บทที่ 267: ท่านได้ตายด้วยน้ำมือของว่าที่จ้าวนรกองค์ถัดไป !
ทาดาคัตสึที่ได้ยินเช่นนั้นก็หลับตาลง
มือของเขาเริ่มสลายไปแล้ว แต่เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็เต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะต่อสู้ดังเดิม
เขาสงสัยในเจตนาของฉินเย่มาโดยตลอด ตั้งแต่ที่เขาขึ้นมาบนเรือสำราญ ไปจนเริ่มสู้ และจนถึงจุดที่เขาเริ่มปฏิบัติต่ออีกฝ่ายอย่างเฉยเมย เขาสังหารผู้คนมานับไม่ถ้วน ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าผู้คนแบบใดที่จะแสดงเจตนาสู้ที่รุนแรงออกมา และผู้คนแบบใดที่ไม่มีเจตนาสู้เลยสักนิด
และฉินเย่ก็เป็นคนประเภทหลัง
นี่คือสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจ มันเป็นสิ่งที่เขาสามารถสรุปได้จากประสบการณ์อันมากมายของตัวเอง และเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะคิดผิด
แต่น่าเสียดาย เขาได้พลาดรายละเอียดสำคัญอย่างหนึ่งไป
นั่นก็คือข้อเท็จจริงที่ว่าคนที่เขาได้สังหารมาในอดีตต่างเป็นผู้คนที่อยู่ในวัน 40 ถึง 50 ปีเท่านั้น การคำนวณที่ผิดพลาดของเขานั้นเกิดจากความจริงที่ว่าฉินเย่มีชีวิตอยู่มากว่าร้อยปีแล้ว
ฉินเย่ไม่ได้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของแดนมนุษย์อีกต่อไป แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังสามารถใช้ชีวิตมานานกว่าร้อยปีได้อย่างสงบสุขและกลมกลืนกับผู้คนรอบข้าง หากพูดอีกนัยหนึ่งก็คือการอยู่รอดของเขาถูกสร้างจากการเสแสร้ง และการแสดงก็แทบจะกลายเป็นเหมือนนิสัยที่สองของเขาไปเสียแล้ว
และผลที่ตามมาคือ… เขาคือผู้ที่ไม่เป็นสองรองใครเมื่อเป็นเรื่องของการเข้าใจจิตใจของมนุษย์
ฉินเย่หายใจเข้าช้า ๆ ขณะที่หยิบหมิงชีหยินขึ้นมา “ชื่อของมันคือกระจกส่องกรรม”
“ท่านอาจจะไม่รู้จักมัน แต่กระจกบานนี้คือสิ่งที่ทำให้เกิดคลื่นกระแทกพลังหยินที่มีพลังทำลายร้ายที่รุนแรงก่อนหน้านี้ มันอยู่ห่างจากสมุดแห่งความเป็นตายและเศษตราจ้าวนรกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น แต่ข้าคิดว่าท่านคงจะไม่เคยเห็นมันมาก่อน ดังนั้นข้าจึงใช้โอกาสนี้และเดิมพันด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าท่านคงไม่สามารถรับรู้ได้ทันทีว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ท่านกำลังตามหาอยู่ พูดกันตามตรง หากข้าไม่รู้มาก่อนว่าสมุดแห่งความเป็นตายอยู่ใกล้ ๆ ข้าก็คงไม่สามารถคิดแผนล่วงหน้าได้ถึงขนาดนี้”
“แค่ก แค่ก…” ฉินเย่หมวดคิ้วยุ่ง เขากระอักเลือดออกมามากจนเสื้อของเขาถูกย้อมด้วยสีแดงเข้มอย่างน่าสยดสยองไปหมด แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่คิดที่จะหยุดแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงที่ว่าเขาสามารถเอาชนะฮนดะ ทาดาคัตสึ นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของญี่ คือเกียรติในการต่อสู้ที่เขาภูมิใจ
“การโจมตีก่อนท่านก่อนหน้านี้ทรงพลังมากจริง ๆ แต่ข้าก็พบว่าท่านไม่ได้ใส่พลังหยินเข้าไปในการโจมตีพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย ท่านกลับใช้เพียงกำลังต่อสู้ของตัวเอง และมันก็ทำให้ข้ามั่นใจ… ว่าท่านคือมนุษย์ ในตอนนั้น ข้าทำได้เพียงถามกับกระจกบานนี้ว่า ‘ตอนนี้เรายังสามารถทำอะไรได้บ้าง ?’ โชคดีที่มันเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ภายใต้คำพูดพวกนี้ และในวินาทีที่ท่านสัมผัสกับกระจก มันก็เป็นเวลาที่ชะตากรรมของท่านได้ถูกปิดผนึก… แค่ก แค่ก…”
“หึหึ…” ทาดาคัตสึเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดมิด โอกาสในการกลับมามีชีวิตของเขานั้นช่างสั่นนัก ราวกับน้ำค้างหยดแรกในยามเช้า เขาไม่มีแม้กระทั่งโอกาสในการลิ้นรสความสุขของการมีชีวิตอีกครั้งด้วยซ้ำ
แต่คู่ต่อสู้รายนี้… คู่ต่อสู้ตรงหน้านี้ !
