ตอนที่ 27 แยกบ้าน (1)

จักรยานหนึ่งคันต้องใช้คูปองอุตสาหกรรมหลายสิบใบ ไม่เช่นนั้นต่อให้มีเงินก็ไม่สามารถซื้อได้

ถ้าสามารถซื้อรถมือสองได้ราคาก็จะไม่แพงขนาดนั้น แต่รถมือสองก็ใช่ว่าจะหาซื้อได้ง่ายๆ นานๆ จะเจอคนปล่อยขายสักหนหนึ่ง

“งั้นก็ต้องซื้อแล้วล่ะค่ะ ระยะทางไกลขนาดนั้นคุณจะอาศัยเพียงสองเท้าเดินไปเหรอ ซื้อมาก็ได้ใช้ทุกวันนั่นแหละ” เย่ฉูฉู่นึกว่าเขาตัดใจซื้อไม่ได้ จึงพูดโน้มน้าวใจเขาเสียเอง

จ้าวเหวินเทาเห็นแววตาของภรรยาก็เข้าใจได้ เขายิ้มออกมาโดยพลัน มีภรรยาที่คอยสนับสนุน เขาจะไม่ประสบความสำเร็จได้อย่างไรกัน?

ในคืนนั้นเองตระกูลจ้าวได้จัดประชุมหารือเรื่องการแยกบ้าน

การแยกบ้านเป็นเรื่องกะทันหันขนาดนั้น แต่ยังไงมันก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะไม่มีเหตุผลที่จะไม่แยกบ้าน จ้าวเหวินเทาลูกชายคนสุดท้องก็แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว ตามกฎของหมู่บ้านก็ต้องแยกบ้าน

นี่เป็นเรื่องที่ปกติมาก

ในฐานะที่พี่รองจ้าวเป็นลูกชายคนโต เขาย่อมเป็นคนแรกที่เกลี้ยกล่อมให้พ่อและแม่ไม่แยกบ้าน ถึงแม้ว่าพี่สะใภ้รองจ้าวจะแอบกังวล แต่หล่อนก็ทำได้เพียงคล้อยตามและช่วยโน้มน้าวคุณพ่อคุณแม่

พี่สามจ้าวก็ช่วยเกลี้ยกล่อมด้วย กล่าวว่าเรื่องนี้คุยกันจบแล้วทำไมถึงยังมาพูดเรื่องแยกบ้านกันอีก? การที่ครอบครัวใหญ่ได้อยู่ด้วยกันมันดีขนาดไหน?

พี่สะใภ้จ้าวสามหน้าไม่หนาเท่าเขาที่จะพูดออกมาแบบนี้ หล่อนจึงทำได้แค่อยู่อย่างเงียบ ๆ

จ้าวเหวินเทาและเย่ฉูฉู่มองดูพวกเขาเล่นใหญ่แล้วก็พอจะมองออกว่าพี่รองจ้าวไม่คิดอยากจะแยกบ้านจริง ๆ แต่พี่สะใภ้รองจ้าวกลับแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการแยกบ้าน เพียงแต่ปากแค่พูดว่าไม่แยกบ้านก็เท่านั้น

ยังมีพี่สามจ้าวอีกคน เย่ฉูฉู่นั้นยังดีที่ไม่ได้บ่นอะไรออกไป แต่จ้าวเหวินเทากลับอึดอัดใจที่สุดกับพี่สามของเขาคนนี้ ช่างหน้าซื่อใจคดเสียเหลือเกิน

อยากแยกบ้านก็แยกสิ ไม่มีใครว่าอะไรเขาสักหน่อย แต่เขากลับทำตัวเป็นคนดีไปได้!

