ยูเนียถอนหายใจเบาๆ
ชีอ้าวชวางและพาริน่าเดินออกมาจากฝูงชน และพาริน่าก็พูดขึ้น “ชีอ้าวชวาง เราไปกินข้าวกันเถอะ”
“เจ้าจะกินข้าวอะไรเวลานี้?” ชีอ้าวชวางตอบกลับอย่างไม่เกรงใจ
“แล้วไปนั่งเป็นเพื่อนข้าไม่ได้หรือ?” พาริน่าขมวดคิ้ว
“เขาไม่มีเวลาหรอก ต้องไปที่ห้องทำงานผู้อำนวยการกับข้า”เสียงเย็นชาหนึ่งดังขึ้น พาริน่าหันกลับไปมองแล้วก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของไดทันส์ทันที ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้างหลังไดทันส์ก็คือโจนาธาน
“เจ้า!” พาริน่าอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เห็นสายตาเย็นชาของไดทันส์ก็พูดอะไรไม่ออก แค่การมองเพียงเล็กน้อยของเขาก็ทำให้พาริน่ามีแรงกดดันมหาศาลจนบรรยายไม่ได้ และทำให้หัวใจของนางสั่นสะท้าน
“ไปกันเถอะ ชีอ้าวชวาง” ไดทันส์พูดเบาๆ
“อืม” ชีอ้าวชวางพยักหน้า
ทั้งสามคนเดินจากไป พาริน่ามองแผ่นหลังของพวกเขาทั้งสามและกระทืบเท้าอย่างแรง ไดทันส์นี่น่ารำคาญมาก! พาริน่ามองแผ่นหลังของไดทันส์ด้วยความโกรธและบ่นอย่างโกรธเคืองอยู่ในใจ
“อย่าจมอยู่กับความรักที่น่าเบื่อ” ระหว่างเดินไป ไดทันส์ก็พูดอย่างไม่แยแส
โจนาธานอ้าปากค้าง ไดทันส์เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
“ชีอ้าวชวาง อย่าไปฟังเขา!” โจนาธานรีบพูดโดยไม่รอให้ชีอ้าวชวางตอบ
“ข้าไม่ชอบผู้หญิงหรอก” ชีอ้าวชวางกระตุกมุมปากพูดประโยคนี้
“ดีมาก” ดวงตาของไดทันส์เป็นประกายด้วยความพึงพอใจ
ชีอ้าวชวางมองขึ้นไปบนฟ้า แน่นอนว่านางไม่ชอบผู้หญิง รสนิยมทางเพศของนางปกติดี
“ว้าว ไดทันส์ เจ้านี่มันแย่มาก ตัวเองไม่ชอบผู้หญิง เลยไม่ยอมให้ชีอ้าวชวางไปหาผู้หญิงหรือ” โจนาธานโวยเมื่อได้ยินคำพูดของทั้งสองคน
ไดทันส์เมินเฉยต่อเสียงร้องโวยวายของโจนาธานและพูดกับชีอ้าวชวาง “ไปกันเถอะ ผู้อำนวยการกำลังหาเราอยู่”
“เฮ้ ชีอ้าวชวาง ข้าจะบอกเจ้านะว่าอย่าฟังไดทันส์ ผู้ชายคนนี้ไม่สนใจผู้หญิง แต่เจ้าต้องไม่บังคับตัวเอง พาริน่านั้นไม่เลวเลย อย่างไรนางก็เป็นดาวสถาบันนะ” โจนาธานพูด “แต่พาริน่าคนนี้ดูเหมือนจะเก่งเรื่องกลอุบายมาก เจ้าลองคิดถึงอีกสองสาวดูนะ คนหนึ่งคือเบธฟินนีย์ อีกคนคือไอเบล แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่ใช่ความชอบของเจ้า แต่ก็ยังมีอีกมากมายในสถาบันนี้”
“เจ้าเสียงดังมาก” ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เห็นด้วย” ไดทันส์พูดอย่างไร้ความรู้สึก ในแววตาของเขามีรอยยิ้ม
“พวกเจ้า! ไอ้พวกน่าเบื่อสองคน!” โจนาธานเห็นว่าทั้งสองคนศีลเสมอกันอย่างน่าประหลาด เขาพ่นลมหายใจออกจากจมูก แน่นอนว่าเขาคงคิดไม่ถึงว่าความไม่ชอบผู้หญิงของชีอ้าวชวางนั้นแตกต่างไปจากที่ทั้งสองคนเข้าใจอย่างสิ้นเชิง
