ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 82
เขาพอจะเดาออกแล้วว่าใครเป็นผู้ปล่อยข่าวออกไป เพราะเมื่อครั้งที่เซี่ยฉวนออกไปถาม ได้เรื่องมาว่าผู้ที่อยู่ข้างท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นผู้ที่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป
หรืออีกแง่หนึ่งคือ มู่หรงเจี๋ยจงใจปล่อยข่าวออกไปเอง เป็นเหตุให้เขาเข้าวังมาแล้วต้องตบปากตัวเอง เพื่อที่ว่าจะได้กู้ชื่อเสียงของนางแพศยาเซี่ยจื่ออานและล้างความคาวบนตัวของนาง จากนั้นจึงค่อยแต่งเข้าตำหนักองค์ชายผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อีกครั้ง
ครั้งนี้เขาขอความช่วยเหลือจากนาสนมเหมย แต่นางได้ติดกับไปแล้ว หากเขาไม่ยืนอยู่ข้างนางสนมเหมย คราหน้านางจะต้องสงสัยเขาเป็นแน่
หลังจากที่มู่หรงเจี๋ยได้ฟังคำของมหาเสนาบดีเซี่ย ก็กล่าวอย่างเรียบ ๆ ว่า “ถ้าเยี่ยงนั้น ก็รบกวนซุนกงกงช่วยตรวจสอบมาว่าปีนั้นนางข้าหลวงที่รับใช้นางสนมเหมย เป็นผู้ใดแล้วเอามาเทียบเคียงกัน”
หวงไท่โฮ่วตะโกนด้วยความกราดเกรี้ยว “สนมเหมย คุกเข่าลง!”
สีหน้านางสนมเหมยซีดเผือด จากนั้นก็คุกเข่าลงอย่างแรง ก้มหน้าแตะพื้นอย่างกลัวตาย “ไทเฮาใจเย็น ๆ ก่อนนะเพคะ”
หลิงหลงฟูเหรินยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าอย่างแน่ชัด ด้วยความตกใจนางจึงกล่าวออกไปว่า “หวงไท่โฮ่วเพคะ ที่นางสนมเหมยพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้นเพคะ เหตุใดพระองค์จึงไม่ทรงเชื่อล่ะเพคะ?”
หวงไท่โฮ่วไม่ได้สนใจหลิงหลงฟูเหริน แต่กลับจ้องมาที่มหาเสนาบดีเซี่ย “มหาเสนาบดี ข้าไม่ได้ชอบหยวนซื่อ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ยอมรับ หยวนซื่อฉลาดกว่านางร้อยเท่า เพียบพร้อมกว่านางพันเท่า สายตาเจ้านี่มันยังไงกัน ถึงได้หลงนางมาตั้งหลายปี แต่กับหยวนซื่อกลับเย็นชาใส่นาง เจ้าได้รับของมีค่าแต่ไม่รู้จักคุณค่าของมัน เจ้าน่ะ ทำให้ชายใต้หล้านี้อิจฉาเจ้ากันไปหมด”
สีหน้ามหาเสนาบดีเซี่ยซีดขึ้นมา “สิ่งที่ไทเฮาสอน กระหม่อมจะจารึกไว้ในใจพ่ะย่ะค่ะ”
หวงไท่โฮ่วตอบกลับอย่าเยือกเย็น “ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าจารึกไว้ เรื่องในครอบครัวเจ้า ข้าไม่อยากก้าวก่าย แล้วเรื่องที่ล้มงานอภิเษก ข้าไม่อยากไปสอบสวนตั้งแต่ต้นจนจบอีกแล้ว แต่วันนี้การที่เจ้าและสนมเหมยมาร้องแสร้งแสดงกันพวกนี้ ทำให้ข้ามองแล้วเจ็บปวดใจและผิดหวังนัก เจ้าทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้ภรรยาเอกและลูกสาวถึงตาย ฟ้าย่อมมีตา อย่าให้มันมากเกินไปนัก”
หลิงหลงฟูเหรินไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ ๆ หวงไท่โฮ่วถึงได้พูดแบบนี้ออกมา โดยเฉพาะตอนที่บอกว่าตัวนางเทียบไม่ได้เลยกับ หยวนซื่อ จึงทำให้นางรู้สึกเจ็บใจขึ้นมา และขึ้นเสียงสูงใส่ว่า “หวงไท่โฮ่วเพคะ แม้ว่าหม่อมฉันจะไม่มีความสามรถ แต่ก็ไม่ได้โหดเหี้ยมเย็นชาอย่างหยวนซื่อนะเพคะ ที่หม่อมฉันไม่ให้เกียรติเรียกนางว่าฟูเหรินเพียงคำเดียว ก็เป็นเพราะนางไม่มีวิสัยทัศน์และความอดทนที่จะเป็นฟูเหรินของมหาเสนาบดีได้แม้แต่น้อย หม่อมฉันไม่ชอบนาง ท่านแม่ก็ไม่ชอบนาง ในตระกูลเซี่ยเองก็ไม่มีผู้ใดชอบนาง แค่นี้ยังไม่พอที่จะยืนยันว่าคุณลักษณะของนางมีปัญหาอีกหรอเพคะ?”