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ขึ้นมาจริง ๆ คนที่ไม่เต็มใจที่จะแยกบ้านมากที่สุดจึงมีเพียงพี่สี่จ้าวและพี่สะใภ้สี่จ้าว

ทั้งสองคนไม่เคยรู้ข่าวนี้มาก่อน ดังนั้นเมื่อได้ยินข่าวนี้ก็ถึงกับตกตะลึง

“พวกเธอสองคนพูดอะไรกันเนี่ย” คุณแม่จ้าวถลึงตามองพวกเขาทั้งสองคนแวบหนึ่ง

นางแค่เอ่ยปากถาม แต่อย่างไรก็ต้องแยกบ้านอยู่แล้ว

“พ่อ แม่ พวก…พวกเราอยู่ด้วยกันก็ดีอยู่แล้วทำไมถึงต้องแยกบ้านด้วยล่ะครับ?” พี่จ้าวสี่พูดตะกุกตะกัก แม้ว่าเขาจะกล่าวอย่างโง่งม แต่สีหน้าของเขากลับวิตกกังวลจริง ๆ

เพราะเขาไม่ได้คิดเรื่องที่จะแยกบ้านเลยแม้แต่น้อย และคิดว่าพ่อกับแม่ของเขาก็คงไม่ยอมให้แยกบ้านด้วย ใครจะไปรู้ว่าทั้งคู่จะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอย่างกะทันหันแบบนี้!

เช่นเดียวกับพี่สะใภ้สี่จ้าวที่มีท่าทางวิตกกังวลเช่นกัน “นั่นสิคะคุณพ่อคุณแม่ เราอยู่กันอย่างนี้ก็ดีแล้ว ครอบครัวใหญ่ก็มีความสุขดีไม่ใช่เหรอคะ ทำไมถึงต้องแยกบ้านกะทันหันแบบนี้ด้วยล่ะ?” หล่อนกล่าวคนเดียวไม่พอ ยังดึงจ้าวเหวินเทาและเย่ฉูฉู่เข้ามาด้วย “พวกเธอทั้งสองคนก็พูดอะไรหน่อยสิ ครอบครัวเราก็ดีอยู่แล้ว จะแยกบ้านไม่ได้นะ!”

การที่พี่สะใภ้สี่ไม่อยากแยกบ้านไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพราะหล่อนมีเพียงลูกสาวสองคน แต่ไม่มีลูกชายแม้แต่คนเดียว ลูกสาวทั้งสองคนจะไปทำอะไรได้? ทำงานแบกหามอะไรก็ไม่ได้ ครั้นเติบโตก็เปลี่ยนเป็นสินสอดทองหมั้นแต่งออกจากบ้านหมดแล้ว ลูกชายที่จะอยู่ข้างกายของหล่อนแม้เพียงคนเดียวก็ไม่มี!

ถ้าครอบครัวนี้แยกกันแล้ว หล่อนจะทำอย่างไรล่ะ?

“พี่สะใภ้สี่ พี่เองก็ไม่ชอบที่ผมไม่ยอมทำงานทำการไม่ใช่เหรอครับ แยกบ้านกันตอนนี้ก็เป็นเรื่องที่ดี หลังจากนี้ทุกคนก็ได้มีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่ต้องให้ใครพูดถึงใครแล้ว นี่ก็เป็นไปตามความปรารถนาของพี่เลยนะครับ!” จ้าวเหวินเทาเบ้ปากพูด

เสแสร้งแบบนี้ให้ใครมองล่ะ? ปกติก็เป็นพี่สะใภ้สี่คนนี้ที่คิดเล็กคิดน้อยมากที่สุด แถมยังพูดจาให้ร้ายลับหลังเขาไม่น้อย

พี่สี่จ้าวกล่าวอย่างร้อนใจ “นี่มันอะไรกัน? นี่มันอะไรกัน?”

เขาเองก็ไม่อยากแยกบ้านเหมือนกับพี่สะใภ้สี่จ้าว เพราะเขาไม่มีลูกชาย ถ้าแยกบ้านไปแล้วก็มีเพียงไม่กี่คนในครอบครัว เมื่อถึงตอนนั้นคงไม่มีใครช่วยเหลือเขาได้แล้ว

ครอบครัวต้องอาศัยแรงกายของเขาและภรรยาเพียงสองคน จะพอหาเลี้ยงปากท้องของคนในครอบครัวได้อย่างไร?

