ตอนที่ 279 : เซี่ยงหยาง Vs ซื๋อเยว่
ซื๋อเยว่เองก็มาจากตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองหัวเซี่ย พวกเขาไม่ได้เป็นตระกูลใหญ่เหมือนกับตระกูลลู่แต่ก็ไม่ได้ด้อยกว่ามากนัก
ทั้งเมืองหัวเซี่ยมีตระกูลใหญ่อยู่ 5 ตระกูล เช่น ตระกูลลู่, ตระกูลเซี่ยงและอื่น ๆ ทั้ง 5 ตระกูลนี้ยืนอยู่เหนือหลายหมื่นตระกูลและไม่มีใครสั่นคลอนพวกเขาได้
ตระกูลซื๋อนี้ถือว่าเป็นตระกูลชั้นสูง นอกจากจะด้อยกว่าตระกูลชั้นนำแล้วก็เหนือกว่าหลายหมื่นตระกูล
นอกจาก 5 ตระกูลชั้นนำแล้ว พวกเขาถือว่าเป็นตระกูลที่แกร่งที่สุด
ตลอดเวลาที่ผ่านมา พรสวรรค์ของซื๋อเยว่นั้นโดดเด่น เขาได้ฝึกทักษะขั้นที่ 8 แม้ว่าจะเป็นทักษะขั้นที่ 8 ระดับต้น แต่มันก็ไม่อาจจะเอาทักษะขั้นที่ 7 มาเทียบได้ กล่าวได้ว่าซื๋อเยว่ได้ฝึกฝนทักษะขั้นที่ 8 ที่ดีในระดับหนึ่ง
บอกได้ว่าตระกูลของพวกเขาไม่ธรรมดา
แน่นอนว่าคู่ต่อสู้เขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
“คู่ที่ 20 เซี่ยงหยาง Vs ซื๋อเยว่”
เมื่อชายแก่พูดจบก็มีพลังของทักษะขั้นที่ 8 แผ่ออกมา
พลังอันแข็งแกร่งครอบคลุมทั้งสองคนเอาไว้ เซี่ยงหยางได้ใช้ทักษะขั้นที่ 8 ออกมาทันทีซึ่งทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นมาถึง 3 เท่า ชัดแล้วว่าต่อหน้าซื๋อเยว่ เขาก็ไม่คิดที่จะประมาท ที่สำคัญที่สุดคือหากเขาแพ้การต่อสู้นี้แล้ว แม้แต่คนในตระกูลเขาก็จะเอาเรื่องการแพ้ของเขานี้ไปนินทาอย่างแน่นอน ยังไงซะเขาก็เป็นคนระดับสูงในตระกูล ยิ่งอยู่สูงเท่าไหร่ก็ยิ่งกดดันมากเท่านั้น
ทั้งสองตระกูลเคยมีเรื่องกันอยู่บ่อยครั้ง ยิ่งตระกูลซื๋อด้อยกว่าเท่าไหร่ ซื๋อเยว่ก็ยิ่งไม่อยากยอมแพ้มากเท่านั้น
ดังนั้นทันทีที่เริ่มการต่อสู้ เซี่ยงหยางก็ได้ใช้พลังเทียบเท่ากับรอบที่แล้วที่เอาชนะหลงจั่วเทียนมาได้
ซื๋อเยว่เห็นแบบนั้นก็แสดงสีหน้าจริงจังออกมา การต่อสู้นี้เขาไม่มั่นใจเลยว่าจะเอาชนะได้หรือไม่
“ไม่เปิดช่องว่างให้ฉันเลยสินะ” ซื๋อเยว่ส่ายหน้าพร้อมกับใช้ทักษะขั้นที่ 8 ออกมา
นี่คือทักษะที่ส่งต่อกันมาในตระกูลของเขา
หากเขาไม่ใช้มันออกมาตอนนี้ งั้นเขาก็อาจจะไม่มีโอกาสได้ใช้มันเลยและพ่ายแพ้ไป
ทันใดนั้นร่างของซื๋อเยว่ก็มีแสงสีรุ้งส่องประกายออกมา ตัวของเขาอาบไปด้วยแสงก่อนที่ร่างและเงาจะบิดเบี้ยวไปมา
นี่คือทักษะขั้นที่ 8 เงาบิน !
