ตอนที่ 40 เอาอีก!
สถานที่จัดงานที่มีคนเกินกว่าสองพันคนต่างเงียบมาก
เงียบจนใครไออยู่ตรงมุมก็สามารถได้ยินกันถ้วนหน้า
ทว่าอารมณ์ที่ไม่อาจใช้อธิบายได้ทำให้เกิดการปลุกใจท่ามกลางกลุ่มผู้คน!
ลู่เฉินวางกีตาร์ลง ความรู้สึกของคนที่ผ่านโลกมามากในดวงตาของเขาเหมือนน้ำลง กลับสู่ความสว่างเหมือนเดิม
แล้วก็พูดอย่างสั้นๆ และง่ายๆ ว่า
“ขอบคุณครับ!”
เสียงปรบมือดังขึ้นทันที ตอนแรกก็เป็นเสียงปรบมือแปะๆ สองสามที ไม่ช้าดูเหมือนผู้คนถูกปลุกให้ตกใจตื่น แล้วจึงปรบมือตามอย่างแรง
พวกเขาจ้องมองลู่เฉินพลางปรบมือ จากกระจายก็กลายเป็นหนาแน่น จากที่วุ่นวายก็กลายเป็นระเบียบ ต่อกันไปเรื่อยๆ!
“เอาอีก!”
ไม่รู้ว่าเป็นใครที่ร้องตะโกนอยู่ในกลุ่มผู้คน จากนั้นทุกคนที่อยู่โดยรอบก็เป็นไปด้วย
“เอาอีก!” “เอาอีก!” “เอาอีก!”
มือสองข้างจำนวนนับพันชูขึ้นมา เสียงกรี๊ดกร๊าดแผดเสียงนับไม่ถ้วน เกิดคลื่นเสียงขนาดใหญ่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน
แม้แต่คนที่เงียบมากๆ อยู่ในนี้ก็ยังรู้สึกตัวสั่นหนังศีรษะชาไปด้วย ตื่นเต้นจนไม่อาจควบคุมเลือดที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในร่างกายของตัวเองได้ อดใจไม่ไหวอยากขอมีส่วนร่วมร้อง ‘เอาอีก’! ด้วยคน
ภาพแบบนี้ โดยทั่วไปแล้วมักจะเกิดขึ้นในงานดนตรีขนาดใหญ่ หลังจากอารมณ์ของผู้ชมที่อยู่ในงานทะยานขึ้นไปสูงแล้วจะปรากฏคำว่า ‘เอาอีก’ ขึ้นมา ในขณะเดียวกันก็มีความหมายว่าอยากให้นักร้อง ร้องอีกหนึ่งรอบหรือไม่ก็ร้องอีกหนึ่งเพลง
ต้นกำเนิดของมันมาจาก เพลง ‘GO’ ที่เป็นเพลงร็อกคลาสสิคร้องโดยวงบลูเบิร์ดซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในประเทศสหรัฐอเมริกา ตอนที่บรรดาแฟนคลับที่อยู่ในงานได้ฟังเพลงนี้ จะชอบตะโกนคำว่า ‘GO’ ไปตามจังหวะเสียงสูงของดนตรี ทำให้ร้องเพลงจบแล้วก็ยังไม่หยุด จนกระทั่งวงบลูเบิร์ดต้องยอมร้องเพลงอีกรอบตามความต้องการของพวกเขา
ดังนั้นจึงเกิดกระแสมาที่ประเทศจีน แฟนเพลงภายในประเทศจึงเปลี่ยนจากคำว่า ‘GO’ เป็นคำว่า ‘เอาอีก’ เพื่อให้เหมาะสมกับตัวเอง ความหมายเหมือนกัน แต่เสียงกลับทรงพลังมากกว่า!
เอาอีกๆๆ! ให้คุณร้องจนสะเทือนไปถึงท้องฟ้า!