กลับจุดประกายไฟแห่งความมุ่งมั่นภายในใจของเขาให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง !
“เพราะเหตุนี้ กระจกบานนี้ถึงรวบรวมพลังของมันและส่องสว่างออกมาเพื่อบดบังการมองเห็นของข้า” ทาดาคัตสึพึมพำ “และในวินาทีที่โอกาสมาถึง เจ้าก็คว้ามันเอาไว้และเอาชนะข้าได้สำเร็จ เจ้าไม่แม้แต่จะหลบการโจมตีของข้า และยังรับหอกทมโบคิริของข้าโดยตรง… หากเจ้าเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา เจ้าก็คงจะตายไปนานแล้ว”
“แต่เจ้ากลับโจมตีข้าด้วยไม้ขกสังปั๊งของตัวเองเพื่อดึงความสนใจของข้าในขณะที่กระจกส่องกรรมทำลายชุดเกราะของข้าและแย่งสมุดแห่งความเป็นตายไป อันที่จริง เจ้าเต็มใจรับอันตรายและบาดเจ็บสาหัสเพื่อให้ได้มันมาด้วย และจากนั้น สุดท้าย… เจ้าก็ลบชื่อของข้าออกจากสมุดแห่งความเป็นตายได้สำเร็จ”
ฉินเย่พยักหน้าด้วยรอยยิ้มบางที่ประดับอยู่บนใบหน้า
“นี่คือข้อได้เปรียบทางข้อมูล ชัยชนะของปัญญา หากเรามองที่กำลังต่อสู้เพียงอย่างเดียว ต่อให้มีข้าสักสิบคนก็คงไม่สามารถเอาชนะท่านได้ แต่น่าเสียดาย ฮนดะคุง…” ฉินเย่ก้าวเท้าไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง “พวกเราไม่ได้อยู่ในยุคสมัยที่นักรบผู้กล้าสามารถครอบครองโลกด้วยความสามารถในการต่อสู้ที่ไร้ที่ติอีกต่อไป”
“ท่านแพ้แล้ว”
เงียบ
ร่างทั้งร่างของทาดาคัตสึกลายเป็นผุยผงไปโดยสมบูรณ์ และมันก็มีเพียงส่วนศีรษะของเขาเท่านั้นที่ยังไม่หายไป และทันใดนั้น เขาก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “บอกชื่อของเจ้ามา”
“ฉินเย่ ข้าหวังว่าท่านจะจำชื่อนี้จนขึ้นใจ” ฉินเย่เช็ดเลือดบนมือของตัวเองขณะที่หอบอย่างหนักหน่วง “ข้าคือว่าทีจ้าวนรกองค์ต่อไปของยมโลก การได้ตายด้วยน้ำมือของข้านั้นไม่ใช่สิ่งที่น่าเสื่อมเสียเกียรติเลยสักนิด”
“ข้าไม่เคยคิดที่จะสู้กับนักรบผู้ยิ่งใหญ่เช่นท่านอย่างหัวชนฝา โปรดจดจำบทเรียนในครั้งนี้เอาไว้ให้ดี ฮนดะคุง…”
ทาดายูกิแย้มยิ้ม
“ดี” ศีรษะของเขาค่อย ๆ สลายหายไปขณะคำพูดสุดท้ายของเขาดังก้องอยู่ในอากาศ “หากเจ้าสามารถยึดครองญี่ปุ่นได้สำเร็จ เมื่อนั้น… ข้าก็พร้อมที่จะสวามิภักดิ์ต่อเจ้าในฐานะของผู้นำของข้า”
“ชายหนุ่มเฉกเช่นเจ้าไม่ได้เกิดมาเพื่อสงคราม แต่เทพแห่งสงครามเช่นข้าสามารถไว้วางใจได้เมื่อมีคนเช่นเจ้าคอยระวังหลังให้”
ใบหน้าของฉินเย่ซีดเผือด เผยให้เห็นถึงสีหน้าที่หากคนอื่นเห็นก็คงคิดว่าเขาเพิ่งไปทานของแสลงมา
ทันทีที่ทาดาคัตสึสลายไปโดยสมบูรณ์ ฉินเย่ก็หยิบหมิงชีหยินขึ้นมาและเริ่มตีมัน ! เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ ! ออกมานะ !