แม้ว่าจะเป็นทักษะขั้นที่ 8 ระดับต้นแต่บอกได้ว่าเมื่อเป็นทักษะขั้นที่ 8 แล้ว ก็ไม่มีทักษะไหนที่ธรรมดาเลย แม้ว่ามันจะอยู่แค่ระดับต้นแต่ก็ไม่อาจจะมีใครดูถูกได้
เซี่ยงหยางเองก็เหมือนกัน เขาเหมือนจะพอเข้าใจทักษะนี้ เขาไม่คิดจะเข้าโจมตีก่อน
ซื๋อเยว่ได้เข้าโจมตี แม้จะไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะชนะ แต่เขาก็มั่นใจ 40 เปอร์เซ็นต์ว่าอาจจะเอาชัยชนะกลับมาได้
บนเวทีนั้นร่างของซื๋อเยว่ราวกับภูตผี เขาได้พุ่งเข้าไปหาเซี่ยงหยางทันที
เซี่ยงหยางยังใจเย็นไม่หวั่นไหว ตอนนี้ร่างกายของเขาอยู่ในสภาพพร้อมเต็มที่
ทันใดนั้นเงาสีรุ้งอันงดงามได้พุ่งเข้าใส่เซี่ยงหยางทันที
“รับมือ ! ” แต่เซี่ยงหยางเตรียมรับมือเอาไว้แล้ว เขาได้คำรามออกมาและต่อยออกไป
แต่สิ่งที่ตามมาคือการโจมตีอันรุนแรงของซื๋อเยว่
ในชั่วพริบตา ภายใต้แสงสีรุ้งอันงดงามนั้น ก็เกิดระเบิดพลังที่รุนแรงและอันตรายถึงแก่ชีวิตออกมา
ดวงตาของซื๋อเยว่เรืองแสงสีแดง ขณะที่เซี่ยงหยางได้เหวี่ยงหมัดออกไปเพื่อสลายพลังนั่นด้วยดวงตาที่เย็นชา
ตูม ตูม !
บนเวทีเต็มไปด้วยเสียงระเบิด ไม่นานแสงสีรุ้งก็ได้หม่นแสงลง
เงาดำได้พุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง มันคือซื๋อเยว่ เขามองไปที่มือขวาของตัวเองและพบว่าแขนของเขาหัก
“ฉันรอมานานแล้ว” เซี่ยงหยางพึมพำออกมา การโจมตีของซื๋อเยว่ที่ทำให้คนอื่น ๆ ไม่อาจจะรับมือได้นั้น เขากลับรับมันได้ด้วยมือข้างเดียว
ตอนที่พลังอันน่ากลัวกับแสงสีรุ้งได้เข้าปะทะกัน ทั้งสองสบตากันโดยไม่มีใครคิดจะยอมกันเลย
แต่สุดท้ายมือขวาของซื๋อเยว่กลับต้องหักเพราะเซี่ยงหยาง
ซื๋อเยว่ถอยกลับมากว่าสิบเมตรก่อนจะมองไปที่เซี่ยงหยาง
“สมกับเป็นทักษะขั้นที่ 8 ระดับสูง มันเหนือกว่าทักษะเงาบินจริง ๆ ”
“แต่ทักษะเงาบินก็ไม่ได้ด้อยกว่ามากนัก ! ”
“เงาบิน ! ” ซื๋อเยว่ตะโกนออกมาพร้อมกับเงาที่พุ่งเข้าใส่เซี่ยงหยาง และร่างของเขาที่หายไปจากเวทีทันที
บางคนเห็นแค่เงาของซื๋อเยว่ที่โดดไปมาแต่ไม่อาจจะเห็นร่างได้ชัด
ตอนนั้นพลังของเขาได้เพิ่มขึ้นถึงขีดสุด พลังของเขาได้ก่อตัวในแทบทุกที่บนเวที
เซี่ยงหยางยังคงหลับตายืนนิ่งอยู่กับที่
การกระทำของเขาทำให้ผู้คนสับสน
“เขาคิดจะยืนเฉยงั้นหรือ แต่ไม่ว่าเขาจะมีเหตุผลอะไรเราก็คงได้แต่มองดูเท่านั้น”
แม้จะพูดคุยกันแต่สายตาของผู้ชมก็ยังจับจ้องไปบนเวทีเพราะกลัวว่าจะพลาดช่วงเวลาที่สำคัญไป
เมื่อซื๋อเยว่เห็นการกระทำของเซี่ยงหยางก็ต้องกัดฟันแน่นด้วยความหงุดหงิด
เขาราวกับโดนดูถูก !
“ฉันจะแสดงผลลัพธ์ของการที่มาดูถูกฉันให้ดู ! ” ซื๋อเยว่ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
มือของเขากำแน่นด้วยพลังทั้งหมดที่มีก่อนจะพุ่งเข้าไปหาเซี่ยงหยางแล้วเข้าโจมตี
“ซื๋อเยว่จะแพ้” หวังเย่าส่ายหน้าและพูดขึ้นมา
กลุ่มทหารรับจ้างนั้นแม้ว่าจะสับสนแต่ก็ได้พูดอะไรออกมา พวกเขายังมองขึ้นไปบนเวที ดูเหมือนว่าตอนนี้จะเป็นช่วงเวลาตัดสินผู้แพ้ชนะ
“โง่เง่า ! ” ในช่วงสุดท้ายนั้น เซี่ยงหยางกลับลืมตาขึ้นมาพร้อมกับต่อยออกไปข้าง ๆ อย่างแรง