เหล่านักร้องที่มาร่วมงานบลูไลท์มิวสิคออฟไนท์ก็กำลังฟังอยู่เหมือนกัน นอกจากความอิจฉาแล้วก็ไม่สามารถ แสดงความรู้สึกริษยาอะไรทำนองนั้นออกมาได้ เพราะพวกเขาเข้าใจความหมายของคำว่า ‘เอาอีก’ ได้เป็นอย่างดี
ยกเว้นแฟนคลับจำนวนน้อยที่เป็นบุคคลที่หลงใหลในดนตรีอย่างแท้จริง ถ้าอยากได้รับการยอมรับจากพวกเขาถือเป็นเรื่องที่ยากมาก ในอดีตที่ผ่านมาก็มีจำนวนที่น้อยมากจริงๆ
เมื่อเทียบกันแล้ว บรรยากาศครึกครื้นที่มาจากวงเฟยตู้กับเฉิงเสี่ยวตงก่อนหน้านี้ ถือว่าไม่ได้เก่งอะไร!
นอกจากนี้พวกเขาก็อยากให้ลู่เฉินร้องอีกหนึ่งรอบ เพลง ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ นี้ถูกใจจิตวิญญาณของพวกเขาจริงๆ
เมื่อครู่ยังฟังไม่หนำใจเลย!
คำว่า ‘เอาอีก’ เกิดเป็นคลื่นเสียงไปทั่วงาน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้คนในโซนวีไอพีของบาร์บลูโลตัสเช่นกัน
เหล่าคนในวงการต่างมองหน้ากัน นอกจากความตื่นเต้นแล้วก็ไร้ซึ่งคำพูดใด
ต่งอวี่จ้องมองลู่เฉินที่ยืนอยู่บนเวทีตาไม่กะพริบ ดวงตาสวยราวนกการเวกที่อยู่ภายใต้กรอบแว่นสีดำของเธอเผยสายตาที่แปลกไป เหมือนจะพูดพึมพำกับตัวเอง “เป็นฉากที่สนุกมีสีสันจริงๆ…”
ซูชิงเหมยที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอแทบอยากจะมุดหน้าหนี เมื่อครู่เธอมั่นใจว่าจะทำให้ลู่เฉินหน้าแตก แต่ไม่คิดว่าลู่เฉินกลับทำให้ทุกคนต้องทึ่ง
ในขณะเดียวกันก็ยังเหมือนกับตบหน้าเธออย่างแรงด้วย!
เธออุตส่าห์ใช้เล่ห์กลเล็กๆ น้อยๆ แบบนั้นกับลู่เฉิน ไม่ว่าจะเป็น ‘อาหารเรียกน้ำย่อย’ หรือว่า ‘อาหารมื้อใหญ่อันเลิศรส’ ก็ตาม กลับไม่มีผลใดๆ ทั้งสิ้น ได้แต่กวาดทิ้งลงถังขยะไป
คุณซูจอมหยิ่งและยโส จะทนต่อการโจมตีแบบนี้ได้อย่างไร!
ต่งอวี่ไม่ได้ยั่วเย้าน้องสาวของตัวเองแล้ว เธอหมุนตัวมา พูดกับซูชิงเหมยอย่างจริงจังว่า “สายตาเธอไม่เลวนะ ฉันจะเป็นคนไปคุยเรื่องสัญญากับเขาด้วยตัวเอง!”
ซูชิงเหมยมุดศีรษะไปที่อ้อมอกของอีกฝ่ายอย่างแนบแน่น จากนั้นพูดว่า “อืม” ขึ้นมา
ต่งอวี่ยิ้มอย่างสวยงาม
คนที่นั่งโต๊ะเหล้าอยู่ข้างๆ เธอ เถ้าแก่ฉางเหว่ยซึ่งชอบทำสีหน้านิ่งไร้อารมณ์เป็นปกติก็ยังมีสีหน้าตกใจ
เขามองไปที่เฉินเจี้ยนหาวที่ตกตะลึงอ้าปากค้างอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาที่เหลือเชื่อ แล้วพูดพึมพำว่า “เหล่าเฉินนะเหล่าเฉิน นายซ่อนได้ลึกมากจริงๆ กล้าฝังระเบิดลูกใหญ่ขนาดนี้ให้ฉัน!”
