ตอนที่ 465 เป็นมือโปรจริงด้วย
ณ ศูนย์ซ้อมของทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ แน่นอนว่ามั่วซูอวิ๋นไม่มีรถฝึกซ้อมที่เป็นของตัวเอง ก็เลยสุ่มเลือกรถมาหนึ่งคัน
“พวกนายเตรียมตัวต้อนรับการแข่งขันครั้งสุดท้ายในทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อหรือยัง”
มั่วซูอวิ๋นเปิดประตูฝั่งคนขับออก ก้าวขาเข้าไปข้างหนึ่งแล้วแต่ก็ยังไม่วายพูดกับมือแข่งรถทุกคนในทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ
สิ้นเสียงมั่วซูอวิ๋น ทุกคนในทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อหัวเราะขึ้นมาด้วยความเย้ยหยัน
ไม่มีใครคุ้นเคยกับสนามฝึกของตระกูลเฮ่อมากกว่าพวกเขา ถึงแม้จะเป็นมือแข่งรถระดับมืออาชีพจากทีมไฟเยอร์ แต่ในสนามแข่งของทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะชนะพวกเขา
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจตัวเอง มั่วซูอวิ๋นรู้สึกน่าเบื่อก็เลยเข้าไปในรถ
ผ่านไปสักพัก เสียงกระหึ่มจากรถสิบกว่าคันดังสนั่นขึ้น
หลังจากได้รับสัญญาณแล้ว รถแข่งที่เฮ่อหมิงไข่เป็นคนขับนั้นพุ่งออกจากจุดสตาร์ทเป็นคันแรกอย่างระมัดระวัง มั่วซูอวิ๋นตามหลังมาติดๆ
ภายในเวลาไม่กี่วิ รถแข่งของทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อออกจากจุดสตาร์ทไปในพริบตา
รถที่เฮ่อหมิงไข่เป็นคนขับถึงจะไปด้วยความเร็วสุดขีด แต่ผ่านไปไม่นาน ภายใต้สายตาที่จับจ้องของผู้คนกลับโดนมั่วซูอวิ๋นแซงหน้าไปอย่างง่ายๆ
มั่วซูอวิ๋นนำรถที่ตัวเองขับอยู่ไปอยู่ตรงหน้าของรถเฮ่อเล่อเฟิง ชะลอความเร็วลงเล็กน้อย เหมือนกำลังตั้งใจรอเฮ่อหมิงไข่อยู่
และแล้วในขณะที่เฮ่อเล่อเฟิงจะตามขึ้นไปจนกระทั่งใกล้จะแซงมั่วซูอวิ๋น กลับเห็นรถที่มั่วซูอวิ๋นเป็นผู้ขับเร่งความเร็วขึ้นมา อาศัยเทคนิคขั้นสูงกลั่นแกล้งเฮ่อหมิงไข่แล้วหายแว๊บไปในพริบตา
เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว สีหน้าของเฮ่อสยงเปลี่ยนไปทันที
ต่อให้ทุกคนในทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อจะโง่แค่ไหนก็เข้าใจขึ้นมาทันที ผู้ชายที่หลินเยียนพามานี้เป็นมือโปรอย่างไม่มีผิด
แต่เหมือนที่พวกเฮ่อสยงคิดไม่ออกว่าผู้ชายคนนี้ที่มีฝีมือการขับที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ จะยอมเข้ามาในทีมรถแข่งระดับต่ำแบบทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อได้ไง
ใจเขาใจเรา ถ้าคนใดคนหนึ่งในระหว่างพวกเขามีฝีมือการขับระดับนี้แล้ว ไม่ว่าทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อจะใช้เงินเยอะแค่ไหน พวกเขาก็ไม่หวั่นไหวแน่นอน
เข้าร่วมทีมรถแข่งระดับต่ำอย่างทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อที่ไม่มีความหวังใดๆ เหมือนกำลังผลาญเวลาในอาชีพของตัวเองและถือว่ากำลังล้อเล่นกับชีวิตวัยรุ่นและอนาคตอีกด้วย
ไม่ว่าจะวิเคราะห์จากอนาคต ค่าตอบแทนหรือความสมเกียรติ ทีมรถแข่งระดับต่ำนั้นยังเทียบกับทีมรถแข่งระดับกลางไม่ได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทีมรถแข่งระดับสูงพวกนั้น
“เสี่ยวเยียน…”
ขณะเดียวกัน ผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนเดินไปข้างๆ หลินเยียน ความตะลึงปรากฎอยู่ในแววตา “มั่วซูอวิ๋นนั่น...เคยเป็นนักแข่งรถมืออาชีพและก็เคยเป็นกัปตันทีมไฟเยอร์ด้วยจริงเหรอ?”