ทั้งสามคนมาที่สำนักงานใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่ชีอ้าวชวางได้พบกับผู้อำนวยการของสถาบันดวงดาว ผู้อำนวยการไม่ใช่คนหัวโบราณแบบที่ชีอ้าวชวางจินตนาการ และไม่ใช่ภาพของชายร่างสูงที่มีเคราและผมสีขาวทั้งหมด แต่เป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลา ทั้งหล่อเหลาและไม่ธรรมดา ในตอนแรกชีอ้าวชวางตกใจมาก ทันใดนั้นก็คิดได้ว่าโลกแห่งนี้ก็เป็นเช่นนี้ อายุของคนจำนวนมากตัดสินจากภายนอกไม่ได้อีกต่อไปเ กรงว่าผู้อำนวยการคนนี้คงไม่เด็กขนาดนั้นหรอก
“พวกเจ้ามาแล้ว” ชายหนุ่มยิ้มและลุกขึ้นยืนมองทั้งสามคน
“ผู้อำนวยการ” ทั้งสามทำความเคารพ
“ไม่ต้องเกร็ง ในครั้งนี้มีผลสอบพวกเจ้าที่ดีมาก โดยเฉพาะเจ้า ชีอ้าวชวาง เจ้าเป็นคนที่สองที่ได้รับผลลัพธ์ที่ดีเช่นนี้หลังจากเข้าร่วมการทดสอบในครั้งแรก ทั้งเจ้าและไดทันส์ต่างก็เป็นคนที่สุดท้ายอาจผ่านการทดสอบครั้งสุดท้าย ข้าหวังว่าข้าจะไม่ผิดหวังนะ” ผู้อำนวยการมองไปที่ชีอ้าวชวางและพูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อผู้อำนวยการพูดว่าชีอ้าวชวางเป็นคนที่สองที่ได้รับผลลัพธ์ที่ดีเช่นนี้หลังจากเข้าร่วมการทดสอบเป็นครั้งแรก ประกายบางอย่างลึกๆ ในดวงตาของไดทันส์ก็เกิดขึ้นแต่ก็หายวับไป
“ข้าจะทำให้ดีที่สุด” ชีอ้าวชวางพูด
“ฮ่าๆ เป็นเรื่องที่ดีสำหรับคนหนุ่มสาวที่จะถ่อมตัว เอาล่ะ เรามาคุยเรื่องธุรกิจกัน ข้ามีภารกิจที่จะให้พวกเจ้าทำ และมีรางวัลสำหรับพวกเจ้าด้วย ไดทันส์และโจนาธานรู้รางวัลนั้นดี แต่นี่เป็นครั้งแรกของชีอ้าวชวาง” ผู้อำนวยการมองไปที่ชีอ้าวชวางด้วยรอยยิ้มและพูดจุดประสงค์ของการเรียกพวกเขามา “ภารกิจคือจะต้องจัดประชุมสี่เมืองในเร็วๆ นี้ พวกเจ้าทั้งสามคนจะต้องดำเนินการเป็นตัวแทนในนามของสถาบันของเรา ผู้ตัดสินจะเป็นผู้อาวุโสและผู้มีชื่อเสียงสูงในแต่ละเมือง รางวัลจะมอบให้พวกเจ้า ชีอ้าวชวาง หากไม่เข้าใจก็ถามไดทันส์กับโจนาธานนะ”
ผู้อำนวยการพูดไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะหยุดและหยิบบัตรสามใบจากโต๊ะแล้วยื่นให้ทั้งสามคน สุดท้ายเขาก็พูด “เอาละ พวกเจ้าไปเถอะ พร้อมแล้วก็ออกเดินทางเลย การประชุมนี้จัดที่เขตเมืองไป่ยวิ๋น ระวังตัวด้วย ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าจะจัดการได้” ผู้อำนวยการพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ครับ” ทั้งสามคนรับบัตรและรับคำ
“ไปเถอะ” ผู้อำนวยการโบกมือเพื่อบอกให้พวกเขาไปได้
ชีอ้าวชวางออกจากสำนักงานก็มองบัตรในมือ บัตรในมือของนางเป็นสีฟ้าอ่อน ไม่รู้ว่ามันทำมาจากวัสดุอะไร