“เจ้าจะตีข้าทำไมกัน ?! ข้ายังมีสติอยู่ เจ้าโง่ !” แถวข้อความปรากฏขึ้นบนผิวหน้าของกระจก มันกำลังโมโหเป็นอย่างมาก
“มันเกิดอะไรขึ้น ?” น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปนั้นอ่อนแรงเป็นอย่างมาก “คำพูดสุดท้ายของเขาหมายความว่าอย่างไร ? เขายังมีชีวิตอยู่ ? ไม่ใช่ว่าวิญญาณของเขาควรจะสลายหายไปแล้วหรอกหรือ ? เขาจะมาเอ่ยคำสาบานต่อข้าได้อย่างไร ?!”
หมิงชีหยินเอ่ยตอบด้วยความขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก “นี่คือผลของการพลิกกลับของหยินและหยางของสมุดแห่งความเป็นตาย เขาเป็นมนุษย์ ดังนั้นเขาจึงต้องกลับไปที่ยมโลกของญี่ปุ่นเมื่อตายไป หึหึ… ดูเหมือนว่าความภาคภูมิใจของเจ้าจะกลายเป็นสิ่งกีดขวางเจ้าเสียแล้ว แถมเจ้ายังเปิดเผยความจริงที่ว่าเจ้าคือว่าที่จ้าวนรกองค์ถัดไปให้เขาได้รู้ด้วย… เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าอยากจะเย็บปากเจ้ามากเพียงใดเมื่อเจ้าเอ่ยคำพูดเหล่านั้นออกไป ?!”
ฉินเย่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับล้มลงกับส่วนที่เคยเป็นดาดฟ้าเรือทันที เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยความสิ้นหวัง “…มันเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร…”
ท่านกำลังจะบอกข้าว่าการสลายตัวไปก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดเพราะการสูญสลายของดวงวิญญาณ ?
ท่านกำลังจะบอกข้าว่าอีกฝ่ายยังคงมีชีวิตอยู่ดีในยมโลกของญี่ปุ่น ?
ขอโทษสำหรับพฤติกรรมที่สิ้นคิดก่อนหน้านี้… ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ตามหาท่านอีกจนกว่าจะเตรียมตัวพร้อม เราจะห่างกันถึงที่สุดเท่าที่ทำได้จนกว่าจะถึงเวลานั้น โอเคไหม ?
“หยุดถอนหายใจด้วยความสิ้นหวังเสียที !” ข้อความอีกแถวหนึ่งปรากฏขึ้นบนผิวหน้าของกระจก “อาร์ตี้อยู่ห่างจากเราอีกไม่กี่ร้อยไมล์ทะเลเท่านั้น ! รีบจบทุกอย่างที่นี่เสีย ! อิซานามิคงจะประหลาดใจเป็นอย่างมากกับการสำแดงอำนาจของท่านเปาที่ข้าทำไปก่อนหน้านี้ และนางก็คงจะไม่กล้ามาที่นี่เพราะคิดว่าท่านเปาลงทุนมาที่นี่ด้วยตนเอง แต่หากเราปล่อยไว้นานกว่านี้ นางจะต้องรับรู้ถึงความผิดปกติได้แน่ เพราะอย่างไรเสีย นางก็คือภูตผีคลุ้มคลั่ง หากนางเคลื่อนไหว ความสำเร็จทุกอย่างที่เราได้มาจะสูญเปล่า เราอาจจะถูกสังหารที่นี่ ณ ตอนนี้เลยก็เป็นได้ !”