เทศกาลดนตรีคาร์นิวัลไนท์จัดขึ้นโดยการร่วมมือกันของบริษัทชิงอวี่มีเดียกับบาร์บลูโลตัส ฝ่ายผู้จัดหลักก็คือชิงอวี่มีเดีย ตอนนี้กำลังให้การสนับสนุนวงจื่อเป่ยเจินที่เพิ่งเซ็นสัญญาอยู่ภายใต้สังกัดของตัวเอง
วงจื่อเป่ยเจินกับกานหล่างก็เตรียมตัวอย่างตั้งใจในครั้งนี้ ก่อนหน้านั้นก็ยังทุ่มเงินหนักจ้างนักแต่งเพลงมาทำการเรียบเรียงเพลงใหม่ให้พวกเขาถึงสองเพลง นอกจากนี้ยังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ที่ดีจากคนในวงการ และรอคอยเพียงความตื่นตะลึงในงานเทศกาลดนตรีในค่ำคืนนี้เท่านั้น!
ลู่เฉินมาจากบาร์เดย์ลิลลี่ เดิมทีเป็นเพียงแค่ตัวรองรับและเสริมให้เด่นเท่านั้น เป็นแค่เพียงแท่นรองเท้าของวงจื่อเป่ยเจิน
แต่ใครจะคิดว่าลู่เฉินกลับหยิบผลงานเพลงต้นฉบับที่มีสีสันออกมาเช่นนี้ เกิดความฮือฮาอึกทึกครึกโครมในสถานที่จัดงาน!
ราวกับว่าเทศกาลดนตรีคาร์นิวัลไนท์ครั้งนี้จัดขึ้นมาเพื่อเขาโดยแท้!
ถึงแม้จะไม่มีผลกระทบอะไรกับฉางเหว่ยและบาร์บลูโลตัส ตรงกันข้ามกลับมีข้อดีมากกว่า แต่เขาก็ยังรู้สึกงงอยู่มากเหมือนกัน
คนที่นั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับฉางเหว่ยและเฉินเจี้ยนหาว ยังมีชายวัยกลางคนที่สง่าและสุภาพคนหนึ่ง เขาได้ฟังการพร่ำบ่นของฉางเหว่ยแล้ว จึงส่ายหน้าพูดว่า “เพลงนี้ เพลงนี้…”
ชายวัยกลางคนคนนี้ก็เป็นคนในวงการเหมือนกัน ชื่อของเขาคือเฉินเค่อ เป็นบรรณาธิการนิตยสารและนักวิจารณ์เพลงของ ‘เป่ยจิงป็อบมิวสิค’ มีนามปากกาอื่นว่า ‘นักพเนจรท่องยุทธภพ’ เป็นบุคลลที่มีชื่อเสียงมากในวงการนี้
เฉินเค่อกับฉางเหว่ยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก เขามาร่วมงานเทศกาลดนตรีของบาร์บลูโลตัสหลายครั้งแล้ว เพลงใหม่ของวงจื่อเป่ยเจินก็ยังได้รับการยอมรับจากเขา นอกจากนี้ยังให้คำวิจารณ์ที่ไม่เลว
แต่ตอนนี้เขาต้องยอมรับว่า สองเพลงใหม่กับเพลง ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ ไม่อาจเทียบกันได้เลย!
เพียงแต่เฉินเค่อไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี เพราะว่าเพลงแบบนี้เป็นผลงานของคนที่ผ่านโลกมามาก ไม่ควรจะถูกเขียนออกมาจากเด็กอายุยี่สิบต้นๆ
แต่เรื่องจริงก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า ลู่เฉินไม่เพียงเขียนเพลง ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ นอกจากนี้ยังร้องเพลงอย่างมีความหมายลึกซึ้งได้อย่างแท้จริง!
ไม่น่าเชื่อจริงๆ!
เขาส่ายหน้าไม่ได้หมายความว่าปฏิเสธ แต่เป็นความรู้สึกที่ถูกล้มล้าง จนเปลี่ยนความคิดแทบไม่ทัน
เขาจึงแบมือยิ้มอย่างขมขื่นและพูดกับฉางเหว่ยว่า
“พี่ฉาง พี่อย่าใส่ร้ายผมสิ ผมไม่รู้เรื่องนะ!”
ทุกคนหัวเราะขึ้นมา น้อยมากที่จะได้เห็นมือฉมังคนนี้ทำท่าออดอ้อนน่ารัก
ในขณะเดียวกัน ห้องถ่ายทอดสดของ ‘จิงอวี๋ทีวี’ บรรยากาศยิ่งคึกคักขึ้นไปอีก!
“สุดยอดๆๆ! เพลงใหม่ของท่านลู่เฟยเยี่ยมจริงๆ!”