“นี่คือบัตรผ่าน สามอันดับแรกจะได้รับรางวัล เข้าและออกจากหอคอยดวงดาวเพื่อฝึกฝนได้ตลอดเวลา ห้องสมุดระดับสูงสุดก็เข้าได้เช่นกัน แถมยังไปหาผู้อาวุโสทุกคนเพื่อเรียนรู้และแม้แต่พูดคุยปรึกษาโดยที่ผู้อาวุโสจะปฏิเสธไม่ได้ และใช้วัสดุในคลังของสถาบันได้ตามต้องการโดยไม่มีข้อจำกัด” ไดทันส์อธิบายให้ชีอ้าวชวางฟังด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น เป็นเรื่องยากที่ไดทันส์จะพูดมากขนาดนี้
ของดี! หลังจากที่ชีอ้าวชวางฟังคำพูดของไดทันส์ ความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาในทันที ไม่คาดคิดว่ารางวัลสามอันดับแรกนั้นช่างมากมายเหลือเกินสถาบันใจกว้างมาก! อย่างไรก็ตาม ด้วยรางวัลมากมายเช่นนี้ เลนนี่มีวิธีใดกันที่จะทำให้นักเรียนคนอื่นๆ ยอมแพ้การแข่งขันกับนาง? ไม่มีเหตุผลเลยที่ทุกคนจะไม่หวั่นไหวไปกับของรางวัลที่มากมายเช่นนี้ที่
“รางวัลนี้รู้แค่สามอันดับแรกเท่านั้น คนอื่นๆ ไม่รู้ นี่เป็นความลับ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเจ้าจะได้รับรางวัลเหล่านี้ก็ต่อเมื่อเจ้าไปถึงสามอันดับแรกเท่านั้น” คำพูดต่อไปของโจนาธานไขข้อสงสัยของชีอ้าวชวางแล้ว ที่แท้คือรางวัลเหล่านี้จะถูกเก็บเป็นความลับ รางวัลที่เอื้อเฟื้อเช่นนี้ถ้าเลนนี่บอกคนอื่นก็แปลกแล้ว อย่าว่าแต่เลนนี่เลย เป็นใครก็ไม่มีทางบอก
“เตรียมตัวให้พร้อม เราจะเมืองไป่ยวิ๋นกัน” ไดทันส์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีความสุขกับการทำธุระครั้งนี้
“มีเมืองใดบ้างที่อยู่ติดกับสถาบัน?” ชีอ้าวชวางแค่อยากจะถามเฉยๆ
“ต้องบอกว่าเมืองย่อย แต่ก็ไม่ได้ด้อยกว่าเมืองใดๆ เลยเป็นเมืองอิสระและไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของเมืองใดๆ ในความเป็นจริงมันคอยรักษาสมดุลของสี่เมือง แต่ไม่เท่ากันกับสี่เมืองใหญ่ ดังนั้นจึงเป็นเมืองย่อยที่อยู่ที่นี่” โจนาธานอธิบาย “ไปเถอะ มีอาหารอร่อยๆ มากมายในเมืองไปยวิ๋น มีผู้หญิงสวยๆ มากมายด้วย”
“นอกจากสองอย่างนี้แล้วเจ้ายังนึกถึงอะไรอีก” ไดทันส์เยาะเย้ย
“เหอะ เจ้าคิดว่าข้าน่าเบื่อพอๆ กับตอไม้สองตออย่างพวกเจ้าหรือ! ชีวิตควรจะมีแต่ความเพลิดเพลินสิ กินดื่มและสนุกสนาน นี่คือความหมายที่แท้จริงของชีวิต” โจนาธานมองและส่ายหัวแล้วพูด
“เพราะเจ้ามีความคิดแบบนี้ เจ้าจึงเข้าสู่มิติสูญสลายไม่ได้” ไดทันส์พูดอย่างเย็นชา
“ข้าไม่เคยคิดที่จะก้าวเข้าสู่มิติสูญสลายเลย ข้าเกือบตายเมื่อครั้งที่แล้วที่ขึ้นไปชั้นเก้า ถือว่าชีวิตยังดีมาก ข้าไม่อยากจบแบบนี้หรอก” โจนาธานพูด
“กบในกะลา” ไดทันส์พูดอย่างเย็นชา
ชีอ้าวชวางยังคงเงียบอยู่ตลอดเวลา การแสวงหาอำนาจของไดทันส์นั้นชัดเจนมาก