เมื่อฟังที่ผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนพูดแล้ว หลินเยียนพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “ใช่แล้วค่ะคุณตา”
หลังจากยืนยันกับหลินเยียนแล้ว ผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนยังคงรู้สึกเหลือเชื่ออยู่
เพราะตามตรรกะแล้ว นักแข่งรถมืออาชีพที่เคยเป็นอดีตกัปตันทีมไฟเยอร์นั้น จู่ๆ จะมาเข้าร่วมทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อและกลายเป็นกัปตันของทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อถือว่าเป็นไปไม่ได้
ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็เหมือนกับละทิ้งชีวิตหรูหราราวกับมหาเศรษฐีระดับโลกแล้วจะไปเป็นขอทาน ยอมใช้ชีวิตไปกับการขอทาน ดังนั้นเรื่องนี้ถือว่าไม่ใช่เรื่องสมเหตุสมผลแต่อย่างไร
แต่แล้วความจริงก็อยู่ตรงหน้า ไม่ว่ามั่วซูอวิ๋นจะเคยเป็นนักแข่งรถมืออาชีพของทีมไฟเยอร์หรือไม่ แต่ดูจากพลังควบคุมสนามแข่งนี้แล้ว ถือว่าน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะที่นี่เป็นสนามแข่งของทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ สภาพสนามแข่งซับซ้อนเป็นอย่างมาก ลูกทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อทำการฝึกในที่แห่งนี้เป็นเวลานานก็เลยคุ้นเคยกับแต่ละจุดของสนาม แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้แล้ว รถที่มั่วซูอวิ๋นเป็นคนขับก็ได้สะบัดทุกคนจากทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อไปอยู่ท้ายรถหมดแล้ว
ตอนที่ 466 ไก่แจ้ผู้พ่ายแพ้
ดังนั้นถึงตอนนี้แล้ว ไม่ว่ามั่วซูอวิ๋นจะเป็นนักแข่งรถมืออาชีพในทีมรถแข่งระดับสูงและเคยรับตำแหน่งกัปตันหรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว
สิ่งที่สำคัญคือมั่วซูอวิ๋นเป็นมือโปรที่มีทักษะการแข่งรถสูงจริงๆ ไม่ใกล้เคียงกับทีมรถแข่งระดับต้นอย่างทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อแม้แต่น้อย
“ดี…ดีมาก…”
ขณะนี้ ความตื่นเต้นที่อธิบายไม่ได้ปรากฏขึ้นในแววตานายผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุน ถ้ามีมือโปรระดับนี้เสริมทัพทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อล่ะก็…
ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อคงจะน้อมรับความหวังอย่างไร้ขีดจำกัดนี้ไว้ อีกทั้งยังสามารถถอนตัวออกจากทีมรถแข่งระดับต้นได้ด้วย!
“อ้อ” จู่ๆ สายตาของนายผู้เฒ่ามองไปทางอวิ๋นเซวียนที่อยู่ข้างๆ หลินเยียน
สุดท้ายเฮ่อติ้งคุนก็เริ่มเกิดความสงสัยกับผู้ชายคนนี้เหมือนกัน
ดูจากอายุอวิ๋นเซวียนแล้วไม่น่าจะโตมาก น่าจะเพิ่งเรียนจบจากโรงเรียนได้ไม่นาน
“สวัสดีครับเถ้าแก่…”
อวิ๋นเซวียนมองไปทางเฮ่อติ้งคุนแล้วเอ่ยปากพูดขึ้นด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ
ก่อนหน้านั้นเคยได้ยินหลินเยียนแนะนำมาบ้างแล้ว ผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้านี้ก็คือเถ้าแก่ของทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อนั่นเอง
“สวัสดี นายชื่ออวิ๋นเซวียนใช่ไหม” เฮ่อติ้งคุนเผยยิ้มบางๆ
“ใช่แล้วครับ” อวิ๋นเซวียนพยักหน้า
ขณะเดียวกัน หลินเยียนที่อยู่ข้างๆ ได้เล่าเรื่องของอวิ๋นเซวียนให้เฮ่อติ้งคุนฟังอีกครั้ง