ยังดีที่ภรรยาของเขาไม่ได้ตั้งครรภ์ ถ้าหากภรรยาของเขาตั้งครรภ์ขึ้นมาก็ไม่สามารถทำงานได้ เท่ากับเขาต้องรับผิดชอบครอบครัวเพียงคนเดียวเลยนะ!

“พี่สี่ ผมรู้ว่าพี่เป็นคนดี ในใจของพี่ยังเห็นผมคนนี้เป็นน้องชาย ถ้าน้องชายอย่างผมประสบความสำเร็จในอนาคต ผมจะไม่ลืมพี่อย่างแน่นอน” จ้าวเหวินเทาปลอบพี่สี่ของเขา

พี่สี่ของเขาคนนี้เป็นคนซื่อสัตย์มาก เพราะเขาเป็นคนซื่อเกินไปนี่เอง ดังนั้นแม่ของเขาจึงให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่ฉลาดกว่าเพื่อที่จะได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

ใครจะไปคิดว่าเขาจะตบแต่งกับพี่สะใภ้สี่แสนใจแคบกลับมาที่บ้าน

“เจ้าหก นายรีบพูดกับพ่อสิ พวกเรา…พวกเราไม่แยกบ้านแล้ว!” พี่สี่จ้าวพูดตะกุกตะกัก เขาเป็นคนพูดไม่เก่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยามต้องพบเจอเรื่องด่วนแบบนี้เลย

“เรื่องนี้เจ้าหกจะไปทำอะไรได้? พ่อกับแม่บอกแล้วไงว่าจะแยกบ้านแล้ว” พี่สามจ้าวทนไม่ไหวอีกต่อไป ด้วยกลัวว่าจะไม่สามารถแยกบ้านได้ เขาถอนหายใจในทันที

พี่สะใภ้สี่จ้าวมองไปทางบ้านรองและบ้านสาม ทันใดนั้นจึงพบว่าตัวเองคงจะเป็นคนเดียวที่โดนหลอกอยู่!

เพราะหล่อนค่อนข้างสนิทกับพี่สะใภ้รองและพี่สะใภ้สาม และตีตัวออกห่างจากเย่ฉูฉู่น้องสะใภ้หกคนนี้ เพราะอยากให้เธออยู่อย่างโดดเดี่ยว

แต่ในวันนี้จู่ ๆ ชะตาของหล่อนกลับพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ

หล่อนรู้สึกว่าตัวเองถูกหลอกเข้าแล้ว เพราะหล่อนไม่มีลูกชาย จะไปสนิทกับพวกหล่อนทั้งสองคนได้อย่างไรกัน? พวกหล่อนทั้งสองคนต่างก็มีลูกชาย เถี่ยต้านของพี่สะใภ้รองอายุสิบสองปี หลูต้านอายุสิบปี ส่วนหม่าต้านของพี่สะใภ้สามที่เกิดปีเดียวกันกับหลูต้านก็มีอายุสิบปีเช่นเดียวกัน

หลังจากผ่านไปอีกสักสองสามปีก็สามารถใช้แรงงานได้แล้ว!

แต่ครอบครัวของหล่อนและบ้านหกล่ะ? หล่อนยังไม่มีลูกชาย มีเพียงลูกสาวสองคน ส่วนครอบครัวทางบ้านหกก็ยังไม่มีข่าวคราวว่าจะตั้งครรภ์ แม้แต่ลูกสาวก็ไม่มี

นี่เป็นการยืนผิดฝั่งโดยแท้!

