆ!
ไม่ว่าเขาจะควบคุมสีหน้าได้ดีแค่ไหน แต่ต่อหน้าครอบครัวผู้เป็นที่รัก ชายหนุ่มก็ไม่สามารถระงับความตื่นเต้นในใจลงได้!!!