ฉินเย่อ้าปากอย่างตกตะลึงและยืดตัวตรงขณะที่มองไกลออกไป
การต่อสู้ระหว่างโนบูนางะและอะซะอิ นะงะมะซะได้มาได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว และกองกำลังทหารม้ากำลังเริ่มจะเป็นฝ่ายได้เปรียบเหนือกองกำลังของอิซานามิ
อีกฝ่ายควรค่าแก่การได้รับฉายาราชาปีศาจแห่งสวรรค์ชั้นที่ 6 อย่างไม่ต้องสงสัย ผู้ใดจะไปคิดว่าเขาจะสามารถเป็นฝ่ายได้เปรียบทั้ง ๆ ที่มีจำนวนทหารน้อยกว่าตั้งร้อยหรืออาจจะพันตน
ชัยชนะจะถูกตัดสินภายในหนึ่งชั่วโมง… ฉินเย่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกในร่างมนุษย์ขณะที่หรี่ตาลงเพื่อมองการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ซึ่งกำลังเกิดขึ้นในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่
มันจบแล้ว…
ในที่สุดก็จบลงเสียที…
นี่คือสุดยอดการวางแผนตลอดระยะเวลาหลายเดือน เริ่มตั้งแต่การทำวิทยานิพนธ์ของเขามาจนถึงการเดินทางมาที่ตงไห่
วินาทีที่อะซะอิ นะงะมะซะล้มลงจะเป็นวินาทีที่ทุกอย่างมาถึงจุดจบ
เขาสามารถเปิดเส้นทางการค้าทองคำของไม้ฮวงหัวลี่ได้แล้ว และมันก็มีของมูลค่ากว่าหลายพันล้านรอเขาอยู่ในโกดังที่ตงไห่ นอกจากนี้เขายังสามารถสร้างชื่อให้ตัวเองผ่านโลกของการบ่มเพาะด้วยการตีพิมพ์เล่มวิทยานิพนธ์ของเขาอีกด้วย และทั้งหมดที่เขาต้องทำเพื่อปิดฉากมันก็คือการกลับไปที่ตงไห่และเข้าร่วมการแลกเปลี่ยนทางวิชาการที่รอเขาอยู่
นอกจากนี้ เขายังสามารถแย่งถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสี วิญญาณของโนบูนางะ และที่สำคัญที่สุด… สมุดแห่งความตายมาได้ด้วย !
นี่คือสมบัติพื้นฐานชิ้นแรกของยมโลก !
เด็กหนุ่มข่มความรู้สึกมากมายที่เอ่อล้นขึ้นมาภายในใจของตนเองขณะที่มองสมุดโบราณในมือ มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด ราวกับเขามีโลกทั้งใบอยู่ในมือ
มันเหมือนกับว่า… เขามีพลังที่จะสามารถเปลี่ยนชะตากรรมของทุกคนในจีนได้ดั่งใจนึก
ตามธรรมชาติแล้ว มันถือว่าเป็นการใช้อำนาจในทางที่ผิดหากเขาแก้ไขโชคชะตาของมนุษย์โดยพลการ แต่… สมุดแห่งความเป็นตายก็มอบข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลผู้มีชื่อเสียงภายในจีนที่ใกล้จะหมดอายุขัยและเวลาตายที่แน่นอนของคนพวกนั้นให้เขาได้รู้ และข้อมูลพวกนี้ก็จะทำให้เขาพอรับรู้ว่าพวกขนนกทมิฬของชาติอื่นจะมุ่งหน้าเข้ามาที่จีนเมื่อใด และยมโลกก็จะได้เตรียมการสำหรับแย่งชิงและรักษาดวงวิญญาณพวกนี้ได้ทัน !
…เพราะท้ายที่สุดแล้ว ยมโลกจะเคลื่อนไหวก็ต่อเมื่อมีผู้ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นเท่านั้น !
“ท่านครับ !” ทันใดนั้น ร่างทั้งสี่ที่กำลังพยุงกันและกันก็พากันเดินโซเซขึ้นมาที่ดาดฟ้าเรือ
ฉินเย่ได้มุ่งหน้ามาที่ดาดฟ้าเรือทันทีที่เขาทำลายผนึกของถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีได้สำเร็จ ในขณะที่จินโกะซัง โดจิซัง ทาดายูกิ และอิวาซากิยังคงนั่งอยู่ที่ห้องเก็บสินค้าเพื่อพักและฟื้นตัว
สิ่งแรกที่พวกเขาเห็นเมื่อขึ้นมาถึงที่ดาดฟ้าเรือก็คือร่องรอยความเสียหายที่ปรากฏขึ้นทั่วทุกจุดบนพื้น คนทั้งหมดอ้าปากอย่างตกตะลึง และทาดายูกิก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา “คุณเป็นอะไรไหมครับ ? นี่มัน… เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นที่นี่ ?”