“ในระหว่างการประชุมสี่เมืองจะเป็นช่วงวันหยุด นักเรียนทุกคนจะกลับไปยังกองกำลังของตัวเอง นักเรียนหลายคนจะเข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ด้วย ไปเตรียมตัวเถอะ เราจะไปเมืองไป๋ยวิ๋นในอีกสองวัน” ไดทันส์พูด
“จริงสิ ชีอ้าวชวางเจ้าล่ะ ยืนอยู่กองกำลังไหน?” โจนาธานถามอย่างสงสัย
“เจ้าเมืองเทียนเป่าเป็นเพื่อนของข้า” ชีอ้าวชวางตอบเบาๆ
“เพื่อนหรือ” โจนาธานแปลกใจเล็กน้อย “เจ้าก็ยังมีเพื่อนอยู่หรือ”
ไดทันส์ก้มหน้าลงโดยไม่พูดอะไร ความเศร้าโศกฉายในแววตาของเขา
“อย่างที่เจ้าพูด ข้าก็เป็นมนุษย์ ทำไมข้าถึงไม่มีเพื่อนล่ะ เจ้าไม่ใช่เพื่อนของข้าหรือ?” ชีอ้าวชวางพูดอย่างหงุดหงิด “เจ้าเมืองเทียนเป่าช่วยข้าไว้มาก ครั้งนี้ข้าอยากไปดูว่าข้าจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง”
“เอ่อ นี่ ฮ่าๆ นับว่าข้าพูดผิดนะ ถูกต้อง เราเป็นเพื่อนกัน เป็นเพื่อนกันแล้ว” โจนาธานหัวเราะ
“เราจะออกเดินทางในอีกสองวัน” ไดทันส์พูดอย่างเย็นชาและเดินจากไป
“เฮ้อ ไดทันส์ก็เป็นแบบนี้ น่าเบื่อมาก ใบหน้านั้นมักจะไร้อารมณ์เสมอ” โจนาธานพูดอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับยักไหล่
“เอาเถอะ กลับไปเตรียมตัวดีกว่า” ชีอ้าวชวางไม่พูดอะไรอีก แต่หันหลังเดินจากไป
“พูดไม่ออกเลยจริงๆ! ทำไมสองคนนี้ถึงเป็นแบบนี้เนี่ย!” โจนาธานบ่นพลางมองทั้งสองจากไปทีละคน อารมณ์ของคนสองคนนี้เหนือจินตนาการจริงๆ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าจะแตกต่างกันเล็กน้อยนะ แต่ก็ยากจะบอกได้ว่ามันต่างกันตรงไหน โจนาธานขมวดคิ้วคิดหนักแต่ก็คิดอะไรไม่ออก
ช่างเถอะ ไม่คิดแล้ว กลับไปเตรียมตัวก่อนดีกว่า จะได้ถามเมืองจวี้เฟิงสักหน่อยว่าอยากจะให้เขาช่วยอะไร เรื่องเล็กๆ ก็ได้ แต่เรื่องใหญ่จะไม่พูดถึง โจนาธานนึกแล้วจากไป
กลับไปที่หอพัก ชีอ้าวชวางก็เห็นเวนส์กำลังขมวดคิ้ว
“เวนส์ เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?” ชีอ้าวชวางเปิดประตูและถาม
“หา?! อะไรนะ? ชีอ้าวชวาง เจ้าเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่?” เวนส์เกือบจะกระโดดขึ้นด้วยความประหลาดใจและหันไปที่ชีอ้าวชวาง
“กำลังคิดถึงเบธฟินนีย์หรือ?” ชีอ้าวชวางพูดหยอก
“ไม่ ไม่…” เวย์นหน้าแดง เขาพูดไม่ออกเป็นเวลานาน
“เวนส์ ตัวตนที่แท้จริงของเจ้าคืออะไร?” จู่ๆ ชีอ้าวชวางก็ถามด้วยใบหน้าที่จริงจัง “เบธฟินนีย์เป็นลูกสาวของเจ้าเมืองปี้ยวี่ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเจ้าคือตอนที่พวกเจ้ายังเด็ก เช่นนั้นตัวตนที่แท้จริงของเจ้าคือใคร?” ชีอ้าวชวางเดาว่าแม้ว่าเวนส์จะเป็นลูกนอกสมรส แต่เขาก็ติดต่อกับคนที่มีสถานะสูงส่งอย่างเบธฟินนีย์ได้ ดังนั้นจึงเกรงว่าพ่อของเวนส์จะไม่ธรรมดา