สำหรับจุดนี้ เฮ่อติ้งคุนไม่ตกใจเท่าไหร่ จริงๆ แล้วมีผู้สำเร็จการศึกษาภายในประเทศที่ชื่นชอบในการแข่งรถ มั่นใจว่าจะมีอาชีพเป็นการแข่งรถแล้ว สิ่งที่นึกถึงเป็นอย่างแรกส่วนมากจะเป็นทีมรถแข่งที่ค่อนข้างจะมีชื่อเสียง ไม่ค่อยมีใครอยากมาอยู่ในทีมรถแข่งเล็กๆ แบบนี้
แต่ฝีมือการขับรถของอวิ๋นเซวียนเป็นอย่างไร เฮ่อติ้งคุนก็ไม่ค่อยรู้เหมือนกัน
ถึงแม้อวิ๋นเซวียนมีผลงานทางการแข่งรถในสมัยเรียนค่อนข้างโดดเด่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกลายเป็นนักแข่งรถมืออาชีพได้
เฮ่อติ้งคุนยังไม่ทันพูดต่อ เสียงกระหึ่มดังขึ้นมาซะก่อน
ขณะที่พวกเฮ่อติ้งคุนมองไป เห็นแค่รถแข่งที่มั่วซูอวิ๋นเป็นผู้ขับนั้นได้กลับมาที่จุดสตาร์ทอีกครั้ง วิ่งรอบสองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนสมาชิกของทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อรวมถึงเฮ่อหมิงไข่ต่างถูกสะบัดไปอยู่ข้างหลังตั้งนานแล้ว
จังหวะเดียวกัน มั่วซูอวิ๋นเปิดประตูรถออกแล้วค่อยๆ เดินลงมาจากรถ ถอดหมวกกันน็อกแล้วมองไปทางเฮ่อติ้งคุน “เถ้าแก่ครับ ลูกทีมทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อต้องเปลี่ยนตั้งนานแล้ว มีแต่พวกกระจอก ไม่มีใครใช้ได้เลย”
ถ้าเมื่อกี้มั่วซูอวิ๋นพูดแบบนี้ต้องโดนโต้แย้งอย่างถล่มทลายแน่ แต่ในวินาทีนี้ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากแต่อย่างใด
สำหรับนักแข่งรถแล้ว ความเร็วคือทุกอย่าง ในวงการรถแข่งนี้ อำนาจในการพูดล้วนแต่อยู่ในมือผู้เก่งกล้า
คนระดับมั่วซูอวิ๋นจะเข้ามาในทีมรถแข่งอย่างพวกเขาถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่กล้าฝันเลยล่ะ
พวกเขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าคนนี้เป็นกัปตันของทีมไฟเยอร์!
พูดให้ดีคือพวกเขาไม่คิดเลยว่าหลินเยียนจะมีปัญญาดึงตัวกัปตันทีมไฟเยอร์มาได้…
พวกเฮ่อหมิงไข่ที่กว่าจะกลับมายังเส้นชัยนั้นต่างเผยสีหน้าบูดเบี้ยวราวกับไก่แจ้ผู้พ่ายแพ้ ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีกแล้ว
หลินเยียนยิ้มแล้วกวาดสายตามองคนเหล่านั้น “ว่าไงคะ ตอนนี้พวกเรามาคุยเรื่องฟอร์มทีมใหม่ได้หรือยัง”
เฮ่อหมิงไข่และเฮ่อสยงยืนหน้าบึ้งอยู่ตรงนั้นไม่พูดไม่จาใดๆ คนอื่นก็ไม่เอ่ยปากอะไรเช่นกัน
นายผู้เฒ่าเอ่ยปากขึ้น “เสี่ยวเยียน ตอนนี้เริ่มจะมืดแล้ว พรุ่งนี้พวกเราค่อยนัดเวลาคุยกับกัปตันมั่วแล้วก็เจ้าหนุ่มอวิ๋นเซวียนนี่อีกทีเถอะ!”
ตอนนี้ได้พิสูจน์ความสามารถของมั่วซูอวิ๋นแล้ว ซึ่งหมายความว่าหลินเยียนหาลูกทีมที่ได้เรื่องเจอแล้วจริงๆ ส่วนเรื่องทดสอบอวิ๋นเซวียนนั้นก็คงไม่รีบแล้วล่ะ
หลินเยียนเหลือบมองมั่วซูอวิ๋นและอวิ๋นเซวียน
มั่วซูอวิ๋นยักไหล่ขึ้น “ได้ครับ ผมไม่มีปัญหา ไอดอลผมว่าไงก็ว่าตาม!”
อวิ๋นเซวียนถึงแม้จะรู้สึกเสียดายที่วันนี้ไม่ได้ขับรถ แต่ก็พยักหน้าตอบรับ “ผมได้หมดครับ…”
เขาไม่คิดว่าหลินเยียนจะดึงตัวอดีตกัปตันของทีมไฟเยอร์มาได้ ไม่น่าเธอถึงกล้ารับประกันกับเขาด้วยความมั่นใจว่าเขาต้องได้เรียนรู้อะไรจากที่นี่แน่…
หลินเยียนพูดขึ้น “โอเค งั้นตามนั้นนะ! คุณตาคะ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันอีกทีค่ะ!”