มู่หรงเจี๋ยร้องหึและยิ้มออกมา “หลิงหลงฟูเหริน ข้าเชื่อว่าวันนี้ในตำหนักเองก็ไม่มีผู้ใดชอบเจ้าเช่นกัน ขอโทษนะแบบนี้หมายความว่าคุณลักษณะของเจ้ามีปัญหาใช่หรือไม่?”
วันนี้คำพูดของมู่หรงเจี๋ยมีไม่เยอะ แต่ทั้งสองประโยคล้วนโจมตีใส่หลิงหลงฟูเหรินทั้งนั้น ทำให้หลิงหลงฟูเหรินทั้งอับอายและโกรธเคือง ก่อนหน้านี้เวลานางอยู่ในจวนเสนาบดีก็ทำตัวเจ้ายศเจ้าอย่างจนเคยชิน วันนี้เกิดโมโหขึ้นมาครู่หนึ่งและทำให้ลืมจังหวะเวลาไปเสียได้ นางกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “ท่านอ๋องอย่าพูดแบบนั้นสิเพคะ โบราณเค้าว่าจะแต่งงานต้องได้รับการยอมรับของพ่อแม่ ท่านอ๋องจะอภิเษกกับจื่ออาน ก็ยังต้องการหม่อมฉันที่เป็นแม่ตอบรับก่อนนะเพคะ”
จื่ออานกล่าวเตือนขึ้นมาทันควัน “ฟูเหริน แม่แท้ ๆ ของข้ายังไม่ตาย เป็นฟูเหรินของเสนาบดี ต้องงานแต่งของเซี่ยหว่านเอ๋อร์ต่างหากถึงต้องผ่านการยินยอมจากท่าน แต่งานแต่งของข้า ท่านไม่มีสิทธิ์ใด ๆ”
ในที่สุด มหาเสนาบดีเซี่ยก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป “พอแล้ว นางเองก็เป็นแม่อีกคนของเจ้า ไยเจ้าจึงพูดจาเยี่ยงนี้?”
ฮองเฮากล่าวอย่างเย็นชา “แม่อีกคน? อะไรที่บอกว่าเป็นแม่อีกคน? แม่อีกคนที่เป็นเมียน้อยพ่อ ในวังหลวง สถานภาพของภรรยารองยังต่ำกว่าลูกสาวของภรรยาเอกหรือแม้แต่ลูกสาวที่เจ้าให้กำเนิดเสียอีก มีสถานภาพเพียงแค่ครึ่งทาสครึ่งนาย หากเมื่อไหร่ที่ทาสไม่ใช่ทาส จะมีอำนาจถึงขนาดท้าทายคุณหนูใหญ่? การสั่งสอนของเซียงแหย เป็นเยี่ยงนี้เองน่ะหรือ”
คำพูดของฮองเฮา ไม่ได้ไว้หน้ามหาเสนาบดีเซี่ยและหลิงหลงฟูเหรินเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของมหาเสนาบดีเซี่ยมีสีคล้ำ ช่องว่างระหว่างคิ้วขมวดเข้าหากัน ความโกรธพุ่งทยานขึ้นแต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมา การสั่งสอนภายในบ้านของเขา กฎระเบียบการปกครองของเขาจะยอมให้คนภายนอกใส่ร้ายได้งั้นหรอ?
หลิงหลงฟูเหรินเองก็โกรธจนอย่างจะหลั่งน้ำตา ตั้งแต่ที่นางเข้าจวนไปและได้ให้กำเนิดลูกแฝดชายหญิง นางก็ถือตนว่าเป็นฟูเหรินของเสนาบดี จนบางครั้งแม้แต่ฟูเหรินเอกเองยังต้องยอมนาง ที่เข้าวังมาวันนี้ นางคิดว่าไทเฮาและฮองเฮาก็จะต้องอยู่ข้างนางเหมือนกัน เพราะนางเป็นฟูเหรินของเสนาบดี แต่ไม่คิดเลยว่าฮองเฮาจะไม่ไว้หน้านางแม้แต่น้อย และยังพูดกับนางตรง ๆ อีกว่านางเป็นทาส
ภายใต้ความโกรธนี้ นางยืนขึ้น และถามจื่ออานด้วยความโกรธเคืองว่า “บอกมา ว่าตกลงเจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกับหวงไท่โฮ่ว?”