“ฝีมือของฮนดะ ทาดาคัตสึ” ศักดิ์ศรีของเขาหมายความว่าเขาจะไม่มีทางปิดบังความสำเร็จของตัวเอง แต่ถึงกระนั้นเสียงที่เอ่ยออกไปก็ยังเรียบนิ่งดังเดิม “มันเป็นการต่อสู้ที่นองเลือด แต่ผมก็โชคดีที่สามารถคว้าชัยชนะมาได้”
เงียบ
มันเป็นความเงียบที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
คนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโดจินซัง จินโกะซัง ทาดายูกิ หรือแม้แต่อิวาซากิต่างมองฉินเย่ด้วยสายตาตกตะลึงเป็นอย่างมาก
“ฮนดะ ทาดาคัตสึ ?” อิวาซากิอ้าปากค้าง “ใช่… ฮนดะ ทาดาคัตสึเดียวกันกับที่ผมคิดอยู่หรือเปล่า ?”
“ก็ถ้าญี่ปุ่นไม่มีฮนดะ เฮฮาจิ ทาดาคัตสึคนที่สอง เราก็คงกำลังพูดถึงคนเดียวกัน” น้ำเสียงของฉินเย่นั้นเย็นชาเป็นอย่างมาก
“พระเจ้า…” ทาดายูกิมองฉินเย่ราวกับตนเพิ่งเห็นผี “พวกเขาถึงขนาดพาฮนดะ ทาดาคัตสึมาด้วยเลยอย่างนั้นเหรอ ?! ละ แล้ว… คะ คะ คุณ… คุณสามารถเอาชนะเขามาได้ยังไงกัน ?!”
ฮนดะ ทาดาคัตสึคือบุคคลในตำนานที่อยู่ในใจของชาวญี่ปุ่นทุกคน บุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุด ตัวตนของเขานั้นเปรียบได้กับลิโป้หรือฌ้อปาอ๋องที่อยู่ในใจของชาวจีน
ลองนึกภาพว่าหากมียมทูตนอกอาณาเขตมายืนอยู่เบื้องหน้าของคุณและพวกเขาสามารถเอาชนะลิโป้หรือฌ้อปาอ๋องได้
พวกเขาควรจะเฉลิมฉลองสำหรับชัยชนะและความปลอดภัยของตัวเอง แต่มันกลับ… ค่อนข้าง… ด้วยเหตุผลบางประการ… หัวใจของพวกเขากลับเริ่มรู้สึกแย่เล็กน้อย…
“ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลามาพูดถึงเรื่องนี้” ฉินเย่หุบยิ้มและเอ่ยต่อด้วยสีหน้าจริงจัง “รีบระดมกองกำลังเท็งงุและพระนักรบไปช่วยโนบูนางะจัดการอะซะอิ นะงะมะซะและกองกำลังของเขาซะ ! พวกเรายังสามารถยับยั้งการอิซานามิได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น นอกจากนี้ กำลังเสริมจะมาถึงในอีกไม่ช้า ยมทูตขั้นตุลาการนรกกำลังเดินทางมาที่นี่ !”
เขาหลับตาลงและถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน “เรา… จะได้ปิดฉากกันเสียที”
รีบปิดฉากการประมูลนองเลือดที่น่าสยดสยองนี้ลงที่นี่ เดี๋ยวนี้เลย…
“ครับ” “รับทราบ” ทัศนคติของพวกเขาที่มีต่อฉินเย่นั้นแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้โดยสมบูรณ์ หากบอกว่าก่อนหน้านี้ที่พวกเขาเคารพฉินเย่เป็นเพราะตัวตนของเขาในฐานะยมทูต แต่ตอนนี้ ความเคารพนี้ไหลออกมาโดยธรรมชาติมากขึ้นสืบเนื่องมาจากความชื่นชมจากใจจริง
นี่คือชายที่เอาชนะฮนดะ ทาดาคัตสึในการต่อสู้ ! ช่างเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ! ยมโลกของจีนน่ากลัวเกินไปแล้ว !
เป็นไปได้อย่างไรที่ยมทูตที่ไหนก็ไม่รู้สามารถเอาชนะหนึ่งในหมู่นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของญี่ปุ่นได้ ?!