“ก่อนหน้านี้ฉันมองไม่ออกจริง ๆ ไม่คิดว่าพี่สามจะแสดงได้ดีขนาดนี้ เปลี่ยนสีหน้าซะรวดเร็วขนาดนี้เกรงว่าแม้แต่นักแสดงหลักบนเวทีก็เทียบไม่ติดเลยนะคะ!” พี่สะใภ้สี่จ้าวกัดฟันกล่าวด้วยโทสะ

หล่อนรู้สึกว่าเรื่องการแยกบ้านนี้ต้องเป็นเรื่องที่บ้านรองและบ้านสามเป็นคนหยิบยกขึ้นมาพูดอย่างแน่นอน!

“น้องสะใภ้สี่พูดเรื่องอะไรน่ะ!” พี่สามจ้าวรู้สึกเสียหน้า ตำหนิเสียงเกรี้ยวกราด

“แล้วฉันพูดผิดตรงไหน ไม่ใช่เพราะพี่สามกับพี่รองที่ต้องการให้คุณพ่อคุณแม่แยกบ้านเหรอคะ? ตอนนี้ยังจะมาแกล้งทำไก๋อะไรอีก ลูกชายของพวกพี่ก็โตกันหมดแล้ว แยกบ้านได้ก็คงมีความสุขมากแน่ ๆ เป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ อาศัยครอบครัวเลี้ยงดูลูกชายจนเติบใหญ่ แล้วก็คิดแยกบ้านออกไป คำนวณแผนการไว้ได้ดีจริง ๆ!” พี่สะใภ้สี่จ้าวร่ายยาวด้วยความคับแค้นใจ

พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เธอพูดอะไรของเธอ พวกเราไม่เคยพูดเรื่องแยกบ้านมาก่อนเลยนะ!”

“นั่นสิ น้องสะใภ้สี่เธออย่าหาเรื่องไปทั่วเลย!” พี่สะใภ้สามจ้าวก็ไม่มีความสุขเช่นกัน จึงกล่าวออกมา

ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ชื่อเสียงของพวกหล่อนจะเสื่อมเสียขนาดไหนกัน? ยังจะอยู่ในหมู่บ้านนี้ได้อีกเหรอ?

พี่สะใภ้สี่จ้าวกำลังจะลุกขึ้นทะเลาะกับพวกหล่อน

จ้าวเหวินเทาและเย่ฉูฉู่ต่างไม่พูดไม่จาขณะมองดูความคึกคักนี้ พวกเขาไม่ได้โง่ ทั้งคู่ไม่มีทางพูดออกไปหรอกว่าเป็นพวกเขาที่ต้องการแยกบ้าน

แต่การแยกบ้านอันที่จริงแล้วเป็นเรื่องที่ดีมาก เย่ฉูฉู่ไม่อยากใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปจริง ๆ โดยเฉพาะพี่สะใภ้สี่จ้าวที่ชอบจ้องจับผิดคนอื่น การถูกจ้องมองราวกับหัวขโมยแบบนี้ทำให้รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย!

“พอแล้ว จะทะเลาะกันทำไม นี่เป็นเรื่องที่ฉันและพ่อของพวกเธอคิดอยากแยกบ้านเองต่างหาก พวกเธอทุกคนต่างก็แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว ตามกฎของหมู่บ้านก็ต้องแยกบ้าน ก่อนหน้านี้เป็นเพราะเหวินเทาเพิ่งแต่งงาน และไม่มีเวลาว่างจึงทำให้ล่าช้าออกไป แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาว่างจากการทำนาแล้ว การแยกบ้านก็เป็นเรื่องที่ควรทำไม่ใช่เหรอ? จะทะเลาะกันเพื่ออะไร!” คุณแม่จ้าวส่งเสียงเอ็ดด้วยใบหน้าเย็นชา

…………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เป็นไงล่ะ ประกาศแยกบ้านจริงมีคนออกมาดิ้นแล้ว ไม่มีใครให้เธอค่อนแคะแล้วล่ะสะใภ้สี่

ไหหม่า(海馬)