“เห็นด้วย ฉันฟังแล้วอยากจะร้องไห้”
“รักผู้จัดรายการหลักของพวกเรา ขอถามทุกคน ใครพอบอกฉันได้บ้างว่าใครคือองค์หญิงน้อยของผู้จัดรายการหลักของพวกเรา ฉันรับรองว่าจะไม่ไปทำร้ายเธอแน่นอน”
“ได้ฟังเพลงแบบนี้ ทั้งชีวิตนี้ของฉันรู้สึกคุ้มค่าแล้ว!”
“อยากฟังอีกสักรอบจัง อยากไปอยู่ที่งานจัง อยากไปๆๆๆ!”
“ฮ่าๆๆๆ เมื่อครู่ใครพูดกันว่าลู่เฟยรู้สึกกดดัน หน้าบวมหรือยัง”
“โอเค หน้าของฉันบวมแล้ว แต่ฉันดีใจ!”
“เอาอีกๆๆ!…”
ระบบเตือน: เรียกฉันว่าหลี่ไป๋ (เงินIII) มอบเรือบรรทุกเครื่องบินหนึ่งลำ!
ระบบเตือน: เรียกฉันว่าหลี่ไป๋ (เงินIII) มอบเรือบรรทุกเครื่องบินหนึ่งลำ!
ระบบเตือน: พี่ปลาวาฬ (ทองVI) มอบเรือบรรทุกเครื่องบินหนึ่งลำ!
ระบบเตือน: ใครก็อย่าห้ามฉัน (เงินIX) มอบเรือบรรทุกเครื่องบินหนึ่งลำ!
…
เมื่อเห็นเรือบรรทุกเครื่องบินทีละลำผ่านบนหน้าจอ หลี่เฟยอวี่ก็ยิ้มจนปากเบี้ยว
ตอนนี้การถ่ายทอดสดในค่ำคืนนี้ ได้รับเงินรางวัลจากพวกแฟนคลับ มีมูลค่ารวมของลูกบอลปลาที่มากกว่า 20T ซึ่งเกินเป้าหมาย 5T ที่เขารับปากกับลู่เฉินเอาไว้อย่างสิ้นเชิง!
ไม่เพียงเท่านี้ ความนิยมขณะออนไลน์ในห้องถ่ายทอดสดก็มียอดทะลุเกินหนึ่งแสนห้าหมื่นคนแล้ว มีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงขึ้น
เหตุการณ์ที่น่าตื่นตะลึงเช่นนี้ ทำให้เพื่อนนักเรียนพี่เสี่ยวเฟยอยากจะโทรศัพท์หาลู่เฉินในทันที
ร้องอีกสองเพลงสิ!
“เอาอีก!” เอาอีก! “เอาอีก!”
ผู้ชมที่อยู่ในงาน ต่างก็พูดคำว่า ‘เอาอีก’ นานถึงหนึ่งนาทีเต็ม ลู่เฉินที่ได้รับความประทับใจอย่างเต็มเปี่ยมจากพวกเขา ก็สงบสติอารมณ์ได้ในที่สุด เขายิ้มพร้อมกับนัยน์ตาที่เป็นประกาย
จากนั้นจึงพูดกับไมค์ว่า “ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนจากทุกคนครับ…”
เสียงร้องตะโกนสงบลง ทุกคนอยากฟังคำพูดของลู่เฉินอย่างตั้งใจ
ลู่เฉินพูดต่อ “ต่อไป ผมขอมอบผลงานเพลงที่สองของผมให้กับทุกคนครับ”
“เหมือนเดิมครับ ผมเพิ่งร้องในที่สาธารณะเป็นครั้งแรก!”
อะไรนะ เพลงใหม่แต่งเองเพลงที่สอง?
คนมากมายยังคิดว่าตัวเองฟังผิด เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา
ท่ามกลางบรรยากาศในตอนนี้ ทุกคนไม่ว่าใครก็คิดว่าลู่เฉินจะทำตามคำขอของพวกเขา ร้องเพลง ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ อีกครั้ง เพื่อให้ทุกคนฟังจนรู้สึกพอใจและหนำใจในที่สุด!
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ลู่เฉินจะหยิบเพลงที่สองออกมา
เขาเก่งเกินไปแล้วหรือเปล่า
…………………………………………………………………………