หวูดดดด… พร้อมกับเสียงแตรที่ลากยาว กองกำลังเท็งงุและพระนักรบที่ได้พักฟื้นก่อนหน้านี้ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่พวกเขาจะพุ่งตัวเข้าสู่สนามรบและปะทะเข้ากับกองกำลังของอะซะอิ นะงะมะซะโดยตรง ด้วยการมาถึงของพวกเขา กองกำลังของอิซานามิกลับพบว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขาถูกจำกัดมากขึ้นเรื่อย ๆ และยุทธวิธีทั้งหมดก็ชะงักไป ภายในเวลาไม่นาน กองกำลังสีแดงและกองทหารสีดำของโนบูนางะก็เป็นฝ่ายได้เปรียบในสนามรบและเริ่มกำจัดคู่ต่อสู้ของตนเอง !
ฉินเย่ไม่ได้ดูการต่อแต่อย่างใด
พื้นที่ในรัศมีหลายกิโลเมตรจากช่องแคบสึชิมะมืดสนิท
มันคือสีของพลังหยิน
บริเวณนี้มีวิญญาณและพลังหยินมากเกินไป ตั้งแต่วิญญาณของผู้บริสุทธิ์ที่ถูกสังหารในเหตุการณ์ ‘เรือผีสิง’ ไปจนถึงวิญญาณที่ถูกกลืนกินไปโดยคลื่นกระแทกจากการสำแดงอำนาจของท่านเปา และวิญญาณในการต่อสู้นองเลือดบนท้องทะเล พลังหยินที่ปกคลุมผืนน้ำบริเวณมีนี้มากเกินไปจนไม่สามารถถือได้ว่าเป็นดินแดนของคนเป็นอีกต่อไป อย่างน้อยก็อีกสักสิบปีหรือมากกว่านั้น
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มันยังเหลืออีกสิ่งหนึ่งที่ฉินเย่จะต้องทำ
เขากลับมาที่ห้องเก็บสินค้าอีกครั้ง ทั่วทั้งบริเวณถูกปกคลุมไปด้วยความมืด พวกมหาเศรษฐีทั้งหมดยังคงขดตัวอยู่ภายในห้องเพื่อความปลอดภัยของตนเอง เด็กหนุ่มเดินไปยังห้องที่ลึกที่สุดซึ่งสามารถเข้าถึงได้เฉพาะคนของโรงประมูลเจียเต๋อเท่านั้น จากนั้นก็เคาะประตู เสียงสองเสียงตอบกลับมาด้วยความหวาดระแวงเป็นอย่างมาก “นั่นใคร ?!”
มันคือหัวหน้าใหญ่ชูและไป๋อี้ชาน
ฉินเย่ไม่ได้ตอบ เขาเพียงหมุนลูกบิดและเปิดเข้าไป และเขาก็พบกับชายสองคนที่กำลังจ้องเขม็งมาพร้อมกับอาวุธเวทย์สองชิ้นข้างตัวที่พร้อมจะโจมตีออกไปได้ทุกเมื่อ แต่เมื่อทั้งคู่เห็นว่าผู้ที่เข้ามาคือฉินเย่ พวกเขาก็พลันมีท่าทีอ่อนลงในที่สุด
“เรื่องกำลังจะมาถึงจุดจบแล้ว ถือว่าคุณยังโชคดีนะ” ร่างของฉินเย่นั้นเต็มไปด้วยเลือด แต่เขาก็ยังนั่งลงบนโซฟาอย่างใจเย็นพร้อมกับหยิบบางอย่างออกมาและวางมันลงบนโต๊ะ “เรียกทุกคนไปรวมตัวกันที่โถงประมูลและประกาศว่าเรื่องทั้งหมดจบลงแล้ว จากนั้น ผมอยากให้คุณจุดสิ่งนี้”
“ธูปลบความทรงจำ…” หัวหน้าใหญ่ชูกลืนน้ำลาย “แต่… นี่… ไม่ได้เป็นไปตามกฎของการประมูล…”
แต่ฉินเย่กลับโน้มตัวไปหาอีกฝ่ายและจ้องมองคนตรงหน้าอย่างดุดันก่อนจะเขาจะเอ่ยจบ “หากไม่ใช่เพราะความอวดดีของคุณ เราก็คงไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ !”
“จำคำผมไว้ให้ดี… ชีวิตหลังความตายของคุณจะทรมานยิ่งกว่าตกนรกเสียอีก… แต่สำหรับตอนนี้ ผมเป็นคนกำหนดกฎของที่นี่ !”
“ทำตามที่ผมสั่ง ไม่เช่นนั้น ผมจะส่งคุณไปสู่โลกหลังความตายตั้งแต่ตอนนี้เลย !”